พี่น้องที่รัก
ครั้งหนึ่งมีทหารยศนายร้อยผู้หนึ่ง
ชื่นชมจ่าคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา
จ่าคนนี้เป็นคนมีความสามารถและไว้วางใจได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่นายร้อยผู้นั้นไม่ถูกใจในตัวจ่าคนนี้
นั่นคือเขาเป็นคริสตชนที่เคร่งครัด ดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่เขามีอย่างจริงจัง
นายร้อยผู้นี้จึงคิดหาแผนการณ์ที่จะทำให้จ่าคนนี้ลดระดับความเข้มข้นในความเอาจริงเอาจังในเรื่องศาสนาของเขาลงบ้าง
วันรุ่งขึ้น ขณะที่นายร้อยทำการตรวจแถวทหารตามกิจวัตร
เขาเรียกจ่าผู้นั้นให้ออกมายืนข้างหน้าแถว และเริ่มถามจ่าผู้นั้นว่า
“จ่าเห็นท้องฟ้าไหม?”
นายร้อยถาม
“เห็นครับ”
“จ่าเห็นดวงอาทิตย์
และ ลานสวนสนามนี้ไหม?”
“เห็นครับ"
“จ่าเห็นพระเจ้าไหม?”
“ไม่เห็นครับ"
“ถ้ายังงั้นก็
แสดงว่า ไม่มีพระเจ้า”
ถึงตอนนี้
จ่าผู้นั้น กล่าวขออนุญาตต่อนายร้อยว่า ถ้าเขาจะมีโอกาสได้ถามคำถามนายร้อยสองสามประการจะได้หรือไม่
“ว่าไปเลยจ่า”
นายร้อยกล่าวตอบเป็นเชิงอนุญาต
จ่า
หันไปยังแถวของทหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา และถามพวกทหารที่ยืนเข้าแถวอยู่ว่า
“พวกนาย เห็น
นายร้อย ..... เห็นเท้า.... เห็นศีรษะ....
เห็นแขนของเขาหรือไม่?”
“เห็นครับ”
พวกทหารตะโกนตอบ
“พวกนาย
เห็นสมองของนายร้อยหรือไม่?”
“ไม่เห็นครับ”
“ถ้ายังงั้นก็
แสดงว่า ไม่มีสมอง”
ได้ยินอย่างนี้พวกทหารต่างหัวเราะกันยกใหญ่
แม้แต่นายร้อยผู้นั้นก็หัวเราะด้วยไม่ได้
ถึงตอนนี้จ่าผู้นั้น
หันมาแสดงความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาและกล่าวขออภัยต่อผู้บังคับบัญชาว่า
“ผมขอโทษครับ ที่ผมทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะท่าน”
“ดีมาก
จ่ามีปฏิภาณไหวพริบยอดเยี่ยม” นายร้อยกล่าวชื่นชม “ฉันก็ต้องขอโทษจ่าด้วยเหมือนกัน
ที่ได้กล่าวล่วงเกินจ่าไป”
คุณพ่อสุพจน์
........................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
อาทิตย์นี้เข้าสู่สัปดาห์ที่
2 เทศกาลปัสกาแล้ว เร็วใช่มั้ยครับ
อาทิตย์นี้ยังเป็นอาทิตย์พระเมตตาของพระเจ้าอีกด้วยตามที่บุญราศีพระสันตะปาปายอห์น
ปอลที่ 2 ได้กำหนดขึ้น การฉลองปัสกาเป็นการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โดยอาศัยการถวายบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว
พระองค์เสด็จไปพบกับบรรดาศิษย์ของพระองค์เพื่อยืนยันการกลับคืนชีพของพระองค์
พระเยซูเจ้ามาพบกับพวกเขาที่ห้องชั้นบน ที่เคยใช้เป็นที่สำหรับชุมนุมกัน
รับประทานอาหารร่วมกัน ได้ฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ ได้นอนหลับพักผ่อน
ที่ห้องชั้นบนนี้เป็นสถานที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่น่าจดจำสำหรับบรรดาศิษย์
พวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมกัน เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ของพระเยซูเจ้า
และพวกเขาก็ได้พบกับพระองค์ และจำพระองค์ได้ที่ห้องชั้นบนนี้
หากจำได้ว่าห้องชั้นบนนี้เคยเป็นสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเรา”
ซึ่งหมายถึง พวกสาวกได้พบกับพระเยซูเจ้าและจำพระองค์ได้ก็ที่ห้องชั้นบนนี้
ห้องนี้มีความสำคัญสำหรับพวกเขา
เพราะทำให้พวกเขากลับมามีความเชื่อในพระเยซูเจ้าอีกครั้ง
ทำให้พวกเขากลับมามีศรัทธาในพระองค์อีก
ห้องชั้นบนสำหรับพวกเราก็คือ วัด
ที่เป็นสถานที่ประกอบพิธีศีลมหาสนิท เป็นสถานที่สำหรับมาชุมนุมกันของบรรดาคริสตชน
เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการมาวัด มาร่วมพิธีมิสซาอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นแหล่งที่หล่อเลี้ยงความเชื่อของเรา เราจะได้พบกับพระองค์เมื่อเราสวดภาวนา
รับศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมพิธีกรรม ถ้าเราไม่ได้มาวัด
หรือบางคนมาวัดแต่ไม่ได้รับศีลมหาสนิท
แล้วเราจะพบกับพระองค์และจำพระองค์ได้อย่างไรกัน
คุณพ่อศวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น