วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2014

พี่น้องที่รัก
            สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ในเทศกาลมหาพรต แม้จะเป็นสัปดาห์ที่ดูไม่มีอะไรพิเศษในแง่ของพิธีกรรมในระหว่างเทศกาลมหาพรต แต่ก็มีสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นในวัดของเราในสัปดาห์นี้คือ พิธีฉลองครบรอบ 1 ปีของพระสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ที่วัดของเราได้รับเลือกให้เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีดังกล่าว ในเวลา 17.30 . ของวันอาทิตย์นี้ พ่อในฐานะพ่อเจ้าอาวาสขอเป็นตัวแทน คณะกรรมการสภาภิบาล และ สัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ทุกท่าน ขอต้อนรับพระคาร์ดินัล พระสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย พระสังฆราชจากสังฆมณฑลต่างๆ พระสงฆ์ พี่น้องนักบวชชายหญิง คณะทูตและครอบครัว รวมไปถึง ตัวแทนองค์กรคาทอลิกทุกองค์กร และ พี่น้องสัตบุรุษทุกท่านด้วยความยินดีครับ
            สัปดาห์นี้พ่อขอนำเรื่อง “15 ข้อ ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง(ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง) มาลงเป็นตอนสุดท้ายครับ
พ่อสุพจน์

15 ข้อ ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง(ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง) ต่อจากฉบับที่แล้ว

11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ
            หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้ให้เป็นเรื่องปกติ ความผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิด นั้นเป็นเรื่องเสียหาย และส่งผลเสียกับชีวิตเป็นวงกว้าง เพราะการปรับปรุงตัวนั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองทำไม่ดีแล้วดันทุรัง ก็คือคนที่ไม่มีโอกาส ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็น แต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็ โชยออกมาอยู่วันยังค่ำ

12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม
            หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเป็นแบบ อย่างในการดำเนินชีวิต อย่าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จ ด้านเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่เราควรให้ความสำคัญ กับคุณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละ เราควรเคารพและชื่นชม ใครซักคนที่ความดีของเขาไม่ใช่รายได้ของเขา ทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ มากเกินไป ใครหาเงินได้มาก แปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้ คุณค่าที่ผิดพลาด การคิดเช่นนี้ย่อมเป็น การปลูกฝั่งค่านิยมในระดับจิตวิญญาณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสียแล้ว เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุขของเราไว้กับเงินด้วย เราเลือกต้นแบบอย่างไร ชีวิตของเรา ก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจาก ทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง

13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด
            หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอกตรม คือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับ คนที่บ้าน ขอให้ใช้คนที่บ้านเป็นเครื่องมือ ฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอม เสียเปรียบคนในครอบครัวให้มากที่สุด ดีกับเขาให้ เหมือนเขาเป็นคนเดียวกับเรา อย่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง นอกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เพราะมันจะสร้าง แต่ความทุกข์ให้ชีวิต ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ในชีวิตคนเรา  ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ได้ ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลอกคนทั้งโลก ได้ว่าชีวิตประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อนกลับมาสร้างความละอายใจให้ตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า สิ่งดีๆ ที่ทำแล้วชื่นใจ ก็ขอให้ทำให้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูด ครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิตเน่า ส่วนที่เหลือก็เน่าทั้งหมด

14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน
            หมายความว่า เรานับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจคำสอนของศาสนานั้น แม้ทำตามคำสั่งสอน ยังไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ ขอให้ถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ หัวใจของศาสนาตัวเองคืออะไร เรารู้แล้วหรือยัง หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วลองเขียนดู ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไป ก็แปลว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศาสนาของเรา อย่าหลอกตัวเอง ว่าเรารู้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน นึกเรื่องจะเขียนไม่ออก  ก็แปลว่าเราไม่รู้ เรียบเรียงไม่ได้  ความคิดยังไม่ตกผลึกทั้งๆ ที่นับถือศาสนานี้มาแล้วชั่วชีวิต ย่อมหมายความว่า เราเป็นคนไม่ใส่ใจในศาสนาตนเองเท่าที่ควร ไม่ต้องไปตกใจหรือรู้สึกผิดบาป ทุกอย่างแก้ไขได้ ขอให้รีบปรับปรุงตัวเสียแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย ศาสนาเป็นรากของจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วค่อยไปใส่ใจในวัยชรา เพราะถึงเวลานั้น ก็คงไม่ทันการแล้ว

15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอน จนสำเร็จ

            หมายความว่า เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำ ได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่างน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ อย่างน้อยที่สุด ก็ขอให้อายตัวเองเมื่อคิดจะพูดโกหก เมื่อจะเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตรงธรรม บุคคลในอุดมคติของแต่ละศาสนาไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาสไปถึง สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่นับถืออะไร ก็ขอให้นับถือความดี "ความซื่อสัตย์กับความดี"คาถาง่ายๆ  ที่สำหรับ ผู้ไม่มีศาสนา ก็คือ"เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น"ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้นมีอยู่เพียงข้อเดียวนั่นก็คือ"อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจ ของตนเอง"คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกใบนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ดีของโลกและเพื่อนมนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์

วิธีหาความสุขทั้ง 15 ข้อนี้คือสิ่งที่ทำได้ทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อจนครบทั้ง 15 ข้อถึงแม้คุณไม่ได้บรรลุธรรมแต่คุณก็จะเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าที่สุดคนหนึ่งทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น