วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2018

พี่น้องที่รัก
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น  ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง”มธ.24:12
เป็นหัวข้อหลักของสาส์นมหาพรตของพระสันตะปาปาฟรังซิส โอกาสรณรงค์ในเทศกาลมหาพรต 2018
นับตั้งแต่ ปี 2015 ปีแห่งเมตตาธรรม คำพูด และคำเขียน รวมทั้งกิจการทั้งจากตัวของพระองค์และสิ่งที่เชิญชวนสมาชิกของพระศาสนจักรให้ช่วยกันทำกิจเมตตาของพระเจ้าไปสู่เพื่อนพี่น้อง โดยเฉพาะผู้ยากไร้ คำพูดที่ถูกย้ำคือพระวาจาของพระเยซูเจ้า ให้มีเมตตาเหมือนพระบิดาเจ้าเมตตาต่อเรา และให้มีเมตตาเหมือนพระมารดา(แม่พระ)แห่งความเมตตากรุณา  ผ่านกิจการแห่งเมตตาทั้งภายในและภายนอก
กิจการแห่งเมตตาฝ่ายร่างกายเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ให้อาหาร ดับกระหาย เยี่ยมเยียนผู้ป่วย ให้กำลังใจผู้ถูกจองจำ แบ่งเสื้อผ้านุ่งห่มกับผู้ขัดสน และร่วมพิธีผู้ล่วงลับ การทำบุญทำทานในเทศกาลมหาพรต 40 วัน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักให้ของที่มี ไม่ใช่เอาของเหลือมาให้เสมือนว่าไม่รู้จะไปทิ้งไว้ที่ไหน  หรือทำเพราะความเคยชิน มิใช่ทำด้วยเต็มใจและเต็มที่
พระสันตะปาปาเชิญชวนเรามองถึงวันสุดท้ายของโลก ที่มีผู้คนมากมายหลงผิดและเชื่อตามหมอผี นักเล่นกลกำมะลอ หรือชักชวนให้ออกนอกลู่นอกทาง กลายเป็นประกาศกเท็จเทียมที่พูดสอนดีแต่ไม่ได้ทำตามหรือแสดงออกมาจากชีวิตจริง พระเยซูเจ้าจึงสอนให้ถือศีลอดอาหารทั้งภายในและภายนอกอย่างเป็นเรื่องเดียวกัน  จึงจำเป็นต้องกลับใจอย่างจริงจัง แบบม้วนเดียวให้จบ ไม่ใช่แบบครึ่งๆกลางๆ หรือม้าตีนต้นแต่มาแผ่วเอาตอนสุดท้าย  จำคันไถแล้วอย่าเหลียวหลังมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความหวังในแสงไฟจากเทียนปัสกาคือการกลับคืนพระชนม์ชีพใหม่ของพระคริสตเจ้า “องค์ปัสกาของชาวเราทุกคน”  พระสันตะปาเรียกร้องให้มีวันแห่งการใช้โทษบาป และให้มีวันตื่นเฝ้า 24 ชั่วโมงด้วยมิสซา เฝ้าศีล(ตื่นเฝ้าคือไม่ใช่นอนหรือมางีบหลับหรือมาจับวงสนทนาพูดคุยเรื่องไร้สาระผสมผสานกินดื่มของฟรี) เดินรูป 14 ภาค ทำพลีกรรมใช้โทษบาป และให้มีวจนพิธีกรรมกับศีลอภัยบาป สลับหมุนเวียนมาสนทนากับพระองค์อย่างสงบ สงัดและเงียบรำพึงภาวนา หัวใจสำคัญคือการกลับใจอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะในวันศุกร์เสาร์ก่อนวันอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ดังนั้น วัดเซนต์หลุยส์น่าเป็นแหล่งรวมใจของการทำตามสิ่งที่พระสันตะปาปาย้ำเตือนให้ทุกสังฆมณฑลกระทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา นับตั้งแต่ปีแห่งเมตตาธรรมแล้ว  รายละเอียดจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามคำประกาศจากทางวัด
พ่อขอใช้สารวัดประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะเวลามหาพรตเพื่อมาหาพระ จึงขอให้พี่น้องติดตามและติดไว้ที่บ้านเพื่อช่วยกันจำและทำตาม“การแบ่งปันปัจจัยที่มี ให้ผู้ที่ไม่มี”ในซองรณรงค์มหาพรตปี 2018 ด้วย
สุดท้าย ตลอดเทศกาลมหาพรต มิสซาทุกวันเราจะใช้พระแท่นใหญ่ทั้งเช้าเย็น เพื่อให้ทุกอย่างมองที่ไม้กางเขนใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องหมายมหาพรตของชาวเราทุกคน ขอเชิญชวนมานั่งที่โถงใหญ่แทนที่ด้านข้างพระแท่นตู้ศีล
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
...........................................................................................................
                    
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
เป็นธรรมดา ทำดี ย่อมมีอุปสรรค
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ  24 : 12)
เราเริ่มเข้าสู่เทศกาลมหาพรตปีนี้ ด้วยพระวาจาของพระที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ทรงนำมาเพื่อใช้ในการรณรงค์จิตตารมณ์ในเทศกาลมหาพรตปีนี้ ดูเหมือนเป็นภาพสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน ในสังคมปัจจุบันของเรา ภาพของความอธรรม ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นทั่วทุกแห่งในโลก สงคราม การฆ่าฟัน การแก่งแย่งชิงดี การเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯดูเหมือนว่าความชั่วร้ายความอธรรมมันยิ่งวันยิ่งมีมากขึ้น จนทำให้คนในยุคปัจจุบันเฉยชาที่จะทำดี เฉยชาที่จะแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เพราะรู้สึกว่าจะทำดีไปทำไมทำไปก็ไม่เกิดผลอะไร ทำไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
            คำกล่าวที่เราได้ยินบ่อยๆว่า สังคมไม่ดีไม่ใช่เพราะไม่มีคนดี แต่สังคมไม่ดีเพราะคนดีท้อแท้ที่จะทำดี และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ความไม่ดีจึงทวีมากขึ้นในสังคม เพราะคนดีไม่อยากทำดีต่อไป เพราะคนดีท้อถอยที่จะทำเรื่องดีๆ
ถ้าพี่น้องฟังพระวาจาของพระในสัปดาห์นี้พ่อว่าน่าจะเป็นกำลังใจสำหรับพวกเรา และบอกความจริงประการนึงกับพวกเราว่า"การทำดี ย่อมมีอุปสรรค"เพราะแม้แต่พระเยซูเจ้าเองเมื่อตั้งใจจะทำดี ยังถูกมารผจญ ยังมีอุปสรรคขัดขวาง แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา เมื่อจะทำดี เมื่อตั้งใจจะทำเรื่องดีๆ จะไม่มีอุปสรรค คงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งเราตั้งใจทำดี อุปสรรคก็มารอตรงหน้า ยิ่งตั้งใจจะทำดี การผจญล่อลวงก็มาดักรอเราแล้ว สิ่งสำคัญคือ ขอให้เรายึดมั่นในความดี เชื่อในความดี อย่าท้อถอย ท้อแท้ในการทำดี ถ้าเราไม่ท้อทอย ถ้าเรามีความตั้งใจ ก็ไม่มีอะไรจะทำอะไรเราได้ แต่หลายครั้งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถทำเรื่องดีๆได้ สิ่งนั้นก็คือใจ เราเองนี่แหละ
 มหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะเริ่มต้นเอาชนะใจเราเองมากขึ้น ด้วยการทำเรื่องดีๆในชีวิต เพิ่มมากขึ้นเป็นต้นกับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา และมากกว่านั้นมหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะช่วยกันเติมความรัก เติมความดีลงในสังคม ทำให้สังคมที่เย็นชา อุ่นด้วยความรัก อุ่นด้วยความดี โดยเริ่มจากสังคมใกล้ตัวของเรา ในบ้านของเรา ในครอบครัวของเราในที่ทำงานของเรา ในชุมชนของเราให้มากขึ้นกว่าเดิม



ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น