วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2016

พี่น้องที่รัก
            โอกาสสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ ทำให้เรารำลึกถึงเหตุการณ์ ที่ปราชญ์จากทิศบูรพาแสวงหาพระเจ้า ดั้นด้นเดินทางจากดินแดนไกลโพ้นเพื่อไปพบกษัตริย์ที่มาเกิดใหม่ จะได้มีโอกาสถวายนมัสการและมอบของขวัญที่เขาเตรียมมาให้กับกษัตริย์พระองค์ใหม่ตามความเชื่อของเขา
            พระเจ้าทรงแสดงพระองค์โดยอาศัยเครื่องหมายจากธรรมชาติให้มนุษยชาติได้สังเกต และแสวงหาพระองค์ ในกรณีของ ปราชญ์จากทิศบูรพา หรือ อย่างที่เราเรียกกันตามความคุ้นเคยดั้งเดิมคือ พระยาสามองค์ เขาทั้งสามสังเกตเห็นดาวสุกใสส่องสว่างที่ปรากฏมาเป็นพิเศษ ทำให้เขาเข้าใจได้ว่าน่าจะมีบุคคลพิเศษได้มาบังเกิด และเป็นความหวังของนานาชาติได้ เขาจึงทุ่มเทดั้นด้น ทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อแสวงหากษัตริย์องค์ใหม่นั้น ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่มาบังเกิด และในที่สุดเขาก็ได้พบและได้มีโอกาสมอบของขวัญสามสิ่งให้กับพระองค์ นั่นคือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ  จะเห็นได้ว่าการทุ่มเทและความพยายามอย่างจริงจังทำให้เขาประสบความสำเร็จในที่สุด
            แล้วมนุษย์ในสังคมปัจจุบันกำลังแสวงหาอะไรกันแน่ พ่อไปอ่านเรื่องในโซเชียลมีเดียที่มีการแชร์กันมากเห็นว่าให้ข้อคิดที่ดีจึงอยากนำมาแบ่งปันให้พี่น้องได้อ่านเป็นข้อคิดครับ
            "คนแรก...ขับรถเบนซ์ ราคา 3 ล้าน เขาเป็นหนี้แบงค์ 12 ล้าน ชีวิตของเขา...อยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตาย
            คนที่สอง... ขับโตโยต้า ราคา 7 แสน เขากู้แบงค์มาผ่อนบ้าน ... ราคา 2 ล้าน ชีวิตของเขา ... มักมีเรื่องให้กลุ้มใจอยู่เสมอ
            คนที่สาม ... ขี่มอเตอร์ไซค์ ราคา 5 หมื่น เขามีเงินฝากแบงค์ 7 แสน ชีวิตแม้จะราบรื่น ... แต่ก็รู้สึกว่างเปล่าไร้สาระ
            เมื่อคนทั้งสามมาเจอกัน
            คนขี่มอเตอร์ไซค์ ... อิจฉาคนขับโตโยต้า
            คนขับโตโยต้า ... อิจฉาคนขับรถเบนซ์
            คนขับเบนซ์ ... อิจฉาคนขี่มอเตอร์ไซค์
            นี่คือ "ความเป็นจริงของสังคม"
            ที่แต่ละคน ... ต่างเป็นทาสของเงินทอง และ โชคชะตา
            แมว ... ชอบกินปลา แต่กลับว่ายน้ำไม่เป็น
            ปลา ... ชอบกินไส้เดือน แต่ก็ไม่สามารถขึ้นบก มาขุดไส้เดือนได้
            สวรรค์ ... เอาเหยื่อมากมายมาล่อเรา แต่ก็ ... ไม่ให้ได้มัน มาโดยง่ายดาย
            เรื่องใหญ่สักเท่าใดของวันนี้ ถึงพรุ่งนี้ ... ก็กลายเป็นเรื่องเล็กจิ๊บจ๊อย
            เรื่องใหญ่สักเท่าใดของปีนี้ ถึงปีหน้า ... ก็กลายเป็นนิทาน
            อย่างมาก ... พวกเราก็เป็นเพียงแค่ คนที่มี “นิทาน” ไว้เล่าให้คนอื่นฟัง
            ชีวิต ... ก็มีเพียงเท่านี้
            ความสุขวัดที่ใจ ไม่ใช่ที่เงิน
            จงทำดี ... ไว้เสมอ
            เมื่อตายไป เราจะปลื้มใจ ในวันจากลา"

            วันเวลาของชีวิตมีน้อย และ มีจำกัดนะครับ อย่ามัวแต่หลงเดินตามความอยากของตัวเอง จนลืมแสวงหาพระเจ้า จะได้ไม่หลงวกวนในเขาวงกตของชีวิต
คพ.สุพจน์
.......................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์: ปีใหม่อึดใจเดียว
**หมายเหตุ**ถ้ามีเวลาผมอยากเชิญชวนให้อ่านทั้งหมด, เพราะมันคือเรื่องเดียวกันแต่ถ้ามีเวลาไม่พอจะอ่าน, หรือเปิดผ่านผ่านอ่านแค่ตัวดำใหญ่ใหญ่ก็เพียงพอ //บทความนี้เป็นการทดลองวิธีการเขียนงานถ้าเสพผ่านผ่านเปิดข้ามไปได้เลยครับ

ผมนั่งอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกว่า “คริสตมาสปีนี้สั้น” (ที่แรกก็คิดว่าผมคงจะรู้สึกไปเองเพราะปกติคริสตมาสก็เป็นเทศกาลใหญ่ที่ฉลองกันสั้นอยู่แล้ว ในแผนที่ภาพจำของผมเทศกาลคริสตมาสเป็นเหมือนพลุลูกโตโต ที่ส่องประกายแสงอยู่บนฟ้าวูบหนึ่ง ไม่นานแล้วก็ดับลง แต่พอได้ลองมาเปิดปฏิทินไล่เรียงวันกันดีดีก็พบว่า คริสตมาสปีนี้สั้นจริงจริง เพราะนับจากคริสตมาสวันที่25 ธันวาคมปีที่แล้ว จนถึงวันสิ้นปีเป็นระยะเวลา7วัน และจากวันปีใหม่จนถึงวันฉลองพระเยซูเจ้ารับพิธีล้างเป็นระยะเวลาอีก10 วัน รวมแล้วในปีพิธีกรรมปีนี้เรามีเทศกาลคริสตมาสแค่17 วันเอง พอมองปฏิทันกันไปยาวยาวก็พบว่าหลังจากนั้นอีกไม่ถึงเดือนเต็ม, 12 กุมภาพันธ์เราก็รับเถ้าเข้าสู่เทศกาลมหาพรตแล้ว, ผ่านไปได้อีกเดือนเศษยังไม่ทันสิ้นมีนาคม, 27 มีนาคมก็เป็นวันสมโภชปัสกาแล้ว, แถมปีนี้ผ่านครึ่งหนึ่งพอดีพอดีของเดือนพฤษภาคม, 15 พฤษภาคมเราก็สมโภชพระจิตเจ้าจบเทศกาลปัสกาแล้ว, ปีนี้อะไร ๆ ก็มากระจุกกันช่วงต้นปีไปหมด หลังจากนั้นก็เทศกาลธรรมดากันยาวยาวไปจนถึงเดือน 27 พฤศจิกายนนู่น ถึงจะเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้ากันอีกทีปีนึงปีนึงนี่สั้นดีจัง!!!, ผมคิด, 365 วันผ่านไปเพียงอึดใจเดียวในห้วงของความคิด) และก็สังเกตว่า (ทุกทุกปีใหม่ผมเองมักจะหาข้อตั้งใจใหม่ใหม่ให้กับชีวิตเสมอ แต่ก็แอบสังเกตแล้วพบด้วยว่า ข้อตั้งใจเหล่านั้นมักจะกลายเป็น 'ข้อตั้งไว้ มากกว่าจะตั้งใจทำให้เกิดดอกออกผลและก็พบด้วยว่าผู้คนรอบรอบตัวไม่น้อยทีเดียวที่ก็มีหลักคิดและความตั้งใจแบบเดียวกัน ในการจะเริ่มปีใหม่ศักราชใหม่แต่เอาเข้าจริงจริงบางทียังไม่ทันจะพ้นกลางเดือนมกราคม ความตั้งใจใหม่ก็กลายเป็นความตั้งใจเก่าไปแล้ว) ปีใหม่ (จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตอะไรเราไปมากกว่าความรู้สึกว่ากำลังจะแก่ขึ้นอีกหนึ่งปี การได้รับโบนัสสำหรับจับจ่ายใช้สอยใหม่หรือวันหยุดยาวยาวที่จะได้พักร่างที่ตรากตรำทำงานหนักมาตลอดปี) ปีนี้ (ผมจึงไม่ได้ตั้งใจอะไรใหม่เพราะความตั้งใจใหม่ของปีเก่ายังคงค้างคา เลยกะว่าจะทำของเก่าให้ลุไปก่อนแล้วค่อยตั้งอันใหม่ขึ้นไม่รู้เหมือนกันว่าปีนี้ไอ้ความตั้งใจ_ข้อตั้งใจที่ตั้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วจะทำให้ลุล่วงไปได้เดือนในไหนของปีใหม่นี้เพราะถ้าทำไม่ได้ข้อตั้งใจของผมคงมีอายุ) สั้นกว่าคริสตมาสอีกเพราะ (ถ้ากำหนดเป็นข้อตั้งใจความตั้งใจแล้วไม่ทำความตั้งใจนี้มันคง) มี (อายุ) แค่เพียงหนึ่งวัน’ ”


#ไม่ร้อนนอนแอร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น