พี่น้องที่รัก
ช่วงเวลาของเทศกาลมหาพรตหมุนเวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พ่อขอเชิญชวนให้พี่น้องทุกท่านก้าวเข้าสู่เทศกาลนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำชีวิตของเราให้บริสุทธิ์งดงามยิ่งขึ้น
ด้วยการฝึกฝนคุณธรรมต่างๆที่ช่วยให้ชีวิตของเราสวยงามขึ้น
เฉกเช่นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ช่วยให้กายของเรางดงามขึ้น
พ่อจึงอยากนำข้อคิดดีๆที่อ่านพบมาแบ่งปันให้กับพี่น้องได้อ่านกัน
ขออภัยที่ไม่สามารถอ้างอิงใส่เครดิตผู้เขียนได้
เพราะไม่พบรายละเอียดส่วนนี้ในส่วนที่พ่ออ่านเจอครับ ข้อเขียนนี้มีชื่อว่า 15
ข้อ ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง (ไม่หรูหรา
แต่ได้ผลจริง) พ่อจะค่อยๆทยอย
นำข้อเขียนนี้ลงในเนื้อที่ตรงนี้ซึ่งมีอยู่จำกัดจนกว่าจะครบ ก็แล้วกันนะครับ
คุณพ่อ สุพจน์
15 ข้อ
ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง (ไม่หรูหรา แต่ได้ผลจริง)
1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้
หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา
อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมาก
อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความรู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง
ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้ มีมากมายแค่ไหน
ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก ดังนั้นก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก
ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา
2. ฝึกตัวเองเป็นนักไม่สะสม
หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ
ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดีนอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
ในแง่ของความสุข เราไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรเพื่อให้มีความสุข
วิธีมีความสุขของคนเรามีมากมายหลายอย่าง
และเราไม่ควรเลือกวิธีที่สร้างภาระให้กับตนเอง
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ
หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
หัดเว้นที่ว่างไว้ให้ความผิดพลาดบ้าง ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ
การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับปรุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆซากๆ
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดแต่ในสิ่งที่ดีๆ
หมายความว่า
ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี
เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น
มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำและขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดี แม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหลมเพียงไรมันก็คือความโง่ชนิดหนึ่ง
คนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่น นับเป็นคนหาความสุขได้ยากนัก
5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเสมอ
หมายความว่า
เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า
เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า
เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเรา จนวันตาย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก
อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน
การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ
ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้
และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้
............................................................................................................
เราเชื่ออะไร
ในการไปสารภาพบาป ต้องเตรียมตัวอย่างไร
องค์ประกอบสำคัญของการสารภาพบาปทุกครั้ง
คือการพิจารณาบาปอย่างดี พร้อมกับการเป็นทุกข์ถึงบาปของตน ก่อนจะไปสารภาพบาปต่อพระสงฆ์
และทำกิจใช้โทษบาปให้ครบ
สิ่งที่เรียกร้องในการให้อภัยบาป คือบุคคลนั้น ต้องกลับใจ
และพระสงฆ์ให้อภัยบาปของเขาก็ในนามของพระเจ้า ดังนั้น
นอกจากจะต้องพิจารณาบาปอย่างตั้งใจที่สุดแล้ว ยังต้องตระหนักว่า
ไม่มีทางจะสามารถหลุดพ้นจากบาปได้ หากปราศจากความสำนึกผิดที่แท้จริง
ซึ่งมิใช่เพียงแค่การพูดออกมาเท่านั้น
หากแต่เป็นความตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำบาปนั้นอย่างง่ายๆอีก
ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนให้ดีขึ้น ด้วยความหวังในความช่วยเหลือของพระเจ้า
ส่วนการใช้โทษบาป
ซึ่งพระสงฆ์ผู้ให้อภัยบาปกำหนดให้กระทำ เพื่อชดเชยความผิดที่ได้กระทำนั้น
มิใช่เพื่อให้คิดหมกมุ่นแต่ความไม่ดีของตัวเอง แต่การใช้โทษบาป
จะเป็นเหมือนการปลดปล่อย และส่งเสริมให้ได้เริ่มต้นปรับปรุงตัวเองใหม่อีกครั้ง
ไม่ใช่เพียงแต่ในความคิด แต่เริ่มแสดงออกด้วยการกระทำ
ด้วยการกลับไปแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดเท่าที่จะสามารถทำได้
การใช้โทษบาปยังอาจกระทำได้ด้วยการภาวนาให้กับบุคคลที่เราทำผิดต่อเขา
หรือภาวนาให้กับตัวเองได้เข้มแข็งขึ้นที่จะไม่ยอมตกในบาปง่ายๆ การจำศีลอดอาหารก็ดี
หรือการช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งด้านฝ่ายจิต หรือวัตถุสิ่งของ
ล้วนเป็นการชดใช้ต่อสิ่งที่เคยเป็นความเห็นแก่ตัวของตนได้
“เมื่อล้มลง จงลุกขึ้นทันที อย่าปล่อยให้บาป
อยู่ในใจของท่าน แม้แต่ครู่เดียว”
นักบุญ
ยอห์น เวียนเนย์ (1786-1859
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น