วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2015

พี่น้องที่รัก
            เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน คือเมื่อเสาร์สัปดาห์ที่แล้ว วัดเซนต์หลุยส์ของเราได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดการเข้าเงียบสำหรับสัตบุรุษที่สังกัดวัดในเขต 1 โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ ปีติมหาการุญ เพื่อเป็นโอกาสให้พี่น้องสัตบุรุษได้มาร่วมกันพิจารณาไตร่ตรอง เรื่องของพระคุณการุณย์ที่พระศาสนจักรประทานให้เป็นพิเศษในปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งประเด็นนี้เราได้รับความกรุณาจากคุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม มาช่วยให้ความกระจ่างกับเรา นอกจากนี้เรายังได้รับฟังเรื่องกลุ่มวิถีคริสตชน โดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช เราได้มีโอกาสภาวนาร่วมกัน รำพึงไตร่ตรอง และ เฝ้าศีลมหาสนิทตลอดครึ่งวัน และช่วงสุดท้ายคุณพ่อสานิจ สถะวีรวงส์ เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ และให้ข้อคิด แม้ว่าแรกทีเดียวจากการสำรวจจำนวนของผู้มีความประสงค์จะมาร่วมในการเข้าเงียบดังกล่าวมีจำนวนประมาณเพียงร้อยคนเท่านั้น แต่ถึงเวลาจริงแล้วพบว่าพี่น้องมาร่วมกันมากกว่าที่คาดหวังไว้ โดยมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 160 ท่านเลยทีเดียว นับเป็นข้อบ่งชี้สำคัญถึงความเชื่อความศรัทธาที่พี่น้องมีนั้นมั่นคงเข้มแข็งเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี เขต 1 ยังคงจะมีการจัดการเข้าเงียบในลักษณะนี้อีกสองครั้ง ที่วัดแม่พระลูกประคำกาลหว่าร์ และ วัดพระกุมารเยซู กิโลเมตร 8 ถนนบางนาตราด วันเวลาแน่นอนพ่อจะแจ้งให้พี่น้องทราบอีกครั้งครับ
            วันอาทิตย์สัปดาห์นี้ เป็นวันสมโภช นักบุญที่เป็นเสาหลักสำคัญของพระศาสนจักรสององค์ คือ นักบุญเปโตร และ นักบุญเปาโล นักบุญทั้งสองท่านเป็นผู้บุกเบิกยุคแรกของพระศาสนจักรคาทอลิก นักบุญเปโตรมีบทบาทในการประกาศข่าวดีให้กับชาวยิว และ ทำหน้าที่เป็นผู้สืบตำแหน่งการปกครองพระศาสนจักรต่อจากพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นผู้ก่อตั้งพระศาสนจักรขึ้น ส่วนนักบุญเปาโล ท่านเป็นธรรมทูตประกาศข่าวดีของพระเยซูให้กับคนต่างศาสนาในดินแดนที่กว้างไกลออกไป นักบุญทั้งสองท่านจึงเป็นธรรมทูตที่บุกเบิกอย่างแท้จริง เป็นผู้วางรากฐานพระศาสนจักรให้มั่นคงตราบจนถึงทุกวันนี้  ในโอกาสนี้พ่อขอแสดงความยินดีกับพี่น้องที่มีนามนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์ทุกท่านนะครับ พ่อขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับคุณพ่อผู้มีนามนักบุญเปโตรเป็นองค์อุปถัมภ์ ที่ร่วมทำงานอภิบาลในเขตวัดของเราคือ คุณพ่อเปโตร กรณ์ อดิเรกวุฒิกุล คุณพ่อเปโตรสมภพ เรืองวุฒิชนะพืช  และคุณพ่อเปาโล สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ ส่วนตัวพ่อเองก็มีนามนักบุญเปโตรเป็นองค์อุปถัมภ์เหมือนกันครับ ขอแบบอย่างของท่านนักบุญเปโตร และ นักบุญเปาโลเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อที่มั่นคงเข้มแข็งสำหรับเราทุกๆคนในการดำเนินชีวิตเลียนแบบท่านนักบุญทั้งสองครับ

พ่อสุพจน์
........................................................................................................
พี่น้องที่รัก
ท่านคือศิลา และบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ คำที่ใช้ในต้นฉบับภาษากรีกคือ ท่านคือ เปตรอสและบน เปตรานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา” (มธ16:18) คำกรีกเปตรอส” (Petros) คือ เปโตรเป็นชื่อเฉพาะ ไม่มีคำแปลอื่น ส่วน เปตรา” (petra) แปลว่า ศิลาสอดคล้องกับความเชื่อของชาวยิวซึ่งถือว่าศิลาคือองค์พระเป็นเจ้าเองพระองค์ทรงเป็นศิลา พระราชกิจของพระองค์ก็ดีพร้อม” (ฉธบ32:4)“บรรดาศัตรูน่าจะเข้าใจว่า พระผู้ปกป้องเขาไม่เหมือนเรา ซึ่งเป็นศิลาแห่งอิสราเอล” (ฉธบ32:31) “ไม่มีผู้ใดศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระยาห์เวห์ ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย” (1ซมอ2:2) “ใครเล่าเป็นพระเจ้านอกจากพระยาห์เวห์ ใครเล่าเป็นหลักศิลาถ้าไม่ใช่พระเจ้าของเรา” (สดด18:2, 31)“บรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม” (อฟ2:20) “รากฐานที่วางไว้แล้วนี้คือพระเยซูคริสตเจ้าและไม่มีใครวางรากฐานอื่นได้อีก” (1คร3:11)“จงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาทรงชีวิต ซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้และมีค่าประเสริฐ
ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย’” (1 ปต2:4,6) พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็น ศิลาหัวมุมและทรงเป็นรากฐานแท้จริงของพระศาสนจักร  หากปราศจากพระองค์ พระศาสนจักรย่อมไม่อาจตั้งอยู่ได้ เปโตร คือ ศิลาแต่ไม่ใช่ ศิลาหัวมุมท่านคือ ศิลาแรกของพระศาสนาจักรซึ่งพระองค์กำลังสถาปนาขึ้น เพราะว่าท่านเป็น มนุษย์คนแรกที่รู้และเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือพระคริสตเจ้า บุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต(มธ16:16) ท่านจึงเป็นรากฐาน และเป็นเสมือนเชื้อแป้งที่ทำให้มีสมาชิกคนอื่นตามมาอีกมากมายทุกยุคทุกสมัย ส่วนผู้ก่อตั้งและเป็น ศิลาหัวมุมของพระศาสนจักรคือ องค์พระเยซูคริสตเจ้าเอง เรายิ่งต้องรักพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นศิลาหัวมุม ให้มากขึ้นเท่านั้น ชีวิตของเราจึงเป็นเครื่องบูชา การต่อสู้ การวิ่งให้ถึงเส้นชัยเราคิดว่าเราเป็นใคร บัดนี้เรารู้แน่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด แล้วเราจะไปหาใครอีก เป็นพระองค์ที่ทรงช่วยฉุดเราออกจากปากสิงโต ออกจากคมดาบ และมหันต์ภัย ความเชื่อต้องตั้งมั่น คงอยู่ และสืบทอดต่อ ๆไปในอนาคต อันเป็นรากฐานของวัด และพระศาสนจักร บนพื้นฐานของความรอดซึ่งประตูนรกไม่มีวันชนะได้ เพราะเรามีพระเยซูบุตรพระเจ้าผู้ทรงชีวิตอยู่กับเรา และพระศาสนจักร

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2015

พี่น้องที่รัก
            พระศาสนจักรคาทอลิกเล็งเห็นความสำคัญ และพระพรยิ่งใหญ่ที่พระจิตเจ้าโปรดประทานให้กับสมาชิกของพระศาสนจักรทุก ๆ คน โดยเฉพาะพระพรและความสามารถมากมายที่พระองค์ประทานให้กับฆราวาสแต่ละคน พระเจ้าพระองค์ปรารถนาให้สมาชิกของพระศาสนจักรทุกคน ทั้งพระสงฆ์ นักบวชชายหญิง และฆราวาส ได้นำพระพรนั้นมาแบ่งปันกันเพื่อเป็นปัจจัยส่งเสริมให้พระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความรัก ความเมตตา การช่วยเหลือแบ่งปันกันนี้ ได้เจริญงอกงาม แผ่ขยายไปสู่มวลประชากรของพระเจ้าเท่าที่สามารถ ด้วยเหตุนี้พระศาสนจักรคาทอลิกจึงส่งเสริมให้ทุกคนได้แบ่งปันพระพรของพระองค์ให้กับกันและกัน ด้วยการเชิญชวนให้ฆราวาสได้มีส่วนร่วมในพันธกิจของพระศาสนจักรร่วมมือกันในกลุ่มองค์กรต่างๆของพระศาสนจักรอย่างมีชีวิตชีวา เพื่อความดีส่วนรวมของทุก ๆ คน
            วันนี้พ่อขอเกริ่นนำกับพี่น้อง เพื่อร้องขอให้พี่น้องทุกท่านโปรดพิจารณาที่จะแบ่งปันพระพรที่พระเจ้าประทานให้นั้นด้วยการเริ่มก้าวออกมาสมัครเป็นตัวแทนของพี่น้องสัตบุรุษเพื่อรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการสภาภิบาลวัด ชุดใหม่ สืบต่อจากคณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ชุดเดิม ซึ่งหมดวาระลง โดยที่เรามีกรอบเวลาที่จะดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
            14-30 มิถุนายน 2015        ประกาศรับสมัครผู้ลงรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสภาภิบาล
                5-19 กรกฎาคม 2015   ติดประกาศรายนามผู้รับสมัครรับเลือกตั้งฯ   
            26 กรกฎาคม 2015      วันเลือกตั้งฯ
            2 สิงหาคม 2015          ประกาศผลการเลือกตั้ง

            พ่อจึงเห็นว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสที่พี่น้องสัตบุรุษจะได้เข้ามามีส่วนในการแบ่งปันเวลา ความสามารถ ความคิด และพระพรต่าง ๆ ที่พระเจ้าโปรดประทานให้นั้น เพื่อร่วมกันรับใช้พระประสงค์ของพระเจ้า ทดแทนพระคุณของพระองค์ เพื่อนำความดีงามมาสู่ชุมชนแห่งความเชื่อของวัดเซนต์หลุยส์ของเรา อันจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวทุกครอบครัว บุตรหลานของเรา และคริสตชนทุกท่านที่มาร่วมชุมนุมกันภาวนาเป็นประจำที่วัดแห่งนี้ ดังนั้นขอพี่น้องได้ช่วยกัน แนะนำ ชักจูง ชักชวน บุคคลที่เห็นว่าเหมาะสม และสมควรที่จะมาเป็นตัวแทนของพี่น้อง เพื่อร่วมกันเป็นคณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ชุดใหม่ ที่จะมีวาระการทำงาน 3 ปี นับจากวันประกาศรายชื่อคณะกรรมการสภาภิบาลชุดใหม่เป็นต้นไปครับ
            สำหรับผู้สนใจสมัครเป็นผู้ลงรับเลือกตั้งเป็นกรรมการสภาภิบาลขอรับใบสมัครเพื่อกรอกรายละเอียดได้ที่คุณพ่อเจ้าวัดตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนครับ ขอบคุณครับ

พ่อสุพจน์
..........................................................................................................

พี่น้องที่รัก
        ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงเชื่อฟังเช่นนี้ พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับเรา ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ ย้ำคำของพระเยซูเจ้าแรงๆว่า  ทำไมพวกเขาต้องตกใจและตื่นกลัวกลัวคืออะไร คือความเชื่อที่ขาดไป ความเชื่อที่บรรดาศิษย์ต้องเชื่อในพระบุคคลของพระองค์ คือมีพระองค์ไม่ควรต้องกลัวสิ่งใด นั่นคือประเด็นสำคัญที่สุดความเชื่อ เชื่อในพระเยซู” (Faith หรือ Believe in Jesus)พระวรสารดูเหมือนกำลังบอกกับเราว่า พายุหรือแม้แต่ความตาย ไม่ได้รบกวนพระองค์ คือ ถ้าได้มีพระองค์อยู่ อันที่จริง ไม่มีอะไรต้องกลัวเราได้เห็นพลังอำนาจของพระเยซูเจ้าจริงๆ พระองค์จึงทรงลุกขึ้น บังคับลม ตรัสสั่งทะเลว่า เงียบซิ จงสงบลงเถิดลมก็หยุด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่งไม่ใช่เพียงทะเลบ้าคลั่งนั้นจะสงบลงธรรมดาเมื่อพระองค์สั่งให้เงียบและ สงบ... แต่พระคัมภีร์เขียนชัด ท้องทะเลราบเรียบอย่างยิ่งแบบนี้ต้องเรียกว่า จบเลยทะเลที่บ้าคลั่ง สงบนิ่งเลยเพียงตรัสคำเดียว...ทำไมพระวาจาของพระเจ้านั้นจึงมีพลังและมีค่ายิ่งสำหรับเราคริสตชน ถ้าเรารักพระวาจา เชื่อมั่นในพระวาจาในพระคัมภีร์..ชีวิตเรามาถูกทางจริงๆ จากหนังสือโยบ พระเจ้าทรงปิดประตูขังทะเลไว้ ทรงกำหนดขอบเขตและความคลื่นคะนองไว้ และนักบุญเปาโลได้เสริมว่า ความเชื่อเป็นการตายต่อตนเอง และให้พระเจ้าเข้ามามีชีวิตอยู่ในตนเอง มิใช่มาตรฐานของมนุษย์แต่ของพระเจ้า พระเจ้าตรัสพระวาจาการสร้างจึงเกิดขึ้นพระเยซูคือพระวาจาของพระเจ้าที่ทรงพลังและอำนาจทุกอย่างจริงๆไม่ว่าพายุชีวิตของเราจะยิ่งใหญ่เพียงใดในชีวิตเรา แม้ว่าจะ ยิ่งกว่าทะเลก็ไม่เป็นไรครับ เรามีพระเจ้าพระบิดา เรามีพระวาจาของพระองค์คือพระบุตรพระเยซูคริสตเจ้า เราก็ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกเลยครับ แม้ชีวิตเรามนุษย์มีความกลัว แต่ขอพระองค์เสริมกำลังเราด้วยพระวาจาของพระองค์รักในพระวาจาของพระเจ้าทำในสิ่งที่เราได้อ่านในพระคัมภีร์ รักพระวาจา ประกาศพระวาจา เชื่อในพระองค์มากขึ้นเสมอ รักพระองค์มากขึ้นทุกวัน นั่นคือพลังและชีวิตของเราครับ เราจะไม่ผิดหวังในพระเจ้าแต่จะสงบสุขตลอดไป


พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2015

พี่น้องที่รัก
ช่างเป็นภาพแห่งความทรงจำที่งดงามยิ่ง สำหรับการสมโภชพระกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เราทุกคนได้มีโอกาสเฉลิมฉลองการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท เรารำลึกถึงถ้อยคำที่พระองค์ตรัสสัญญากับเราว่า"เราจะอยู่กับท่านเสมอไป" และหนทางหนึ่งที่พระเยซูประทับอยู่กับเราคือ พระองค์ประทับอยู่กับเราในศีลมหาสนิทนั่นเอง ดังนั้นการแห่ศีลมหาสนิทจึงเป็นโอกาสที่เราได้ถวายเกียรติแด่พระเยซูเจ้าอย่างสมเกียรติของพระองค์ที่เราพึงกระทำได้อย่างเป็นรูปธรรมภายนอก ภาพแห่งความเชื่อศรัทธาที่เราแสดงออกด้วยการคุกเข่าหรือย่อเข่าลงกับพื้นเพื่อถวายความเคารพแด่ศีลมหาสนิทนั้นจึงเป็นภาพสะท้อนถึงความเชื่อของเราแต่ละคนที่มีต่อองค์พระเยซูเจ้าที่ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทนั่นเอง ประเพณีการแห่ศีลมหาสนิทนี้จึงเป็นสิ่งที่พึงได้รับการสืบสานต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะกระทำได้ และถ้ายิ่งมีการเตรียมสถานที่และขั้นตอนพิธีอย่างเหมาะสมสวยงามมากเท่าใด ก็ยิ่งช่วยให้พี่น้องสัตบุรุษได้ซาบซึ้งในความเชื่อในองค์พระเจ้าที่เขามีในหัวใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น 
                2 ปีแล้ว บัดนี้คุณพ่อได้รับมอบหมายจากพระคุณเจ้า พระคาร์ดินัล เกรียงศักดิ์ ให้ไปศึกษาต่อ ในวิชาพระศาสนจักร ที่กรุงโรม และคุณพ่อวิทยามีกำหนดการที่จะเดินทางไปเพื่อเตรียมตัวเรียนภาษา ในเร็วๆนี้ แม้ว่าในระหว่างนี้คุณพ่อยังพักและช่วยงานที่วัดของเราต่อไปจนกว่าจะถึงวันเดินทางก็ตาม พ่อก็ขอเป็นตัวแทนพี่น้องทุกท่าน ขอบคุณคุณพ่อวิทยา เลิศทนงศักดิ์ ที่ได้มาทำหน้าที่ในฐานะผู้อภิบาลที่วัดของเราเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในงานหลายอย่างที่คุณพ่อรับผิดชอบ คือ กลุ่มเด็กช่วยมิสซา กลุ่มเยาวชน กลุ่มวิถีคริสตชน พลมารี งานด้านการสอนคำสอน ฯลฯ ดังนั้นวันอาทิตย์นี้ในมิสซารอบ 8.00 . จะมีตัวแทนคณะกรรมการสภาภิบาลกล่าวขอบคุณ และ แสดงความยินดีโอกาสฉลองนักบุญของคุณพ่ออย่างเป็นทางการ ขอพระเจ้าโปรดอำนวยพระพรให้คุณพ่อวิทยาประสบความสำเร็จในการศึกษา มีความลึกซึ้งในวิชาความรู้ เพื่อจะนำความรู้นั้นมาเป็นประโยชน์สำหรับพระศาสนจักรในอนาคตต่อไปครับ
สัปดาห์นี้เรามีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะแจ้งให้พี่น้องทราบคือ คณะสงฆ์ คณะกรรมการสภาภิบาล และพี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ทุกท่าน ถือโอกาสร่วมแสดงความยินดีโอกาสฉลองนักบุญอันตน ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคุณพ่อวิทยา เลิศทนงศักดิ์ ซึ่งตามที่พี่น้องหลายท่านคงทราบมาบ้างแล้วว่า คุณพ่อวิทยา ซึ่งได้ช่วยงานอภิบาลที่วัดเซนต์หลุยส์ของเรามาเป็นเวลา

พ่อสุพจน์
.........................................................................................................................
พี่น้องที่รัก
อาณาจักรพระเจ้ายังเปรียบได้กับคนที่นำเมล็ดพืชไปหว่านในดิน จะหลับหรือตื่น จะกลางวันหรือกลางคืน เมล็ดนั้นก็งอกเติบโตขึ้นได้อย่างไร เขาไม่รู้ พลังดิน อากาศและน้ำ ทำให้เกิดผล แรกเป็นลำต้น มีใบ ออกรวง แล้วก็เกิดผลมากมาย ผู้หว่านเมล็ดก็ไปเก็บเกี่ยว คนเราทุกคนหว่านพืชก็ย่อมหวังผลกันทั้งนั้นแต่ก็จะเป็นความหมายที่ไม่ดีเลย ถ้าเป็นการให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่นเพื่อหวังผลตอบแทน และหากปลูกพืชโดยไม่หวังผลคงไม่ใช้ไม่ได้ หว่านอะไรหวังผลนั้นใช่ไหมนี่ ปลูกอ้อยตาลหวานล่ำฉ่ำชีวีปลูกผักชีโรยหน้าก็น่ากิน ปลูกมะม่วง จะไม่หวังกินผลมะม่วงหรอกหรือจ๊ะ
การปลูกพืชแล้วหวังผลมักเกิดกับพืชที่คาดหวังได้แน่นอน ไม่ว่าพืชที่ให้ใบไม้ดอก ผู้ที่รดน้ำพรวนดินย่อมหวังว่ามันจะเติบโตเปรียบกับการทำงานที่ทำย่อมหวังผลงาน แต่หาก การทำอะไรให้ใครทำโดยไม่หวังผล ทำโดยหวังว่าเราจะทำให้แก่เขาได้ดีที่สุดนั้นไม่เกี่ยวกับการหวังผลตอบแทนจึงจะเป็นสุขใจ ถ้าเราได้เมล็ดพันธุ์ไม้อย่างหนึ่งมา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มีดอกหรือมีผลหรือไม่ไม่รู้ เราเอามาปลูกเราจะหวังเอาอะไร...เราก็แค่เอาต้นที่มันงอกออกมา พอต้นโตมีผลหวานอร่อย ผลที่เกิดคือของแถมจากต้น เพราะเราไม่รู้ว่ามีผลหรือไม่มี    แต่พอเราไปปลูกต้นที่สอง จิตที่มีกิเลส รู้ว่ามันมีผลพลอยได้แล้ว ก็ไปจับผลพลอยได้เป็นอารมณ์ทันที กลายเป็นเจตนาปลูกเพื่อเอาผลพลอยได้ จิตตัวนี้แหละคือจิตกิเลสตัณหาที่ปรุงแต่งจิตมากขึ้นเรื่อยๆแล้วจะก่อให้เกิดความทุกข์ เมื่อไม่ได้ตามที่หวังพืชหวังผลตามที่ตนได้ทำ  แต่ความจริงใจยิ่งใหญ่และเป็นสิ่งมีค่าที่สุด หากคิดให้เพื่อรับคืนกลับมากรุณาขออย่าได้ทำความดีบริบูรณ์และความสำเร็จมาจากพระเจ้าเท่านั้น พระเจ้าทรงทดลองเราแต่ละคน ทรงยกบางคนให้สูงส่งแต่กลับลืมตัว มัวแต่หลงในอำนาจ ขาดความเชื่อในการรับใช้ผู้อื่น พระเจ้าจะปราบให้ต่ำลง ความเชื่อเป็นดุจดังเมล็ดมัสตาร์ด ที่ยอมตกลงในดิน ถูกเหยียบย่ำ แต่กลับบังเกิดผลเกิดคาด ผลแห่งความชอบธรรมเป็นกระบวนการช้าๆ มั่นคงและแน่นอน ซื่อสัตย์ รักและเปี่ยมด้วยสันติ และเริ่มต้นจากเมล็ดนั้นก่อนเสมอ ตัวเราเป็นเมล็ดอะไรกันแน่ คงไม่ใช่หนามยอกอก ที่ทำให้ผู้หว่านเมล็ดต้องเจ็บจนถึงตาย ทำให้อากาศเสีย และทำให้น้ำเป็นพิษ แต่จะต้องเป็นที่พึ่งพิงแก่บรรดานกในอากาศ ที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มากกว่าความขมขื่นใจ อย่าเทียบเปรียบพระศาสนจักรเป็นธุรกิจผลกำไร แต่ผลงานของพระที่ได้รับกลับต่างล้ำค่าชื่นฉ่ำดั่งแผ่นฟ้า ชีวิตเรามิใช่การขายให้สินเชื่อ หรือเราคือเหยื่อเนื้อคนอยู่บนเขียง เราไม่ใช่เจ้าหนี้มีศักดิ์ปักแถวเรียง แต่ตัวแท้ๆของเราคือศิษย์พระคริสต์ที่สละน้ำใจ เสี่ยงวัดใจที่ให้ไปหว่านพืชด้วยใจสะอาดไม่ไปเก็บอะไรจากใครเขามา แต่หว่านน้ำใจให้พึงพาลดคุณค่าของตนให้ด้อยที่สุด เพื่อพระจะได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรานี่แหละพระศาสนจักรชีวิต อาณาจักรของพระเจ้าบนโลก

พ่อพงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2015

พี่น้องที่รัก
                "นี่คือกายของเรา...... นี่คือโลหิตของเรา" นี่คือถ้อยคำที่พระเยซูเจ้าตรัสขณะทานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ และ เรานำมากล่าวทุกครั้งในเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณ ในพระวรสารของนักบุญมาร์โกได้บันทึกข้อความนี้ไว้อย่างสวยงามในบันทึกเรื่องการจัดงานเลี้ยงปัสกาของบรรดาศิษย์ของพระเยซู และนี่แหละคือมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าประทานให้กับเรา เพื่อพระศาสนจักรจะนำมารื้อฟื้นให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในวันนี้ซึ่งเป็นวันสมโภชพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า
                พี่น้องที่รักวันนี้เราจัดงานฉลองศีลมหาสนิท ซึ่งได้แก่พระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้านั้นอย่างยิ่งใหญ่ประจำปีของเรา วันนี้เรามีโอกาสได้แสดงออกภายนอกอย่างเป็นทางการ เพื่อถวายเกียรติและถวายคารวะองค์พระเยซูเจ้าที่ประทับอยู่ในศีลมหาสนิท
                ประเพณีในการแห่ศีลมหาสนิท และถวายความเคารพต่อศีลมหาสนิทนี้เป็นประเพณีที่มีคุณค่าและงดงามยิ่ง เพราะการแห่แหนเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนที่สุดถึงความเชื่อศรัทธา ความเคารพยกย่อง ที่เรามีต่อองค์พระเยซูเจ้า
                การถวายคารวะต่อศีลมหาสนิทนี้ เราแสดงออกภายนอกด้วยการคุกเข่าลง ถวายเกียรติแด่ศีลมหาสนิท ซึ่งเท่ากับเราถวายเกียรติแด่องค์พระเยซูเจ้าพระองค์เอง เพราะพระองค์เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางชาวเรา เราจึงสมควรที่จะแสดงการให้เกียรติยกย่องพระองค์ด้วย การย่อเข่าลง กราบนมัสการพระองค์ โดยไม่เห็นแก่ความยากลำบาก ความร้อนกายอันเนื่องมาจากอุณหภูมิของสภาวะอากาศ รวมไปถึงการไม่มีอาการรังเกียจรังงอนที่จะคุกเข่าลงบนพื้นถนน เพราะพระเยซูทรงเกียรติและเราคริสตชนให้ความสำคัญสูงสุดกับพระองค์จริงๆ ยิ่งเราย่อเข่าลงติดพื้นเท่าใด เราก้มศีรษะโค้งคำนับพระองค์มากเท่าใด เราก็ถวายเกียรติ และยกพระองค์ให้สูงขึ้นเท่านั้น
                "เราจะประทับอยู่กับท่านเสมอไป ตราบจนสิ้นพิภพ" พระเยซูเคยตรัสเอาไว้ กับบรรดาศิษย์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับศิษย์ทุกคนว่าพระองค์จะไม่ทอดทิ้งศิษย์ของพระองค์ไปไหนเสีย หนทางหนึ่งของพระเยซูที่ประทับอยู่กับเราคริสตชนก็คือ พระองค์อยู่กับเราในศีลมหาสนิท คำมั่นสัญญานี้เป็นจริงเสมอ ทุกครั้งที่พระสงฆ์ประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ และ เสกศีลมหาสนิทบนพระแท่นบูชา ก็หมายถึงพระเยซูอยู่กับเราเสมอไป
                ขอให้การแห่ศีลมหาสนิทในวันนี้ เป็นโอกาสที่พระเจ้าจะทรงเพิ่มพูนความเชื่อที่มั่นคงในจิตใจของเราทุกคนให้มากขึ้น และ ความเชื่อศรัทธาต่อศีลมหาสนิทนี้แหละเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าว่า เรารักและผูกพันกับพระองค์มากเท่าใด ขอให้ทุกครั้งที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิทนั้น เป็นโอกาสที่เราจะแสดงออกถึงความรักความซาบซึ้งที่เรามีต่อคำมั่นสัญญายิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงประทานให้กับเรา เสมอไปครับ

พ่อสุพจน์
................................................................................................................................

พี่น้องที่รัก
                วันนี้ในอดีต เราฉลอง วันฉลองพระคริสตกายาซึ่งโดยปกติจะต้องอยู่ภายหลังจากที่เราฉลองสมโภชพระตรีเอกภาพ และที่เราจำได้เสมอคือ ในทุกๆ วันฉลองพระคริสตวรกาย หรือการฉลองพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้านี้ เป็นวันที่เราจะตื่นเต้นกับการเตรียมเด็กๆ เพื่อฝึกให้เขาโปรยดอกไม้ พวกเขาจะแต่งชุดสีขาว ถือกระเช้าดอกไม้ และขณะแห่ศีลมหาสนิทหลังบูชามิสซา เด็กๆ จะโปรยดอกไม้ลาดทางพระดำเนินของพระคริสตเจ้าที่ปรากฏในรูปศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพต่อพระกายของพระคริสตเจ้าอย่างสูงสุด
                โดยปกติเราเรียกกันติดปากว่า วันนี้เป็นวันโปรยดอกไม้แน่นอนที่สุดวันนี้เป็นวันสมโภชความเชื่ออันสูงสุดประการหนึ่งของเราคริสตชน ความเชื่อในองค์พระเยซูเจ้า ความเชื่อในการประทับอยู่ของพระองค์อย่างใกล้ชิดกับเรามนุษย์ ในแผ่นปังและในน้ำองุ่นที่เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เราคริสตชนมีความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระกายของพระคริสตเจ้า ต่อการประทับอยู่ของพระองค์ในศีลมหาสนิท บทภาวนาของพระสงฆ์ได้ภาวนาว่า ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ประทานศีลศักดิ์สิทธิ์อันน่าพิศวงนี้ เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระทรมานของพระองค์ ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย เคารพสักการะพระวรกายและพระโลหิตของพระองค์เพื่อสมจะได้รับผลแห่งการกอบกู้ตลอดไปดังนั้น วันนี้ พระศาสนจักรจึงเชิญชวนสมโภชด้วยความเคารพสักการะต่อพระกายของพระคริสตเจ้า
                เราทุกคนมีความเชื่อแน่ว่า พระกายของพระองค์นี้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความรอดพ้น เป็นเครื่องหมายแห่งความรักอันถาวรที่พระองค์ประทานให้กับเรา พระกายและพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งปรากฏภายนอกเป็นเครื่องหมายด้วยแผ่นปังและน้ำองุ่นนั้น พระองค์ประทานให้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณของคริสตชน  เป็นอาหารทรงชีวิตที่เราคริสตชนทุกคนกระหายหาและมีความปรารถนาจะได้รับพระกายศักดิ์สิทธิ์นี้     ศีลมหาสนิทครั้งแรกของเราช่างนำความสุข หรือความภูมิใจมาให้ชีวิตมากเพียงใด พี่น้องคงจะมีประสบการณ์เช่นเดียวกัน พี่น้องลองพิจารณาถึงเวลาที่เราได้เตรียมตัว เพื่อรับพระกายของพระองค์ครั้งแรกสิว่า วันที่เรารับศีลมหาสนิทครั้งแรกนั้นเรามีความตื่นเต้น และเราได้พยายามเตรียมตัวอย่างดี ทั้งภายในและภายนอกเพียงใด พระองค์จะเป็นพระเจ้าของเราตลอดไป และเราจะเป็นประชากรของพระองค์ตลอดไปเช่นกันเครื่องหมายสำคัญคือ พระจะปกปักษ์รักษาเราและเราจะถือตามพระบัญญัติของพระองค์ เดินในหนทางแห่งบัญญัติของพระองค์จนตลอดชีวิต
                พระเยซูเจ้าประทานอาหารทรงชีวิตแก่บรรดาผู้เชื่อในพระองค์ อาหารนั้นคือพระองค์เอง พระองค์ตรัสว่า จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเราและยังตรัสอีกว่า นี่คือโลหิตของเรา เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งจะต้องหลั่งเพื่อคนเป็นอันมากด้วยพระวาจานี้ทำให้เราเห็นความสอดคล้องกันอย่างชัดเจน และเป็นความเกี่ยวเนื่องกันของพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พระเจ้ากับประชากรของพระองค์เห็นคู่สัญญาที่สำคัญ พระองค์เป็นพระเจ้าของเขา และพวกเขาเป็นประชากรของพระองค์เราแน่ใจได้ว่า พระโลหิตของพระเยซูเจ้าเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งเพื่อคนเป็นอันมาก ซึ่งหมายความว่า เรามนุษย์รอดพ้นจากความตายตลอดนิรันดร และได้รับชีวิตนิรันดรโดยพระโลหิตของพระองค์จึงมีค่าสูงสุดสมกับที่พระศาสนจักรให้ความเคารพเสมอมา ดังนั้น จากพระวาจาของพระเจ้า และจากเนื้อหาของการสมโภชวันนี้ จึงเป็นการสมควรที่เราจะแห่ศีลมหาสนิท ที่เราจะโปรยดอกไม้ เพราะศีลมหาสนิทนี้คือพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาและเป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งการเดินทางในชีวิตคริสตชน ให้เราแสดงความเคารพต่อพระองค์ด้วยชีวิตของเราทั้งครบอย่างแท้จริง ขอให้การแห่ศีลนี้ เป็นเครื่องหมายสำหรับเราซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้าที่ดำเนินชีวิตในพระบัญญัติและพระแบบฉบับของพระองค์ และที่สำคัญด้วยอาหารทิพย์แห่งชีวิตคือ พระวรกายศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสตเจ้า

พ่อพงษ์เกษม