พี่น้องที่รัก
ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่อีกแล้ว
วันเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ อีกสองสามวันเราก็เข้าสู่ปีใหม่ 2017 กันแล้ว
หลังจากสัปดาห์นี้พี่น้องหลายท่านคงเดินทางไปพักผ่อนกันกับครอบครัวบ้าง
ส่วนตัวบ้าง เยี่ยมญาติบ้าง ก็ขอให้เดินทางกันโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยทุกประการนะครับ
ภาษิตโบราณบอกว่า "สายน้ำไม่คอยท่า วันเวลาไม่คอยใคร" ฝรั่งพูดว่า
"Time and tide wait for no man" มีคนเคยแปลว่า "กาลเวลา และ วารี มีแต่หนีหายไป" เมื่ออ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ
คงคิดกันไปในทำนองที่ว่า เวลามีจำกัดนะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์
ต้องเร่งทำงาน สร้างผลงาน โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่งใช่ไหมครับ
ถ้าคิดได้อย่างนี้จะช่วยกระตุ้นให้เรารู้จักใช้เวลาให้มีประโยชน์มากขึ้นครับ
แต่ต้องระมัดระวังว่า อย่าเคร่งครัด จริงจังจนเกินไป จะกลายเป็นรีบเร่ง
จนทำอะไรๆก็ต้องเร่งรีบไปหมด ชีวิตก็คงหาความสมดุลย์ได้ยาก
เดี๋ยวนี้เรามีการเดินทางที่สะดวก
มีพาหนะที่เอื้ออำนวยให้เราเดินทางได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์
มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ฯลฯ เราจะทำอะไรก็มีเครื่องมือช่วยให้ทำออกมาสวยงาม รวดเร็ว ไม่เหมือนแต่ก่อน
แต่กลายเป็นว่าแทนที่เราจะมีเวลาเหลือมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน กลับกลายเป็นว่า
หลายคนบ่นว่า ไม่ค่อยจะมีเวลา สาเหตุประเด็นหนึ่งก็คือ เราทำงานมากขึ้น
มีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากขึ้น ทุกอย่างเลยต้องรีบทำ
รีบจัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เสร็จ จนทำให้ชีวิตติดกับอยู่กับตารางเวลามากมาย
เป็นสาเหตุให้เกิดความเครียด ล้า
และขาดความสงบที่น่าจะมีบ้างอย่างสมดุลย์ในการใช้ชีวิต
วันหยุดปีใหม่นี้
ลองทำอะไรช้าๆดูบ้างก็น่าจะดีนะครับ อย่างที่เขาว่าสโลว์ไลฟ์ เย็นวันที่ 31
ธันวาคม ก่อนจะไปฉลองเคาท์ดาวน์ที่ไหน ก็แวะมาวัดสวดสักหน่อย
มาร่วมมิสซาเวลา 1 ทุ่ม และ แห่พระรูปนักบุญหลุยส์กันครับ
เสร็จแล้วค่อยไปมีตติ้งกับพรรคพวก นับเวลาถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่
เช้าวันที่ 1
มกราคม วันปีใหม่ตื่นแต่เช้า
ค่อยๆหาอะไรใส่ท้องยามเช้าแล้วมาวัดขอพรพระเจ้ากันครับ มิสซาเวลา 9.00 น. ครับ เป็นเวลาฤกษ์งามยามดี
เสร็จพิธีแล้วอย่าพึ่งรีบกลับ อยู่รอการจับสลากของขวัญกันก่อนครับ
เผื่อว่าโชคดีได้รับพรแล้วยังได้รูปพระสวยๆติดมือกลับไปบูชาที่บ้านอีกครับ
ส่วนพี่น้องที่ต้องเดินทางไกลช่วงปีใหม่ก็ขอให้ปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ
กลับมาพบกันอีกหลังปีใหม่ครับ ขอพระอำนวยพระพรพี่น้องทุกท่านเสมอ
คพ.สุพจน์
..................................................................................................................
สวัสดีพี่น้องที่รัก
ครอบครัวจำนวนมากในปัจจุบันดำเนินชีวิตภายใต้การขู่คุกคามด้วยอำนาจทางสังคมมากมาย
ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทำให้หลายครอบครัวสูญเสียบ้าน เด็กๆ
และผู้ใหญ่หลายคนพบความหิวโหย ขาดอาหารประทังชีวิต กลุ่มอันธพาลใช้ความรุนแรง
สงคราม และเด็กผู้บริสุทธิ์ถูกลักพาตัว มูลนิธิกระจกเงาให้ข้อมูลว่าเด็กหาย
เดือนละประมาณ 50 คน – 25 ธ.ค. 2013 หลายประเทศมีการรายงานว่ามีการหย่าร้างเกือบร้อยละ 60
บางแห่งมีการยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันว่าถูกกฎหมาย
และสื่อมวลชนบางแห่งก็ชื่นชมประโคมข่าว เด็ก ๆ จำนวนมาก สุดที่จะเดาได้ ถูกฆาตกรรม
โดยการทำแท้ง แต่ถือว่าเป็นการคุมกำเนิด ผู้คนให้ความสนใจความร่ำรวยของตน
หรือโครงการอาหาร หรือการทหาร ว่ามีความสำคัญมากกว่าการเอาใจใส่และการศึกษาของเด็ก
ๆ
เราจะทำลายวงจรนี้ได้อย่างไร
เราจะพัฒนาครอบครัวว่าเป็นแก่นของสังคม และรากฐานความเชื่อศรัทธาได้อย่างไร
พระคัมภีร์มีคำตอบให้เรา หนังสือบุตรสิราสอนเราให้รักและให้เกียรติพ่อแม่ผู้ปกครอง
และเอาใจใส่เมื่อพวกท่านแก่ชรา นักบุญเปาโลสอนคริสตชนสมัยแรก ๆ
และสอนเราให้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า ทุกวันให้เราดำเนินชีวิตมีสติ
“จงเห็นอกเห็นใจกัน
จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยน และความพากเพียรอดทน” แต่ละวันเราต้องพากเพียรอดทนต่อกันและกัน
ให้อภัยความผิดของกัน จงรักกัน แต่ละวันหาโอกาสแสดงความกตัญญูรู้คุณ ทั้งต่อพระเจ้าและต่อผู้อื่น
แต่ละวันเด็ก ๆ ลูก ๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง
ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองจงรักและให้กำลังใจลูก ๆ ของท่านด้วย
เหมือนครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
แม่พระและนักบุญโยเซฟ
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะบรรลุผลได้หากเรายึดพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางในบ้านของเรา
เราจะมีครอบครัวเข้มแข็ง (อบอุ่น)
ได้หากยึดพระวาจาของพระคริสตเจ้าให้อาศัยอยู่ในเรา นำชีวิตประจำวันและจริยธรรมของเรา
เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง อบอุ่นได้ หากยอมให้พระวาจาของพระเจ้านำชีวิต
และวิถีชีวิตของเรา แม้ว่าหมายถึงการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อย่างสิ้นเชิง ต้องกล้าพูดปฏิเสธความอยุติธรรม พี่น้องส่วนมาก เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง
อบอุ่นได้ หากเราสวดภาวนาขอพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรักพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ
และพระกุมารผู้ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาเสมอ
อย่าให้พ่อแม่ต้องตัดพ้อว่า
“ลูกเอ๋ย ทำไมทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก
แต่อย่างไรก็ตามพระเยซูซึ่งต้องทำภารกิจของพระบิดาเจ้า ก็ยังคงนบนอบเชื่อฟังนักบุญยอแซฟและแม่พระอย่างดี
ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ
และพระหรรษทานต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง
พ่อพงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น