พี่น้องที่รัก
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง”มธ.24:12
เป็นหัวข้อหลักของสาส์นมหาพรตของพระสันตะปาปาฟรังซิส
โอกาสรณรงค์ในเทศกาลมหาพรต 2018
นับตั้งแต่ ปี 2015 ปีแห่งเมตตาธรรม คำพูด และคำเขียน
รวมทั้งกิจการทั้งจากตัวของพระองค์และสิ่งที่เชิญชวนสมาชิกของพระศาสนจักรให้ช่วยกันทำกิจเมตตาของพระเจ้าไปสู่เพื่อนพี่น้อง
โดยเฉพาะผู้ยากไร้ คำพูดที่ถูกย้ำคือพระวาจาของพระเยซูเจ้า
ให้มีเมตตาเหมือนพระบิดาเจ้าเมตตาต่อเรา
และให้มีเมตตาเหมือนพระมารดา(แม่พระ)แห่งความเมตตากรุณา ผ่านกิจการแห่งเมตตาทั้งภายในและภายนอก
กิจการแห่งเมตตาฝ่ายร่างกายเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ให้อาหาร ดับกระหาย เยี่ยมเยียนผู้ป่วย ให้กำลังใจผู้ถูกจองจำ
แบ่งเสื้อผ้านุ่งห่มกับผู้ขัดสน และร่วมพิธีผู้ล่วงลับ
การทำบุญทำทานในเทศกาลมหาพรต 40 วัน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักให้ของที่มี
ไม่ใช่เอาของเหลือมาให้เสมือนว่าไม่รู้จะไปทิ้งไว้ที่ไหน หรือทำเพราะความเคยชิน
มิใช่ทำด้วยเต็มใจและเต็มที่
พระสันตะปาปาเชิญชวนเรามองถึงวันสุดท้ายของโลก ที่มีผู้คนมากมายหลงผิดและเชื่อตามหมอผี นักเล่นกลกำมะลอ
หรือชักชวนให้ออกนอกลู่นอกทาง
กลายเป็นประกาศกเท็จเทียมที่พูดสอนดีแต่ไม่ได้ทำตามหรือแสดงออกมาจากชีวิตจริง
พระเยซูเจ้าจึงสอนให้ถือศีลอดอาหารทั้งภายในและภายนอกอย่างเป็นเรื่องเดียวกัน จึงจำเป็นต้องกลับใจอย่างจริงจัง
แบบม้วนเดียวให้จบ ไม่ใช่แบบครึ่งๆกลางๆ หรือม้าตีนต้นแต่มาแผ่วเอาตอนสุดท้าย
จำคันไถแล้วอย่าเหลียวหลังมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความหวังในแสงไฟจากเทียนปัสกาคือการกลับคืนพระชนม์ชีพใหม่ของพระคริสตเจ้า
“องค์ปัสกาของชาวเราทุกคน”
พระสันตะปาเรียกร้องให้มีวันแห่งการใช้โทษบาป และให้มีวันตื่นเฝ้า 24
ชั่วโมงด้วยมิสซา เฝ้าศีล(ตื่นเฝ้าคือไม่ใช่นอนหรือมางีบหลับหรือมาจับวงสนทนาพูดคุยเรื่องไร้สาระผสมผสานกินดื่มของฟรี)
เดินรูป 14 ภาค ทำพลีกรรมใช้โทษบาป และให้มีวจนพิธีกรรมกับศีลอภัยบาป
สลับหมุนเวียนมาสนทนากับพระองค์อย่างสงบ สงัดและเงียบรำพึงภาวนา
หัวใจสำคัญคือการกลับใจอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะในวันศุกร์เสาร์ก่อนวันอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ดังนั้น วัดเซนต์หลุยส์น่าเป็นแหล่งรวมใจของการทำตามสิ่งที่พระสันตะปาปาย้ำเตือนให้ทุกสังฆมณฑลกระทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
นับตั้งแต่ปีแห่งเมตตาธรรมแล้ว
รายละเอียดจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามคำประกาศจากทางวัด
พ่อขอใช้สารวัดประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะเวลามหาพรตเพื่อมาหาพระ จึงขอให้พี่น้องติดตามและติดไว้ที่บ้านเพื่อช่วยกันจำและทำตาม“การแบ่งปันปัจจัยที่มี
ให้ผู้ที่ไม่มี”ในซองรณรงค์มหาพรตปี 2018 ด้วย
สุดท้าย ตลอดเทศกาลมหาพรต
มิสซาทุกวันเราจะใช้พระแท่นใหญ่ทั้งเช้าเย็น
เพื่อให้ทุกอย่างมองที่ไม้กางเขนใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องหมายมหาพรตของชาวเราทุกคน
ขอเชิญชวนมานั่งที่โถงใหญ่แทนที่ด้านข้างพระแท่นตู้ศีล
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
...........................................................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
“เป็นธรรมดา
ทำดี ย่อมมีอุปสรรค”
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น
ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ 24 : 12)
เราเริ่มเข้าสู่เทศกาลมหาพรตปีนี้
ด้วยพระวาจาของพระที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
ได้ทรงนำมาเพื่อใช้ในการรณรงค์จิตตารมณ์ในเทศกาลมหาพรตปีนี้
ดูเหมือนเป็นภาพสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน ในสังคมปัจจุบันของเรา ภาพของความอธรรม
ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นทั่วทุกแห่งในโลก สงคราม การฆ่าฟัน การแก่งแย่งชิงดี
การเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯดูเหมือนว่าความชั่วร้ายความอธรรมมันยิ่งวันยิ่งมีมากขึ้น
จนทำให้คนในยุคปัจจุบันเฉยชาที่จะทำดี เฉยชาที่จะแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง
เพราะรู้สึกว่าจะทำดีไปทำไมทำไปก็ไม่เกิดผลอะไร ทำไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
คำกล่าวที่เราได้ยินบ่อยๆว่า
“สังคมไม่ดีไม่ใช่เพราะไม่มีคนดี
แต่สังคมไม่ดีเพราะคนดีท้อแท้ที่จะทำดี” และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ความไม่ดีจึงทวีมากขึ้นในสังคม
เพราะคนดีไม่อยากทำดีต่อไป เพราะคนดีท้อถอยที่จะทำเรื่องดีๆ
ถ้าพี่น้องฟังพระวาจาของพระในสัปดาห์นี้พ่อว่าน่าจะเป็นกำลังใจสำหรับพวกเรา
และบอกความจริงประการนึงกับพวกเราว่า"การทำดี ย่อมมีอุปสรรค"เพราะแม้แต่พระเยซูเจ้าเองเมื่อตั้งใจจะทำดี
ยังถูกมารผจญ ยังมีอุปสรรคขัดขวาง แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา
เมื่อจะทำดี เมื่อตั้งใจจะทำเรื่องดีๆ จะไม่มีอุปสรรค คงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งเราตั้งใจทำดี
อุปสรรคก็มารอตรงหน้า ยิ่งตั้งใจจะทำดี การผจญล่อลวงก็มาดักรอเราแล้ว สิ่งสำคัญคือ
ขอให้เรายึดมั่นในความดี เชื่อในความดี อย่าท้อถอย ท้อแท้ในการทำดี
ถ้าเราไม่ท้อทอย ถ้าเรามีความตั้งใจ ก็ไม่มีอะไรจะทำอะไรเราได้
แต่หลายครั้งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถทำเรื่องดีๆได้ สิ่งนั้นก็คือใจ
เราเองนี่แหละ
มหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะเริ่มต้นเอาชนะใจเราเองมากขึ้น
ด้วยการทำเรื่องดีๆในชีวิต เพิ่มมากขึ้นเป็นต้นกับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา
และมากกว่านั้นมหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะช่วยกันเติมความรัก
เติมความดีลงในสังคม ทำให้สังคมที่เย็นชา อุ่นด้วยความรัก อุ่นด้วยความดี
โดยเริ่มจากสังคมใกล้ตัวของเรา ในบ้านของเรา ในครอบครัวของเราในที่ทำงานของเรา
ในชุมชนของเราให้มากขึ้นกว่าเดิม
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น