พี่น้องที่รัก
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์มาถึงอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พิธีกรรมในระหว่างสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้เชิญชวนคริสตศาสนิกชนทุกคนให้หันมาจับจ้องอยู่ที่พระมหาทรมาน
การสิ้นพระชนม์ และ การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า
ซึ่งเป็นพระธรรมล้ำลึกประการสำคัญที่สุดประการหนึ่งในความเชื่อของเราคริสตชน
วันอาทิตย์ใบลาน
เป็นวันที่เราระลึกถึงการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างเปิดเผยของพระเยซูเจ้า
พระเยซูประทับบนหลังลาเดินทางผ่านเข้าสู่เมืองหลวงท่ามกลางความยินดีของประชาชนที่โบกกิ่งไม้ต้อนรับพระองค์เยี่ยงวีรบุรุษของชาติที่กลับจากการศึกสงคราม
พลางกล่าวร้องต้อนรับพระองค์ด้วยคำว่า โฮซานนา
พวกเขาหวังว่าพระองค์จะมานำการปลดแอกจากการกดขี่ของชาวโรมันที่ปกครองพวกเขาอยู่ในเวลานั้น
แต่พระเยซูแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า พระองค์มาอย่างสันติ
สัญลักษณ์ที่เด่นชัดก็คือพระองค์มาบนหลังลา
ไม่ใช่ม้าหรือสัตว์อื่นที่ใช้ในการศึกสงคราม
พระองค์ต้องการมานำพาปวงชนไปสู่ความเป็นอิสระจากการกดขี่
ครอบงำของบาปซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งร้ายของปีศาจที่มีต่อเรามนุษย์
วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์
เป็นวันที่เราระลึกถึงการทานอาหารค่ำครั้งสุดท้ายของพระเยซูกับบรรดาศิษย์
พิธีกรรมในวันนี้เชิญชวนเราให้ระลึกถึงการตั้งศีลมหาสนิทให้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณของเรา
ในพิธีวันนี้ยังมีการล้างเท้าตัวแทนของพี่น้องคริสตชนจำนวน 12 คน ที่ได้รับการเชิญให้มาสวมบทบาทของอัครสาวกทั้ง 12 ของพระเยซู เพื่อให้พระสงฆ์ทำพิธีล้างเท้าให้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรับใช้ที่พระเยซูได้ปฏิบัติต่อศิษย์ของพระองค์
หลังจากพิธีบูชาขอบพระคุณสิ้นสุด
ก็จะมีการตั้งศีลมหาสนิทเพื่อให้คริสตชนอยู่ร่วมภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิท
ตามคำเชิญของพระเยซูที่ร้องขอให้ศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระองค์ได้อยู่เป็นเพื่อนพระองค์ในยามที่พระองค์เข้าไปภาวนาในสวนเกทเสมนี
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
เป็นวันที่เราระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกจับ ถูกพิพากษารับทนทรมาน แบกกางเขน
และ ตรึงตายบนไม้กางเขน และถูกนำไปฝังไว้ในพระคูหา
พระองค์สิ้นพระชนม์เป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้าเพื่อชดเชยชำระบาปของมวลมนุษย์ทั้งมวล
พิธีกรรมในวันนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่การนมัสการไม้กางเขน
พี่น้องคริสตชนจะมีโอกาสเข้ามากราบนมัสการกางเขนที่ได้ตรึงพระเยซู
กางเขนที่เป็นเครื่องมือในการประหัตประหาร
ได้กลับมาเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยให้รอดพ้นจากบาปโทษทั้งมวล
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
เป็นวันที่เราระลึกถึงการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าจากความตาย
พระบิดาเจ้าได้บันดาลให้พระเยซูกลับฟื้นคืนชีพจากความตาย
เราจึงเฉลิมฉลองความจริงประการนี้อย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเยซูทรงชนะความตาย ชนะบาป
นำความหวังยิ่งใหญ่มาสู่เรามนุษย์ทุกคน พิธีกรรมในวันนี้ประกอบด้วย พิธีแสงสว่าง
และ การจุดเทียนปัสกา พิธีเสกน้ำ และ
พิธีโปรดศีลล้างบาปผู้สมัครเป็นคริสตชนที่ผ่านขั้นตอนการเรียนคำสอนมาอย่างดีแล้ว
พิธีบูชาขอบพระคุณในวันนี้จึงเป็นพิธีที่เน้นความสง่างาม ด้วยการขับร้องเพลง
การย่ำระฆัง การประดับประดาตกแต่ง เพื่อเฉลิมฉลองธรรมล้ำลึกแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าอย่างยิ่งใหญ่
วันอาทิตย์ปัสกาคือวันสมโภชการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า
เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลปัสกาซึ่งมีระยะเวลายาวนาน 50 วันซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันสมโภชพระจิตเจ้า
เพื่อเฉลิมฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวใจของความเชื่อของเราคริสตชน
พ่อเชิญชวนพี่น้องทุกท่านให้ร่วมใจไปกับพิธีกรรมในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างตั้งใจ
เปิดใจของเรารับฟังพระวาจาของพระเจ้าที่เชิญชวนเราให้ก้าวไปบนเส้นทางแห่งการไถ่บาปของพระเยซู
อยู่เคียงข้างพระองค์ในทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระองค์
เพื่อเราจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความรักยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าพระบิดาประทานให้กับเรามนุษย์ทุกคน
เพื่อเราจะเข้าถึงธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้ที่ดำเนินต่อเนื่องมาและจะดำเนินต่อไปเพราะความรักของพระเจ้าไม่มีวันสิ้นสุด
พ่อสุพจน์
........................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
วันอาทิตย์ใบลาน(คาทอลิก) หรือ
วันอาทิตย์ทางตาล(โปรเตสแตนต์)หรือ วันอาทิตย์ใบปาล์ม (อังกฤษ: Palm Sunday) เป็นวันสมโภชสำคัญวันหนึ่งในศาสนาคริสต์ตรงกับวันอาทิตย์ก่อนปัสกา
เป็นวันฉลองเหตุการณ์ที่ระบุบันทึกในพระวรสารทั้งสี่ฉบับ (มาระโก 11:1 -11
, มัทธิว21:1 -11,
ลูกา 19:28 , ยอห์น12:12
-19 ) ในโอกาสที่พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเลมก่อนรับพระมหาทรมาน
โบสถ์คาทอลิกจะแจกใบลานที่ผูกกับกางเขนในโอกาสนี้แต่ในบางท้องถิ่นที่ไม่มีใบปาล์มก็จะแจกใบไม้อย่างอื่นที่มีในท้องถิ่น
ถ้าเช่นนั้นก็จะเรียกตามใบไม้ที่แจกเช่น “วันอาทิตย์ช่อไม้"
สำหรับที่ที่แจกช่อไม้เป็นต้น หรือเรียกอย่างกว้างๆ ว่า “วันอาทิตย์กิ่งไม้”
(Branch Sunday)
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่านั้น
พระองค์ทรงแวะไปที่หมู่บ้านเบธานีและเบทฟายีบนภูเขามะกอกเทศ
และพระวรสารของนักบุญยอห์น ยังได้กล่าวเสริมอีกว่าพระองค์ได้ทรงร่วมรับประทานอาหารกับลาซารัส
พร้อมกับมารธาและมารีย์น้องสาวด้วย ในขณะที่พระวรสารสหทรรศน์(3 ฉบับแรก)ได้เล่าว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงส่งสาวกของพระองค์สองท่าน
โดยมิได้เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร ให้ไปจัดหาลูกลาซึ่งยังไม่มีผู้ใดขึ้นไปขี่
มาให้พระองค์ตัวหนึ่ง และถ้าหากมีใครถามว่าจะเอาลูกลาไปทำไม
ก็ให้บอกว่าเจ้านาย(พระเยซูเจ้า)ต้องการใช้ แต่จะส่งกลับคืนให้ทันทีหลังจากที่ใช้มันเสร็จแล้ว
พอได้ลูกลามา พวกสาวกก็เอาเสื้อคลุมของตนมาปูบนหลังลูกลา
แล้วนั้นพระเยซูเจ้าก็เสด็จทรงลูกลาตัวนั้นเข้ากรุงเยรูซาเล็ม พระวรสารได้เล่าต่อไปว่าพระองค์ได้ทรงลูกลาเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างไร
ประชาชนจำนวนมากได้ปูเสื้อคลุมของตนบนทางเดิน บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาวางบนทางเดิน
ประชาชนทั้งที่เดินไปข้างหน้าและที่ตามมาข้างหลัง ต่างโห่ร้องว่า “โฮซานนา แด่โอรสของกษัตริย์ดาวิด ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
โฮซานนา ณ สวรรค์สูงสุด” (สดด.118: 25-26) ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าพระเยซูเจ้าได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มทางประตูไหน
นักพระคัมภีร์หลายๆท่านบอกว่าน่าจะเป็นทาง “ประตูทอง”
(Golden Gate) เพราะชาวยิวส่วนหนึ่งเชื่อว่าพระแมสสิยาห์จะต้องเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มผ่านทางประตูนี้
เป็นธรรมเนียมที่มักจะปฏิบัติกันในประเทศตะวันออกกลางโบราณ
ที่จะปูคลุมทางเดินสำหรับผู้ที่ประชาชนคิดว่าเหมาะสมที่จะได้รับเกียรติสูงสุดนั้น
ให้เดินผ่านบนทางเดินที่ว่านี้ เช่นในหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ ๒ (9: 13) ได้เล่าว่าเจ้าชายเยฮู
โอรสของกษัตริย์เยโฮซาฟัท ก็ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน
พระวรสารสหทรรศน์และพระวรสารของนักบุญยอห์น
ก็ได้เล่าว่าประชาชนชาวยิวได้ให้เกียรติพระเยซูเจ้าแบบนี้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม
พระวรสารสหทรรศน์ได้เล่าเรื่องเฉพาะที่พวกชาวยิวเอาเสื้อผ้าและเสื่อมาปูบนถนนให้พระเยซูเจ้าทรงเดิน
ในขณะที่นักบุญยอห์นได้พูดถึงเป็นการเจาะจงว่าพวกเขาได้ใช้ใบปาล์มโบกไปมาโห่ร้องถวายเกียรติแด่พระองค์
ในธรรมประเพณีของชนชาวยิว
กิ่งใบปาล์มเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ และเพราะเหตุนี้
ภาพที่ฝูงชนกำลังต้อนรับพระเยซูเจ้าพลางโบกกิ่งปาล์มไปมาและเอาเสื้อผ้าของตนมาปูเป็นทางเดินให้กับพระองค์สำหรับเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มนั้น
ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพระองค์ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระแมสสิยาห์อย่างแท้จริง
“เราจงปูที่แทบพระบาทขององค์พระเยซูเจ้า
ไม่ใช่ด้วยเสื้อผ้าหรือกิ่งไม้ที่มีชีวิตน่าดูอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง
แล้วก็ต้องเหี่ยวแห้งไป
แต่ให้เราเอาตัวของเราเองที่สวมใส่พระหรรษทานหรือที่ดีกว่านั้นคือให้สวมใส่พระคริสต์ทั้งหมด
เราที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้าแล้ว ต้องใช้ตัวเองเป็นเสื้อผ้าปูที่แทบพระบาทของพระองค์
บัดนี้ความสกปรกของบาปได้รับการชำระล้างแล้ว ด้วยน้ำที่นำความรอดพ้นแห่งศีลล้างบาป
และเราได้กลับขาวสะอาดเหมือนขนแกะ ฉะนั้นเราจะนำอะไรมาถวายแด่พระองค์ผู้ทรงพิชิตความตายแค่ใบลานเท่านั้นหรือ?
จงถวายสิ่งที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับชัยชนะของพระองค์
คือนำจิตวิญญาณของเราไปต้อนรับแทนกิ่งไม้
ให้เราร่วมร้องเพลงกับเด็กที่ออกมาต้อนรับพระองค์ พลางร้องว่า “ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สาธุการแด่กษัตริย์ของอิสราเอล”
คพ.พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น