วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2020

พี่น้องที่รัก
       อยู่กับบ้าน STAY AT HOME
       อยู่ให้เป็น อยู่ให้ได้ และอยู่อย่างมีสุขใจ
       การอยู่กับชีวิตคริสตชนประจำวันในสถานการณ์พิเศษ โคโรน่า-โควิด19การอาศัยการร่วมมิสซาทางออนไลน์ พ่อขอทวนเรื่องเมื่อสัปดาห์โน้น ที่พี่น้องไม่สามารถมาร่วมมิสซาที่วัดได้ และอีกนานคงจะได้มาเจอกันอีก และให้กำลังใจกับทุกคน เรายังอยู่ด้วยกัน พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา
 1.ให้สวดภาวนากับแม่พระมากขึ้น สวดสายประคำในครอบครัวและที่บ้านให้ผ่านวิกฤติไวรัสโคโรน่า
 2.ให้ดูแลความสะอาดของตนเองและบุคคลในบ้าน
 3.ให้ช่วยบุคคลอื่น เท่าที่ทำได้และไม่นำพาภาระอื่นๆ เช่น ขยะ หรือของทิ้งหรือสกปรกทุกชนิดให้กับผู้อื่น
 4.งดการเดินเที่ยวเตร่ออกนอกบ้าน
 5.ให้ทานอาหารของร้อน ช้อนกลาง และล้างมือสะอาดก่อนรับประทานด้วยกัน
 6.มีอาหารสำรองไว้บ้าง แต่หลีกเลี่ยงการกักตุนหรือทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน
 7.ใช้เวลาให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า ทำบ้านให้น่าอยู่และอยู่อย่างเหมาะสม
 8.อาชีพบางอย่าง อาจเหมาะสมกับสถานการณ์พิเศษนี้ ถูกหลัก สะอาด และราคาช่วยเหลือกัน
 9.ค่าใช้จ่ายทุกชนิด ให้เป็นไปอย่างประหยัด คำนึงถึงหลักความพอเพียงและพอดี
10.ในบ้าน ในที่ทำงาน ในชุมชนคริสตชน อ่านพระคัมภีร์ประจำวันมองไปข้างหน้า ไตร่ตรอง พระบอกอะไรกับเราและเราต้องลงมือทำอะไรบ้าง
        เชิญชวนทำบ้านให้เป็นวัดของพระ ชุมชนวัดย่อย เริ่มขึ้นแล้ว (พระวาจา)พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ชาวเราต่างเป็นศิษย์ธรรมทูตที่ต้องช่วยกันประกาศข่าวดี(แบบ)ใหม่ในสถานการณ์พิเศษที่เลวร้ายนี้
พระเจ้าสถิตกับเรา
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม



องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ตรัส​ดังนี้ "ดูซิ ประชากร​ของ​เรา​เอ๋ย
ท่าน​จะ​รู้​ว่า​เรา​เป็น​พระ​เจ้า เมื่อ​เรา​เปิด​หลุม​ศพ​ของ​ท่าน และ​ยก​ท่าน​ขึ้นมา​จาก​หลุม​ศพ 
เรา​จะ​ให้​จิต​ของ​เรา​เข้า​ไป​ใน​ท่าน และ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต"  (เทียบ อสค 37:12-14)

          เรามีโอกาสได้พบกับพระธรรมชาติของพระเจ้า 2 ประการสำคัญในสัปดาห์นี้ สัปดาห์ที่5 เทศกาลมหาพรต นั่นคือ 1.พระเจ้าทรงมีหัวใจไม่ใช่หิน และเป็นหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักและเมตตา จงมั่นใจวางใจ กล้าวางชีวิตของเราไว้ในหัวใจที่เปี่ยมรักของพระองค์เถิด

พระเยซูเจ้าตรัสว่า “​ลาซารัส​เพื่อน​ของ​เรา​กำลัง​หลับ​อยู่ แต่​เรา​กำลัง​จะ​ไป​ปลุก​ให้​ตื่น”....มาร์ธาและมา​รีย์​ทูลพระองค์ว่า “​พระ​เจ้า​ข้า ถ้า​พระองค์​ทรง​อยู่​ที่นี่ พี่ชาย​ของ​ดิฉัน​คง​ไม่​ตาย”  พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “​เรา​เป็น​การ​กลับคืน​ชีพ​และ​เป็น​ชีวิต ใคร​เชื่อ​ใน​เรา แม้​ตาย​ไป​แล้ว ก็​จะ​มี​ชีวิต  และ​ทุก​คน​ที่​มี​ชีวิต และ​เชื่อ​ใน​เรา จะ​ไม่​มี​วัน​ตาย​เลย ท่าน​เชื่อ​เช่นนี้​หรือ”  มารธา​ทูล​ตอบ​ว่า “​เชื่อ พระ​เจ้า​ข้า....” พระองค์​ทรง​เปล่ง​พระ​สุ​รเสียง​ดัง​ว่า “​ลาซารัส​เอ๋ย จง​ออกมา​เถิด”  ผู้ตาย​ก็​ออกมา  (เทียบ ยน 11: 1,21-24,32,43-44)

          ประการที่2 พระเป็นเจ้าพระบิดาทรงแสดงผ่านทางชีวิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์  พระองค์ทรงมีอำนาจมีพลังเหนือทุกสิ่งทุกเรื่อง พระองค์เอาชนะได้แม้ความตาย
          พระองค์ทรงถาม ทรงต้องการคำตอบจากเราว่า "ท่านเชื่อมั่นในเราหรือ"
"ผู้​ที่​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​พระ​จิต​เจ้า​, ดำเนินชีวิตมีความชอบธรรม ท่านเป็น​ที่​พอ​พระทัย​พระ​เจ้า​ได้...พระเจ้า​จะ​ทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย" (เทียบ รม 8:8-11)

          การดำเนินชีวิตเป็นผู้ชอบธรรม การมีชีวิตใจกว้างให้กับผู้คน การอดทนใจเย็นให้อภัยกัน การส่งยิ้มส่งน้ำใจ ส่งคำพูดอ่อนโยนเมตตาต่อกัน เป็นชีวิตที่พระพอพระทัย
          สถานการณ์ปัจจุบันนี้บีบเรา บีบเราจริงๆ ให้เราอยู่บ้าน อยู่กับสังคมที่แคบลง อยู่กับคนในบ้านในครอบครัวไม่กี่คน  มีกี่คนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเราตอบพระด้วยความเชื่อ ด้วยชีวิตชอบธรรม ด้วยใจกว้างให้กับคนในบ้าน
          ยิ่งกว่านั้นพระมอบเครื่องมือพิเศษเพิ่มเติมให้ คือเทคโนโลยี รวมทั้งช่องทางการสื่อสาร จงใช้มันเถิด มอบความรักของพระเจ้าให้แก่กัน ดังนั้น เราสามารถพูดได้ว่า "หยุด...อยู่บ้าน ดูแลเอาใจใส่คนในบ้าน ลดการแพร่เชื่อ และช่วยชาติ" ก็เป็นสิ่งพี่พระพอพระทัยในชีวิตผู้ชอบธรรมของเรา

                                นกขุนทอง

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2563

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2020


พี่น้องที่รัก
       สัปดาห์ที่แล้วผู้คนหายไป ไม่แปลกใจ เพราะเรากำลังอยู่ในสถานการณ์พิเศษ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าที่ยังคงมีผลกระทบกับการดำรงชีวิตของเรา พระสันตะปาปาได้ภาวนาอย่างเข้มข้นและได้เชิญชวนให้เราสวดกับพระองค์พร้อมกับแม่พระเพื่อผ่านพ้นวิกฤติโรคร้ายนี้ พ่อได้จัดเตรียมการอภิบาลในสถานการณ์พิเศษนี้ทั้งโดยตรงและอ้อม อาจจะต้องใช้เครื่องมือสื่อสารนำทาง ยากายยาใจรักษาเพื่อให้สะอาด และเสริมพลังศรัทธาโดยรวมและส่วนตัว
        ช่วงนี้บ่ายโมงตรง ตรงกับเวลาเช้าน่าจะเป็นราวเจ็ดโมงเช้าที่กรุงโรม พี่น้องก็ร่วมมิสซาประจำวันกับพระสันตะปาปาได้ (ใช้ youtube:Vatican live) อาจฟังภาษาอิตาเลียนไม่รู้เรื่องก็ร่วมมิสซาด้วยภาษาไทยใช้บทมิสซาและไบเบิ้ลไดอารี่ควบคู่ไปด้วยกัน ส่วนการรับศีลมหาสนิทก็เป็นความปรารถนาภายในจิตใจภายใต้การนำทางของพระจิตเจ้า ส่วนมิสซาวันอาทิตย์คงรออีกสักนิด คงมีการนำเสนอต่อไป สำหรับวัดเซนต์หลุยส์ยังคงเป็นไปตามปกติเพื่อพี่น้องที่สามารถมาได้ก็มา ดูแลความสะอาดของตนเอง ใครรู้ตัวไม่สบายก็อยู่กับบ้าน ใครไม่รู้ตัวก็ให้ช่วยกันบอกด้วยมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน
       การอยู่กับชีวิตคริสตชนประจำวัน ในสถานการณ์พิเศษ โคโรน่า-โควิด19
 1. ให้สวดภาวนากับแม่พระมากขึ้น สวดสายประคำในครอบครัวและที่บ้านให้ผ่านวิกฤติไวรัสโคโรน่า
 2. ให้ดูแลความสะอาดของตนเองและบุคคลในบ้าน
 3. ให้ช่วยบุคคลอื่น เท่าที่ทำได้และไม่นำพาภาระอื่นๆ เช่น ขยะ หรือของทิ้งหรือสกปรกทุกชนิดให้กับผู้อื่น
 4. งดการเดินเที่ยวเตร่ออกนอกบ้าน
 5. ให้ทานอาหารของร้อน ช้อนกลาง และล้างมือสะอาดก่อนรับประทานด้วยกัน
 6. มีอาหารสำรองไว้บ้าง แต่หลีกเลี่ยงการกักตุนหรือทำให้บุคคลอื่นเดือดร้อน
 7. ใช้เวลาให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า ทำบ้านให้น่าอยู่และอยู่อย่างเหมาะสม
 8. อาชีพบางอย่าง อาจเหมาะสมกับสถานการณ์พิเศษนี้ ถูกหลัก สะอาด และราคาช่วยเหลือกัน
 9. ค่าใช้จ่ายทุกชนิด ให้เป็นไปอย่างประหยัด คำนึงถึงหลักความพอเพียงและพอดี
10. ในบ้าน ในที่ทำงาน ในชุมชนคริสตชน อ่านพระคัมภีร์ประจำวัน มองไปข้างหน้า ไตร่ตรอง พระบอกอะไรกับเราและเราต้องลงมือทำอะไรบ้าง
“หลีกเลี่ยงการอ่านข่าวร้าย สร้างกระแสตื่นตระหนก และเลือกข่าวที่มาจากแหล่งทางการ”
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


"สติของลูกของพระ วางใจ ภาวนาและแบ่งปัน"
"ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ  จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย"  (อฟ 5:8-10)
          เมื่อพูดถึงความมืด ช่วงเวลานี้, ช่วงเวลาของ "โควิด-19" ความมืดมันปกคลุมไปทั่ว ทั่วโลก ทั่วทวีป ทั่วประเทศ ทั่วทุกหมู่บ้าน ทุกครอบครัว ความมืดยังเจาะลงไป แล้วเกาะกุมไปจนถึงหัวใจของเราแต่ละคนทุกคน

แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “...พระเจ้าไม่ทรงมอง อย่างมนุษย์มอง...แต่พระ​​ทรงมองจิตใจ”  (เทียบ1ซมอ 16:7)
          "โควิด-19" เล่นเอาหวาดหวั่นขวัญกระเจิงกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า หิมะ และทะเลทราย  แต่...แต่...แต่ นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์มอง มองดูด้วยความหวาดกลัว กลัวตาย กลัวกันอย่างขาดสติ  มองดูด้วยความหวาดระแวง เพราะมีหลายคนคิดเห็นแก่ความสุขของตนเอง และส่งผลร้ายตามมาต่อผู้อื่น จนสร้างและเพิ่มความหวาดหวั่นหวาดระแวงไปทั่ว

ชาวฟาริสีได้ถามเขาอีกว่า เขามองเห็นได้อย่างไร เขาจึงตอบว่า “คนนั้นเอาโคลนป้ายตาของฉัน ฉันไปล้างตา แล้วก็มองเห็น..... เขาเป็นคนบาปหรือไม่ ฉันไม่รู้ ฉันรู้อย่างเดียวว่า ฉันเคยตาบอด และบัดนี้มองเห็นแล้ว.....แปลกจริง ท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาได้รักษาตาของฉันให้กลับมองเห็น  เราทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังผู้ที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์เท่านั้น  แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หายได้  (ยน 9:15,25,30-32)
          "สติของเราคริสตชน ลูกของพระ" คือ เราเชื่อและวางใจในพระทัยเมตตา  ความเชื่อวางใจ จึงส่งผลให้เราไม่หมดหวัง  "ความหวังในพระเจ้า" ส่งให้เรา ยังคงมั่นในการสวดภาวนา  และส่งให้เรามีใจเอื้อเผื่อแผ่ด้วยใจ ความร่วมทุกข์สุข แบ่งปัน และดูแลกัน ไม่ว่ายามเขายาก หรือยามเรายาก
          มาเถิดพี่น้อง ขอเชิญชวนเรามาร่วมภาวนากัน ขอพระเป็นพลังให้เรา รักษาเราไว้จากการประจญท้าทาย พ้นจากภัยร้ายที่กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นภัยโควิด-19 หรือภัยใดใดก็ตาม....จงมีความเชื่อ จงวางใจ จงมั่นคงที่จะภาวนา และจงอย่าทิ้งกันดูแลกันและกันเถิด

                                นกขุนทอง

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2020


การไม่รู้จักพระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (นักบุญเยโรม)
พี่น้องที่รัก
       พ่อได้ประกาศแนวทางการอภิบาลพิเศษช่วงนี้ หลายฉบับเพื่อการดูแลช่วยกัน เช่น การร่วมพิธีกรรมประจำวันและเสาร์อาทิตย์ รวมทั้งสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ การเรียนคำสอนภาคฤดูร้อน การใช้ศาลาหลุยส์มารีย์ และการใช้ห้องประชุม ขอได้ติดตามจากการประชาสัมพันธ์ของวัดด้วย
        ขอขอบคุณในความร่วมมือจากพี่น้องที่ได้ช่วยกันทำตามคำแนะนำของแผนกสุขภาพอนามัยภายใต้คำประกาศของสภาพระสังฆราชคาทอลิกไทย และยังแนะนำสิ่งที่ควรมีในการมาร่วมมิสซาในวัดของเรา พ่อยินดีรับฟังแต่ควรเป็นการสร้างสรรค์มากกว่าทำลาย การคิดร้ายต่อบุคคลอื่นอันตรายต่อไวรัสที่กำลังเกิดขึ้นอีก
        เราต้องอยู่ให้เป็น อยู่ให้ได้และอยู่อย่างมีสุขกายสบายใจ
        พ่อขอใช้คำสอนนี้“การไม่คิดร้ายเป็นลาภอันประเสริฐ”,“อย่าเห็นแก่ตัว”และ“จงรักกันและกัน
        ขอยกระดับเรื่องการอยู่กันให้ได้
        มือสะอาด”เจ้าหน้าที่ของวัดได้ทำความสะอาดมากเท่าที่จะทำได้คือโต๊ะ ม้านั่ง หนังสือเพลง จัดเติมเจลล้างมือแบบเซ็นเซอร์บริการให้กับผู้มาวัด บางครั้งอาจไม่ทั่วถึง ก็ขอให้ทุกคนควรมีเจลมือถือ(ส่วนตัว)ซึ่งสามารถหาซื้อหรือพกพามาเอง จะช่วยได้อย่างดีเยี่ยม การรับศีลมหาสนิทด้วยมือ มือต้องสะอาด แต่บางคนหยิบอะไรหลายอย่างจนลืมไปว่าตัวเองได้ล้างมือก่อนเข้าวัดมาแล้ว ดังนั้น จึงควรมีเจลของตนเองบ้าง
        หนังสือเพลง”อาจจะต้องปรับตัวเองใช้มือถือบ้างเพื่อดูบทเพลงที่ทางวัดเปิดอีกหนึ่งทางเลือก หรือใครใช้แล้ว โปรดเก็บที่เดิมยังชั้นวางหนังสือข้างกำแพงวัด
       เงินถวาย”บางคนอาจsensitiveเรื่องความสะอาด สามารถถวายเงินหลังรับศีลได้ ผ่านทางตู้รับเงินของวัด ผ่านถุงเงินถวายอีกครั้งหนึ่ง
        การร่วมพิธีกรรมที่นั่งรวมกันจนแออัด ขอให้ใช้ม้านั่งด้านนอกวัดได้” บริการตนเอง ใช้แล้วเก็บที่เดิม หากจำเป็นจริงๆในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ อาจต้องใช้พื้นที่โล่งของโรงเรียนเพื่อการประกอบพิธี ซึ่งทางวัดจะแจ้งให้ทราบเมื่อถึงใกล้เวลาดังกล่าว
        การเรียนคำสอนของเด็กๆ”เพื่อการเตรียมรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและกำลัง ประเพณีที่เราปฏิบัติจนเคยชิน ขอปรับการเรียนการสอนแบบมีทางเลือก ชอบแบบไหนก็เลือกเอา ดูคำแนะนำจากพ่อวีรยุทธ
        ทั้งหมดนี้ ถ้าร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี จะช่วยเป็นกำลังสำคัญให้กับผู้เจ็บป่วยให้เข้มแข็งได้
         
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม



"พระทรงอดทน เพื่อทรงพิสูจน์ว่ารักเรา"
"ชาวอิสราเอลกำลังกระหายน้ำมาก จึงบ่นตำหนิโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกจากอียิปต์ จะให้พวกเรา ลูก ๆ และฝูงสัตว์ของเราอดน้ำตายหรือ”..... สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่ามัสสาห์และเมรีบาห์ เพราะชาวอิสราเอลได้ต่อว่าและทดลองพระยาห์เวห์โดยถามว่า “พระยาห์เวห์สถิตกับเราหรือไม่”  (อพย 17:3,7)
           ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน บางครั้งก็ไม่ได้ราบรื่นไปทุกอย่าง  หลายครั้งเราพบว่าเราถูกผู้คนปฏิเสธ ไม่ยอมรับน้ำใจเรา ไม่เข้าใจความปรารถนาดีที่เรามีให้  ผู้คนก็ให้คำนิยามว่า "ต่างคนต่างจิตต่างใจ"
          เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้า กับชนชาติอิสราเอล ประชากรของพระองค์ เราพบเรื่องทำนองเดียวกัน  พวกเขาบ่นว่าพระองค์ พวกเขาลืมพระเมตตารักยิ่งใหญ่ที่พระมอบให้มากมาย พวกเขาปฏิเสธความรักของพระ
พระเยซูเจ้าตรัสว่า "แต่​ผู้​ที่​ดื่ม​น้ำ​ซึ่ง​เรา​จะ​ให้​นั้น จะ​ไม่​กระหาย​อีก​เลย น้ำ​ที่​เรา​จะ​ให้​เขา จะ​กลายเป็น​ธาร​น้ำ​ใน​ตัว​เขา ไหล​ริน​เพื่อ​ชีวิต​นิรันดร”..... เขา​กล่าว​กับ​หญิง​ผู้​นั้น​ว่า “​เรา​มี​ความ​เชื่อ​ไม่ใช่​เพราะ​คำพูด​ของ​ท่าน​อีก​แล้ว เรา​เอง​ได้​ยิน​และ​รู้​ว่า​พระองค์​เป็นพระผู้ไถ่ของโลกโดยแท้จริง”  (ยน 4:14,42)
          ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ให้คนหนึ่งเป็นผู้รับ ให้และรับตามประสามนุษย์  อาจจะให้ต่อกันด้วยความเคลือบแคลงแฝงผลประโยชน์  หรือหากบริสุทธิ์ใจจริง ก็อาจสะดุดล้มลง ท้อและถอยหากถูกปฏิเสธน้ำใจที่หวังดี หากถูกตอกกลับมาและเจ็บปวด  มีโอกาสสูงที่จะช้ำใจ ผิดหวัง และหยุดทำดีหยุดที่จะแบ่งปัน
"พี่น้อง เมื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อแล้ว เราย่อมมีสันติกับพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา..... ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริง ๆ ได้  แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป"  (รม 5:1,7-8)
          ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ให้และผู้รับ โดยผู้ให้เป็นพระที่เมตตา รัก และให้ชีวิต  ไม่ว่ามุมมองของเรา เราจะมองความรักของพระ รักและขอบพระคุณพระมากน้อยเพียงใด หรือบางครั้งอาจจะท้อ และต่อว่าพระในความทุกข์ ความยากยากลำบากที่กำลังเผชิญอยู่
          แต่จงมั่นใจเถิด ในมุมมองและสายพระเนตรของพระ พระรักเราเสมอ ห่วงใยใส่ใจเราเสมอ "เพื่อทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป".

                                นกขุนทอง