พี่น้องที่รัก
สุขสันต์วันปัสกา
แด่พี่น้องทุกๆท่าน
สุขสันต์วันแห่งความชื่นชมยินดีสูงสุดของเราคริสตชนทุกคน
สุขสันต์วันพระเยซูกลับฟื้นคืนชีพชนม์
สุขสันต์วันแห่งชีวิตใหม่ที่พระเจ้าพระบิดาทรงประทานให้กับพระบุตรของพระองค์
สุขสันต์วันที่พระเยซูมีชัยชนะเหนือความตาย
สุขสันต์วันแห่งแสงสว่าง
ที่เข้ามาขับไล่ความมืดมน
พี่น้องครับวันนี้คือวันเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของชาวเรา
เพราะ
วันนี้เป็นวันแห่งชัยชนะ
วันแห่งความยินดี
วันแห่งความหวัง
วันแห่งการหลุดพ้นจากความมืดมนที่ครอบคลุมเราอยู่
วันแห่งชีวิตของเรามนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า
เราคริสตชนจึงมีความยินดีอย่างบริบูรณ์
เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการณ์แห่งความรอดเพื่อช่วยเรา
และบัดนี้แผนการณ์แห่งความรอดของพระองค์สำเร็จสมบูรณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์โดยทางองค์พระเยซูคริสต์พระเจ้าของชาวเราแล้ว
ให้เราดำเนินชีวิตอย่างผู้ที่ดำรงอยู่ในความสว่างเถิด
ให้เรายึดมั่นในครรลองแห่งความดีงามเสมอไปเถิด
ให้เราครองตนอยู่ในธรรมะที่พระเจ้าประทานให้เถิด
ให้เราพบสันติสุขที่เที่ยงแท้ในการเป็นบุตรของพระเจ้าเถิด
โอกาสนี้พ่อขอต้อนรับคริสตชนใหม่ทุกท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
พวกท่านได้รับศักดิ์ศรีแห่งการเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้าแล้ว
ขอให้ท่านได้รักษาศักดิ์ศรีนี้ไว้มิให้ด่างพร้อย
จนกว่าจะถึงวันที่องค์พระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมา ขอให้พี่น้องได้โอบอุ้ม
อุปถัมภ์ค้ำชูผู้ที่มีความเชื่อในพระเจ้าเหล่านี้ไว้
เพื่อให้ความเชื่อของเขาเจริญเติบโต เข้มแข็ง และ
หยั่งรากลึกลงในจิตใจของพวกเขาทุกคน
เพื่อพวกเขาจะมีความมั่นคงในแนวทางชีวิตที่อาศัยพระวรสารของพระเยซูเป็นแสงสว่างส่องนำทางเสมอไป
ขอพระเจ้าโปรดประทานพระพรอันอุดมบริบูรณ์แด่พี่น้องทุกท่านในโอกาสสมโภชปัสกาอีกครั้งในปีนี้
สุขสันต์วันปัสกาแด่พี่น้องทุกท่านอีกครั้งครับ
พ่อสุพจน์
..........................................................................................................................
พี่น้องที่รัก
เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว
ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร เขาเห็นและได้เชื่อแต่ยังไม่เข้าใจว่าพระองค์ทรงกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นหมายความว่าอย่างไร
วันนี้ชาวโลกต่างประกาศพร้อมหน้ากันว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ชนะจากปัญหาทุกอย่าง
ความยุ่งยาก สถานการณ์ร้ายๆแม้กระทั่งความตาย และบาปชั่วร้ายทั้งสิ้น
ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่เข้าใจอีกเยอะแยะแต่ก็เป็นความจริงถ้าเราไม่มัวไปปิดหูปิดตา
หรือปิดใจเสีย มีสิ่งหนึ่งคือปิรามิดแห่งอียิปต์ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทุกคนรู้จักดี
แต่ในความเป็นจริง
ปิรามิดคือสุสานขนาดใหญ่ที่ใช้ฝังร่างของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในลักษณะแบบมัมมี่
เช่นเดียวกับสุสานเวสมินเตอร์แห่งอังกฤษ
ที่ใช้ฝังร่างของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างนักเขียน นักปรัชญาและนักการเมือง
มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากไปเยี่ยมชม
เพื่อคารวะหลุมศพของบุคคลที่พวกเขาเคารพนับถือต่างจากสักการสถานสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม
ซึ่งผู้แสวงบุญจากทั่วโลกพากันไปคารวะหลุมศพที่ว่างเปล่า ที่มีเพียงข้อความสั้นๆ
ตรงทางเข้าว่า “พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่” สิ่งที่ทำให้สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเชื่อกันว่า
ครั้งหนึ่งสุสานแห่งนี้เคยฝังพระศพของพระเยซูเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพคูหาจึงว่างเปล่า
พระองค์ได้กระทำอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงฝืนกฎธรรมชาติและพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง
ปัสกาคือการสมโภชการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า
เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก
ถือเป็นการฉลองที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเราคริสตชน ด้วยเหตุผลที่ว่า
การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าคือความเชื่อพื้นฐานของเราคริสตชน ถือเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทั้งหลายตลอดปี
ความเชื่อ ความหวังและความหมายแห่งชีวิตคริสตชนของเราอยู่ที่การกลับคืนชีพนี้
ดังที่นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ
การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน”
(1 คร 15:14) ปัสกาคือหลักประกันแห่งการกลับคืนชีพของเรา
พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับมาร์ธา ณ ที่ฝังศพของลาซารัสว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้วก็จะมีชีวิต
และทุกคนที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลย...” (ยน
11:25-26)
อีกทั้งเป็นการฉลองที่ทำให้เรามีความหวังและกำลังใจในโลกที่เจ็บปวดและความโศกเศร้า
เพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพและประทับท่ามกลางเรา นี่คือ “ข่าวดีแห่งปัสกา”
ที่เราเฉลิมฉลองในวันนี้ ซึ่งมีแง่มุมที่น่าสนใจหลายประการเช่นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้เราได้ทราบถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์
“จงทำลายพระวิหารนี้แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน”
(ยน
2:19)การทำให้พระสัญญาของพระองค์บรรลุถึงความสมบูรณ์บนกางเขนและคูหาที่ว่างเปล่า
ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกผู้หญิงที่หน้าคูหาว่า “ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า
พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” (ลก
24:5-6)การไม่เชื่อของบรรดาศิษย์และพระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาให้พวกเขาได้เห็นหลายครั้ง
เพื่อพิสูจน์เรื่องการกลับคืนชีพ
พวกเขาได้เห็น เป็นพยานและประกาศการกลับคืนชีพของพระองค์ ด้วยชีวิตของพวกเขา
การประกาศข่าวดีและการเป็นพยานเรื่องการกลับคืนชีพ จึงเป็นหัวใจสำคัญถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
“ฉันได้เห็นองค์พระเจ้า” เราจะไม่สามารถเข้าใจธรรมล้ำลึกเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้
จนกว่าเราจะรักพระองค์อย่างแท้จริง ความรักคือกุญแจสำหรับที่ทำให้เกิดความเข้าใจ เราต้องไม่ฝังตัวเองในหลุมศพแห่งบาป
นิสัยไม่ดีและความประพฤติที่ไม่ถูกต้อง
เราถูกเรียกร้องให้ตายต่อบาปและความเห็นแก่ตัว เจริญชีวิตใหม่ในสันติมีความชื่นชมยินดี
ตระหนักถึงการประทับอยู่ขององค์พระเจ้าผู้กลับคืนชีพในทุกเหตุการณ์แห่งชีวิต ทุกวันต้องเป็นวันปัสกาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า
ด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง ละทิ้งชีวิตเก่าและตายต่อตัวเองพร้อมกับพระองค์
เพื่อเราจะได้มีชีวิตใหม่ที่ดำเนินชีวิตในแสงสว่างและความถูกต้องชอบธรรม
ความรักในพระองค์และความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ควรเป็นเหมือนไฟปัสกาที่ส่องสว่างและนำบุคคลอื่นให้มาพบกับพระเยซูเจ้าในชีวิตจริง
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกๆท่าน
พ่อพงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น