พี่น้องที่รัก
จิตตารมณ์เทศกาลมหาพรตอีกประการหนึ่งที่เราควรนำมาเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตคือ
การรู้จักประมาณตน
จิตตารมณ์นี้มีความหมายหลายประการที่จะนำมากล่าวพอสังเขปเพื่อให้พี่น้องนำไปพิจารณาปฏิบัติ
ประการแรก หมายถึง การละเว้นจากสิ่งฟุ่มเฟือย ความหมายของประการนี้คือ
การงดจากการกิน การดื่ม การใช้ การบริโภค ข้าวของสิ่งฟุ่มเฟือย หรูหรา ราคาแพง
ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารในภัตตาคารที่มีราคาสูง
การใช้ข้าวของที่แพงเกินความจำเป็น
เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นจิตตารมณ์ของโลกวัตถุนิยม
อันจะทำให้จิตใจของมนุษย์เราฝักใฝ่ และ ผูกติดกับ วัตถุสิ่งของที่เสื่อมสลายไปได้
มากกว่าที่จะมีจิตใจผูกติดกับสิ่งที่จีรังยั่งยืนกว่านั่นคือชีวิตสนิทกับพระ และ
ความปรารถนาในสมบัติฝ่ายสวรรค์
ประการที่สอง ปราบความเห็นแก่ตัว ในใจความนี้หมายถึง การสละละน้ำใจของเราเอง
โดยเฉพาะในเรื่องความปรารถนาที่ผิดศีลธรรม รวมไปถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
คิดถึงหัวอกเขาก่อนที่จะมัวแต่เอาแต่ใจตัวเอง
เรื่องความเห็นแก่ตัวนี้เป็นความโน้มเอียงตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว
ในเรื่องนี้มนุษย์เรามักแต่จะคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีวินัยในตนเองที่เคร่งครัด
ไม่เช่นนั้นแล้วเรามักจะพ่ายใจตัวเองอยู่เสมอ
ประการที่สาม จุนเจือผู้ขัดสน
เมื่อเราสามารถตัดใจของเราจากสิ่งฟุ่มเฟือยได้แล้ว เอาชนะใจเรา
เอาชนะความเห็นแก่ตัวได้แล้ว ก็ให้เราเปิดใจเราให้กว้าง เสียสละแบ่งปัน
ช่วยเหลือผู้ขัดสนกว่าเรา ในเรื่องนี้เป็นการแสดงออกถึงความใจกว้างของเรา
ยิ่งเราใจกว้างกับผู้อื่นมากเท่าใด พระเจ้าก็จะใจกว้างกับเรามากเท่านั้น
ในพระคัมภีร์บอกว่า ท่านใช้ทะนานอะไรตวงให้กับเพื่อนพี่น้อง
พระเจ้าก็จะใช้ทะนานนั้นตวงให้กับท่านด้วย
ดังนั้นจิตตารมณ์มหาพรตประการนี้จึงเปิดทางให้เราฝึกฝนคุณธรรมแห่งความใจกว้าง
ช่วยเหลือจุนเจือผู้ขัดสนในด้านต่างๆให้มากขึ้น
ประการที่สี่ บำเพ็ญตนมีเมตตากรุณา
อย่างที่เราเคยได้ยินกลอนบทนี้ที่มีผู้คนนำมากล่าวอ้างอิงเสมอๆว่า
อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
ฟังกลอนแล้วก็เคลิ้มใจ เพราะกลอนบทนี้ช่วยทำให้ใจเราอยากจะแสดงความเมตตากรุณาปรานีต่อผู้อื่น
ผลดีของความเมตตากรุณานั้นมีมากมาย เพราะผู้ที่มีใจเมตตาก็มีคนรักใคร่มากมาย
ความเมตตาเป็นคุณสมบัติของผู้ที่สมควรได้รับความเคารพ
ความเมตตา คือความรักและเอ็นดู
ความปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้สุข
ความกรุณา คือความสงสารอยากช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์
ความปรานี คือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
รวมความแล้ว ให้เราแสดงออกต่อผู้อื่นด้วยความรักความเอ็นดู ความหวังดี
คอยระแวดระวังไม่ให้ผู้อื่นต้องเผชิญกับปัญหา รวมไปถึงการเข้าใจผู้คนรอบข้าง
เคารพในศักดิ์ศรีของเขานั่นเอง
ขอพระเจ้าโปรดอำนวยพระพรอันอุดมมายังพี่น้อง
ให้สามารถบำเพ็ญตนตามจิตตารมณ์ของการประมาณตัวให้เกิดผลงอกเงยเป็นคุณสมบัติที่งดงามของชีวิตพี่น้องทุกคนทั่วหน้า
ครับ
พ่อสุพจน์
.....................................................................................................................
อาทิตย์มหาทรมาน
(แห่ใบลาน)
·
ถ้าเรามองไปที่กางขน
·
คริสตชนเราไม่ได้ยกย่องเชิดชูความตาย
·
แต่เราคริสตชนยกย่องเชิดชูความรัก
ที่พระเยซูเจ้าทรงยอมตายเพื่อเรา
·
และความรักนี้เองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
·
เพราะพระองค์ทรงรักเรา
จึงมอบชีวิตของพระองค์เองไถ่เรามนุษย์
ดังนั้น…
ชีวิตของเราจึงเป็นของขวัญ ของกันและกัน เพราะเราเกิดมาเพื่อที่จะมอบชีวิตของเราให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น…
· หากเรายังแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองโดยไม่เคยแบ่งปันสิ่งต่างๆ
ที่เรามีให้กับผู้อื่นเลย
ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า…
·
หากเรายังไม่เคยช่วยเหลือผู้อื่น
ไม่เคยมองคนยากจน ไม่เคยสนใจคนยากไร้
หรือหากเรายังสะสม และเห็นแก่ตนเองอยู่เสมอ ในขณะที่คนรอบข้างของเรายังมีความทุกข์ทรมาน
ผอมแห้งแรงน้อย…
·
เราคงไม่คู่ควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า !!
เพราะชีวิตของเราควรจะต้องเป็นของขวัญให้กับผู้อื่น ควรจะต้องเป็นของขวัญให้แก่กันและกัน
·
เหมือนดังที่ชีวิตของพระองค์เอง
ได้เป็นของขวัญให้กับเรา ตายเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย
·
ดังนั้น
ให้เราได้มีชีวิตเพื่อผู้อื่น มองเห็นผู้อื่น
สนใจผู้อื่น และพยายามมอบสิ่งดีดีให้กับผู้อื่น
ให้ชีวิตของเราได้เป็นของขวัญให้กับผู้อื่น…
มอบความรัก ความปรารถนาดี ความเสียสละ และการอภัย
ให้แก่เพื่อนพี่น้องรอบข้างของเรา
เหมือนดังที่พระเยซูเจ้าได้มอบชีวิตของพระองค์เอง
ยอมทรมานและสิ้นพระชนม์ เพื่อเราทั้งหลาย…
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น