วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ในขณะที่เรากำลังเตรียมตัวฉลองเทศกาลปัสกาที่จะมาถึงนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ให้ข้อคิดกับเราว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะฟื้นฟูสิ่งที่เราได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในขณะที่เราได้รับศีลล้างบาป ให้เราก้าวไปในสังคมเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าเคยทำ ด้วยการทำชีวิตของเราทั้งครบให้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักสำหรับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา โดยเฉพาะบุคคลที่อ่อนแอที่สุด และ ขัดสนที่สุด ให้เราทำชีวิตเราให้เป็นพระตำหนักที่พระเจ้าประทับอยู่เสมอ และเปิดชีวิตเราให้ผู้คนที่พบปะกับเราให้เขาได้มีโอกาสพบกับพระเยซูเจ้าผู้ประทับอยู่ในตัวเรา เช่นนี้แหละคือการทำชีวิตของเราเป็นประจักษ์พยานที่มีชีวิตถึงองค์พระคริสตเจ้า
                สิ่งที่เราควรถามตัวเราเสมอก็คือว่า แล้วพระเจ้าจะรู้สึกว่าพระองค์ประทับอยู่ที่บ้านของพระองค์ในชีวิตของเราหรือไม่? เราเปิดโอกาสให้พระองค์เข้ามาชำระจิตใจของเราให้สะอาดหรือไม่? เราให้พระองค์ขจัดสิ่งสกปรกต่างๆในจิตใจของเราออกไปหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็น ความอิจฉาตาร้อน จิตใจที่มัวเมาในโลกวัตถุ การนินทาว่าร้าย การดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น เป็นต้น เราควรถามตัวเราเองอีกว่า เราจะให้พระเยซูเข้ามาทำให้ใจเราบริสุทธิ์มากขึ้นได้ไหม? เราเชื่อไหมว่าพระองค์จะชำระเราให้สะอาดด้วยความอ่อนโยน ด้วยความเมตตา ด้วยความรัก พระองค์จะใช้ความเมตตาเป็นหนทางในการชำระเราให้บริสุทธิ์ ขอให้เราเปิดโอกาสให้พระองค์ชำระเราให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเถิด
                วันนี้วัดเซนต์หลุยส์ของเรายินดีต้อนรับ พระคาร์ดินัล พระสมณทูต พระสังฆราชจากสังฆมณฑลต่างๆ ตัวแทนของคณะสงฆ์ นักบวชชายหญิง กลุ่มองค์กรฆราวาส รวมถึงพี่น้องสัตบุรุษทุกท่านที่มาร่วมในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณที่จัดขึ้นในเวลา 17.30 . ของวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม ในโอกาสครบรอบสองปี ของพระสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
                โอกาสครบรอบเป็นปีที่สองของการครองสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้เราร่วมใจกันภาวนาวอนขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อองค์สมเด็จพระสันตะปาปาของเราเป็นพิเศษ เพื่อขอให้พระองค์มีพระพลานามัยสมบูรณ์ มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีแสงสว่างส่องนำทาง มีปรีชาญาณที่จะเทศน์สอนคริสตชนทั่วโลกให้ดำรงอยู่ในหนทางแห่งการเป็นลูกที่ดีของพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงสนับสนุนค้ำชูองค์สมเด็จพระสันตะปาปา ให้สามารถนำพานาวาแห่งพระศาสนจักรให้ปลอดภัย ในท่ามกลางทะเลที่ปั่นป่วน ในท่ามกลางปัญหามากมายของโลก ในท่ามกลางความรุนแรงที่มนุษย์นำมาใช้ประหัตประหารกัน เพื่อให้พระศาสนจักรคาทอลิกดำรงคงมั่นอยู่ในสันติสุขและการคุ้มครองรักษาของพระเจ้าเสมอ
พ่อสุพจน์
...............................................................................

 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

คนไทยเรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่กว่าข้าวจะเป็นข้าวที่เม็ดสวยๆ ให้เรารับประทานได้ จะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน กว่าจะเป็นเมล็ดข้าวที่ให้ชีวิตได้ ข้าวจะต้องยอมให้ตัวเองตายถึง 5 ครั้ง
ครั้งแรกเวลาชาวนาหว่านเมล็ด  มันต้องยอมตัวเองให้เน่าเปื่อย  ก่อนที่รากของมันจะแทงออกมาเพื่อเกิดเป็นลำต้น  ต่อจากนั้น เมื่อข้าวโตเต็มที่ ชาวนาก็จะมาเกี่ยวไป  มันก็ต้องยอมตายเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้นชาวนาก็จะนำข้าวที่เกี่ยวไปนวด เอาเปลือกออกและก็นำข้าวนั้นไปต้ม  เวลาที่ข้าวอยู่ในหม้อต้ม มันก็ต้องยอมให้ตัวเองถูกต้มจนสุก เมื่อสุกแล้ว  ครั้งสุดท้ายเพื่อจะทำหน้าที่ของมันอย่างครบครัน  มันต้องยอมตัวเองถูกทำลาย นั่นคือ ยอมให้มนุษย์กินมันเข้าไป เพื่อทำให้มนุษย์เติบโตและมีชีวิต  และนี่ก็คือ ข้อคิดจากธรรมชาติที่ยอมให้ตัวเองตายเพื่อจะได้ก่อเกิดชีวิตใหม่  กว่าข้าวจะทำหน้าที่ครบ ก็ต้องยอมย่อยสลายตัวเองถึง 5 ครั้ง ยอมเน่า ยอมโดนตัด ยอมถูกกะเทาะเปลือก ยอมถูกต้ม และที่สุดยอมให้มนุษย์กิน….!!
เมื่อย้อนกลับมามองดูชีวิตของเรา บางทีเราก็รู้สึกว่าชีวิตมันยากลำบาก มีอุปสรรค มีความทุกข์ มีความกังวลใจ ไม่จบสิ้นเสียที อย่าว่าแต่ 5 ครั้งเหมือนข้าวเลย บางทีปัญหาอุปสรรคอาจจะมีนับไม่ถ้วน
บทสรุปจึงตอกย้ำบทนำข้างต้นว่า เมล็ดข้าวย่อมตายเพื่อให้ชีวิตแก่มนุษย์ฉันใด คนเราก็ต้องยอมรับความทุกข์เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้อื่นฉันนั้น
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้สอนเราว่า “ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตาย มันก็จะบังเกิดผลมากมาย”

พี่น้องที่รัก ชีวิตเราจะมีคุณค่าและมีความหมายก็ต่อเมื่อเราเริ่มเสียสละเพื่อผู้อื่น และนี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงลงมารับสภาพมนุษย์ มนุษย์มีความทุกข์หรือ พระเจ้าลงมาและรับความทุกข์นั้นด้วย และทรงเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความชื่นชมยินดี เปลี่ยนกางเขนให้เป็นชัยชนะ เปลี่ยนเสียงร้องไห้ให้เป็นเสียงหัวเราะ
ดังนั้นพี่น้องครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเรา ขอให้เราอย่าทิ้งพระ อย่าทิ้งความเชื่อ พี่น้องมาวัด มาหาพระ มาสรรเสริญ ขอบพระคุณ และขอพรพระเจ้า ดีแล้ว ดังเช่นวัดของเรา พี่น้องมากันเต็มวัด เต็มเกือบทุกรอบ นั่นแสดงว่าพระเจ้ายังสำคัญเสมอสำหรับชีวิตของเรา ดังนั้นขอให้เราได้ปฏิบัติสิ่งที่ดีเช่นนี้เรื่อยไป พระเจ้าจะได้อวยพรชีวิตเราตลอดไปเช่นเดียวกันครับ


คพ.วิทยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น