สวัสดีครับพี่น้อง
วันนี้เราฉลองวันอาทิตย์พระเมตตา
พระเยซูประจักษ์มากับซิสเตอร์โฟสตินา และกล่าวกับซิสเตอร์ว่า “เราปรารถนาให้วันฉลองพระเมตตา
เป็นที่พึ่งที่กำบังของเหล่าดวงวิญญาณ ของคนบาปทั้งหลาย
วันฉลองนี้เป็นวันที่ความเมตตา อ่อนโยนของเรา จะเผยแสดงออกมา
เราจะโปรดให้มหาสมุทรแห่งพระพรหลั่งไหลมายังดวงวิญญาณผู้เข้ามาพึ่งพาความเมตตาของเรา
วิญญาณที่ไปพึ่งพาศีลอภัยบาป และรับศีลมหาสนิท
จะได้รับการอภัยและช่วยให้พ้นมลทินบาปอย่างบริบูรณ์ วันฉลองนี้
ความเมตตาของเราจะเอ่อล้น มาสู่ท่านทั้งหลาย" (Diary, 699)
วันวันนี้จึงเป็นวันที่เราเฉลิมฉลอง ความหมายอันลึกล้ำ
ของความเมตตาที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเรามนุษย์ วันวันนี้เป็นวันที่
นักบุญโทมัสร้องออกมาว่า "พระเจ้าข้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า" (ยน. 20:28)
วันนี้คือวันที่พระเจ้าทรงสรรสร้าง
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม วันนี้คือวันคืนดีกับพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้
พระโลหิตของพระเยซูได้รับการประพรมบนพระที่นั่งแห่งความเมตตา
พระเยซูคือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ได้ทรงชดเชยบาปของเราแต่ละคน
เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์
วันนี้คือวันแห่งพันธสัญญา
แปดวันหลังจากวันกลับคืนชีพของพระองค์
เราฉลองพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับประชากรของพระองค์ ว่าพระองค์จะมีความรักความเมตตากับประชากรของพระองค์
วันนี้คือวันที่เราเฉลิมฉลองพระเมตตาของพระเจ้า พระเมตตาของพระองค์นั้นมากมายมหาศาล
มากมายเกินกว่าบาปใดๆรวมกัน ยิ่งใหญ่กว่าความทุกข์ยาก ความชั่วร้ายใดๆ
รวมไปถึงความตาย เรามีชัยชนะโดยอาศัยพระเมตตาของพระองค์ เราจึงได้รับความรอดพ้น
และ ชีวิตนิรันดร
วันนี้เป็นวันแห่งพระเมตตา
วันที่เราจะหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
ชุบตัวเราลงในมหาสมุทรไพศาลแห่งพระเมตตาของพระองค์
วันวันนี้เป็นวันที่เราจะนำพาสมาชิก และ
เพื่อนพ้องของเราไปยังมหาสมุทรแห่งพระเมตตา ด้วยการภาวนาอุทิศให้กับพวกเขา
วันวันนี้เป็นวันที่เราจะบอกกับพระเยซูว่า เรารักพระองค์
เรามอบชีวิตของเราไว้กับพระองค์ และ กล่าวกับพระองค์ว่า เราวางใจในพระองค์
วันวันนี้ และ ทุกๆวันจากนี้ไป เราจะร้องหาพระองค์บอกกับพระองค์ว่า "พระเยซู ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์"
ปี 1931 องค์พระผู้เป็นเจ้า ประทานนิมิตให้กับ นักบุญโฟสตินา ด้วยลำแสงสองลำแสง
ที่พวยพุ่งออกมาจากหัวใจของพระองค์ ลำแสงหนึ่งมีสีแดง และ อีกลำแสงหนึ่งสีขาว
ขณะที่ซิสเตอร์เพ่งพิศมองดูพระองค์ พระองค์กล่าวกับเธอว่า "จงวาดภาพนี้ ตามอย่างที่เธอเห็น และ เขียนที่ใต้ภาพว่า "พระเยซู ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์" เราสัญญาว่า
บุคคลใดที่มีความศรัทธาต่อภาพนี้จะไม่มีวันสูญสลายไป เราสัญญาว่า
เขาจะมีชัยชนะต่อศัตรูทั้งในโลกนี้และในเวลาสิ้นใจ
เราเองจะปกป้องเขาเยี่ยงสิริมงคลของเรา
เราอยากให้ทุกคนทั่วโลกมีความศรัทธาต่อภาพนี้ ซึ่งเราจะประทานพระพรให้กับดวงวิญญาณ ลำแสงสองลำแสง คือตัวแทนของ เลือดและน้ำ
ลำแสงสีขาวคือน้ำที่ชำระดวงวิญญาณให้บริสุทธิ์ ลำแสงสีแดง คือเลือด
ที่ให้ชีวิตกับดวงวิญญาณ ลำแสงทั้งสองลำนี้
พวยพุ่งออกมาจากส่วนลึกแห่งความเมตตาอ่อนหวาน
เมื่อดวงใจของเราที่ทุกข์ระทมถูกเปิดออกโดยหอกบนไม้กางเขน ลำแสงนี้คือเกราะป้องกันดวงวิญญาณจากพระพิโรธแห่งความยุติธรรมของพระเจ้า
บุคคลใดที่ดำรงอยู่ในความคุ้มครองนี้จะมีความสุข
พ่อสุพจน์
.......................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
ในวันที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์
พระองค์ทรงปรากฏแก่เหล่าสาวกและให้พวกเขาดูพระหัตถ์และพระบาทในตอนแรก
พวกเขาไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้มันเป็นมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะเป็นจริงได้ (ลก.24:40-41) ตอนนั้นโธมัสไม่ได้อยู่ด้วย
เขาจึงไม่ยอมเชื่อจนกว่าจะได้เห็น
เมื่อพระเยซูปรากฏแก่โธมัสและบอกให้เขาเอานิ้วแหย่เข้าไปในรอยตะปูที่พระหัตถ์และคลำที่สีข้างพระองค์
โธมัสก็ร้องออกมาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์และพระเจ้าของข้าพระองค์”
(ยน.20:28)
ต่อมาภายหลัง
เมื่อเปาโลบอกกับชาวฟีลิปปีถึงการทนทุกข์ของท่าน
ท่านยังได้ประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า และเป็นพยานว่า ท่านถือว่าประสบการณ์ทั้งสิ้นของท่านนั้นไร้ประโยชน์
“เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า” (ฟป. 3:8)
คุณและผมไม่เคยเห็นพระเยซูทรงห้ามพายุหรือชุบใครให้ฟื้นจากตาย
เราไม่เคยนั่งอยู่แทบพระบาทที่เชิงเขาในแคว้นกาลิลี และฟังพระองค์สอน
แต่โดยความเชื่อ เราได้รับการเยียวยาฝ่ายวิญญาณด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แทนเรา
เราจึงร่วมกับโธมัสและเปาโลและคนอีกนับไม่ถ้วน
ยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแม้เราจะไม่อาจมองเห็นพระองค์ได้ด้วยตา
แต่เราเชื่อได้ด้วยใจว่า พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าโธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์และพระเจ้าของข้าพระองค์”
(ยอห์น20:28)
พระเยซูตรัสว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ
ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข” (ยน. 20:29) เมื่อเราเชื่อ เราเองก็เรียกพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์และพระเจ้าของข้าพระองค์” ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์
และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น
และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย (ยอห์น20:25)
เราเรียกท่านว่าโธมัสคนขี้สงสัย (ยน.20:24-29) แต่ชื่อนี้ไม่ยุติธรรมกับท่านนัก เพราะจะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าผู้นำของตนที่ถูกประหารไปแล้วจะฟื้นจากความตาย
หรือเราอาจเรียกว่า “โธมัสคนกล้า” เพราะท่านแสดงความกล้าอันน่าประทับใจขณะที่พระเยซูทรงดำเนินผ่านเหตุการณ์ต่างๆ
ที่นำไปสู่ความตาย
หลังการตายของลาซารัส
พระเยซูตรัสว่า “เราเข้าไปในแคว้นยูเดียกันอีกเถิด” (ยน.11:7)
ทำให้สาวกคัดค้านว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า
เมื่อเร็วๆ นี้ พวกยิวหาโอกาสเอาหินขว้างพระองค์ให้ตาย
แล้วพระองค์ยังจะเสด็จไปที่นั่นอีกหรือ” (ยน.11:8) โธมัสผู้นี้เองที่กล่าวว่า “พวกเราไปกับพระองค์ด้วยเถิด
เพื่อจะได้ตายด้วยกันกับพระองค์” (ยน.11:16)
โธมัสมีเจตนาดีแต่ไม่ทำจริง
เมื่อพระเยซูทรงถูกจับ โธมัสหนีไปกับคนอื่น (มธ.26:56) ทิ้งเปโตรกับยอห์นให้ตามพระเยซูไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต
มีเพียงยอห์นเท่านั้นที่ติดตามพระเยซูไปจนถึงกางเขนแม้จะได้เห็นลาซารัสฟื้นจากตาย
(ยน.11:38-44) แต่โธมัสก็ยังไม่เชื่อว่าพระคริสต์ทรงชนะความตาย
แต่เมื่อท่านได้เห็นพระเยซูผู้คืนพระชนม์ จึงร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
พระเจ้าของข้าพระองค์” (ยน.20:28) พระเยซูตอบว่า
“เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ
ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข” (ยน.20:29) ผู้สงสัยจึงมั่นใจและเราก็อุ่นใจยิ่งมีความสงสัยที่แท้จริงย่อมแสวงหาความสว่าง
แต่ความไม่เชื่อย่อมพอใจอยู่ในความมืด จงมีความเชื่อเถิด
คพ.พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น