พี่น้องที่รัก
อาทิตย์นี้พ่อขอเริ่มประชาสัมพันธ์เรื่องการเรียนคำสอนของพวกเด็กๆที่มีอายุหรือชั้นเรียนพร้อมรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลัง
เด็กที่อยู่ในชั้นเรียนจบ ป.3 และ ป.6 ซึ่งไม่ได้เรียนคำสอนในโรงเรียนคาทอลิก ทางวัดจัดเวลาเรียนให้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26
มีนาคมจนถึงวันพฤหัสที่ 26 เมษายน 2018
ใช้สถานที่เรียนห้องประชุมบ้านพักพระสงฆ์กับห้องโถงใหญ่หลังบ้านพักพระสงฆ์ สามารถรับเด็กได้ไม่จำกัดจำนวน
แต่จำกัดอายุของเด็ก ขอให้อยู่ในระหว่านชั้น ป.3ขึ้นไป
ถ้าเล็กเกินไปจะเป็นภาระของผู้สอนและตัวเด็กอื่นที่ต้องเตรียมตัวรับศีล ส่วนเด็กที่เรียนคำสอนมาแล้วอย่างดีในช่วงเรียนระหว่างปี
แต่ติดขัดเรื่องยังไม่ได้รับศีลดังกล่าวนี้ขอให้มาลงทะเบียนไว้เพื่อจะได้นัดซักซ้อมพิธี
การเข้าเงียบและเอกสารใบรับรองศีลล้างบาปด้วย
ทั้งหมดนี้ให้มาลงทะเบียนสมัครเรียนคำสอนและรับศีลได้ที่ห้องสอบถามหลังศาลาหลุยส์มารีของวัดตั้งแต่
เวลา 8.00-12.00 น.เป็นต้นไป วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน รับศีลมหาสนิทครั้งแรกที่วัดเซนต์หลุยส์
และอังคารที่ 1 พฤษภาคมรับศีลกำลังที่วัดยอแซฟ ตรอกจันทน์
เรื่องเริ่มมหาพรตวันพุธรับเถ้าที่
14 กุมภาพันธ์ มิสซาเช้าเวลา 06.00 น.เสกและโปรยเถ้า ส่วนมิสซารอบเย็นเฉพาะวันพุธรับเถ้าเวลา 17.30
น.ให้เลื่อนเป็นเวลา 19.00 น. และมีการโปรยเถ้าด้วย
ย้ำอีกครั้ง วันที่ 16
กุมภาพันธ์เป็นวันตรุษจีน
นอกจากมิสซาตามปกติเวลา 06.00 และ 17.30 น.แล้ว ให้มีมิสซาเวลา 09.00 น. เพื่อเป็นมิสซาสุขสำราญตรุษจีนและแจกส้มรอบพิเศษนี้เท่านั้น
จึงขอเชิญชวนพี่น้องที่ถือธรรมเนียมมิสซาตรุษจีนมาร่วมมิสซาในวันและเวลาดังกล่าว
อนึ่งเนื่องจากเป็นวันศุกร์แรกของเทศกาลมหาพรต
จะมีเดินรูปตามปกติ หลังมิสซาจบแล้ว คือประมาณเวลา 18.00
น.และตลอดเทศกาลมหาพรตทุกวันศุกร์ (ภาคภาษาจีนจะมีสัตบุรุษก่อสวดเวลา 14.00
น.ทุกวันศุกร์ในวัดเช่นเดียวกัน)
การเดินรูปในวันอาทิตย์ เวลา 09.15 น. และเวลา 17.00 น.ทุกวันอาทิตย์
ยกเว้นวันอาทิตย์ใบลาน 25 มีนาคม
และจะเดินรูปส่งท้ายในเทศกาลมหาพรตคือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 30
มีนาคม เวลา 18.30 น.ก่อนพิธีนมัสการไม้กางเขน วันอาทิตย์ใบลาน ตรงกับวันที่ 25
มีนาคม มิสซารอบ 08.00 น.เสกใบลาน
วันพฤหัส-ศุกร์และเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ มีพิธีรอบเดียวเวลา 19.00 น.
วัดกำลังจัดม้านั่งในวัดเฉพาะด้านข้างพระแท่นทั้งสองด้าน
ให้มีระเบียบและทางเดินสะดวกขึ้น
จะเริ่มทำมิสซาเช้าและเย็นที่พระแท่นใหญ่ทุกวันตั้งแต่วันพุธรับเถ้านี้เป็นต้นไป
ขอให้สัตบุรุษซึ่งมาวัดเช้าเย็นเป็นประจำได้ขยับมานั่งที่ม้านั่งบริเวณโถงหน้าพระแท่นใหญ่ด้วย
จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
......................................................................................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
วิกฤติการณ์ใจร้อน
ช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
นั่นคือโลกของเราร้อนขึ้น เราอยู่ในช่วงวิกฤติการณ์โลกร้อน ซึ่งจริงๆ เราได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาหลายๆปีแล้ว
มีหลายกลุ่มหลายองค์กรก็ออกมาเคลื่อนไหว
เพื่อให้คนในโลกตระหนักถึงวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น มีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้
ซึ่งก็ทำให้คนในสังคมตื่นตัวกันพอสมควรในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมา
แต่ในปัจจุบันกำลังเกิดวิกฤติการณ์ใหม่ขึ้น
เป็นต้นในสังคมใกล้ตัวของเรา ในสังคมไทยของเรานี่เอง
ซึ่งวิกฤตการณ์นี้เป็นประเด็นร้อนและส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายในสังคมมาหลายต่อหลายนัก
วิกฤติการณ์นี้ก็คือ ปรากฏการณ์ใจร้อน พ่อเห็นว่าปัญหาโลกร้อนคงไม่น่ากลัวเท่ากับปัญหาใจร้อน
ทุกวันนี้เปิดข่าวช่องไหน
เปิดหนังสือพิมพ์ฉบับไหนก็มักมีข่าวความใจร้อนของคนในสังคมให้เห็นมากมาย
ใส่สูทต่อยกันกลางถนนก็มีให้เห็น ยิงกันกลางสี่แยกก็มีให้ดู
ถือมีดดาบไล่ฟันกันก็มีนับครั้งไม่ถ้วน แลกหมัดกันไม่ยั้งเพราะปาดหน้ารถ
เพราะบีบแตรใส่กันก็มีเกือบทุกวัน ฯลฯ สังคมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแบบไทย
กำลังจะจางหายไปอย่างน่าวิตก สังคมไทยของเรากำลังอยู่ในสภาวะวิกฤติการณ์ใจร้อน
อะไรต้องได้ตามใจ ใครขัดใจ อะไรไม่เป็นดั่งใจ ไม่ถูกใจไม่ได้ ใครขัดความต้องการ
เรายอมไม่ได้ พ่อว่าวิกฤตการณ์นี้น่ากลัวกว่าวิกฤติโลกร้อนที่เราเห็นอีก
เพราะมันกำลังทำลายสังคมแบบทันทีทันใดและยิ่งแผ่ขยายออกไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาทำได้เราก็ทำได้ เขาแรงมาเราแรงไป
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ใจร้อน
นั่นก็คือ การยึดเอาตัวเองเอาอารมณ์ความรู้สึกตนเองเป็นที่ตั้งเหนือเหตุผล
เหนือความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น เหนือความถูกต้อง
จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นในสังคมอย่างที่เราเห็นได้
และบทสรุปของทุกข่าวหลังจากเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น นั่นก็คือ “ต้องขอโทษทุกคนจริงๆเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เพราะความใจร้อน” ตราบใดที่เราให้อารมณ์ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล
เหนือความถูกต้อง ปรากฏการณ์นี้คงจะเกิดขึ้นในตัวของเราแต่ละคนได้ไม่เว้นใคร
พ่อคิดว่าวิธีการป้องกันวิกฤติการณ์นี้ประการหนึ่งก็คือ
เราคงต้องมีสติในการดำเนินชีวิตทุกๆวันมากขึ้น
นึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบให้มาก
เพราะเราเองก็อาจจะเป็นอย่างคนในข่าวที่เราเห็นๆได้ด้วยกันทุกคน
ถ้าเราให้อารมณ์ความรู้สึกอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างมีคำกล่าวหนึ่งที่เคยได้ยินมานั่นคือ
“โลกร้อนได้ คนอย่าร้อนไปด้วย ถ้าคนร้อนไปด้วย
โลกมันจะยิ่งร้อนไปกันใหญ่” ใจเย็นๆกันมากขึ้น
มีสติในการดำเนินชีวิตมากขึ้น แล้วเราจะรู้สึกว่าจริงๆโลกมันก็เย็นลงนะ
ถ้าใจเราเย็น ทำใจเราให้ร่มๆลงบ้าง
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น