สารวัดวันอาทิตย์ที่
18 พฤศจิกายน 2018
สัปดาห์ที่
33 เทศกาลธรรมดา
เดือนพฤศจิกายน โปรดระลึกถึงผู้ล่วงลับ ภาวนาทำกิจเมตตา ร่วมมิสซา เยี่ยมเยียนสุสาน
วันนี้พระสันตะปาปาฟรังซิสให้เป็นวันผู้ยากจน จุดประสงค์เพื่อนำความรักมาเป็นกิจเมตตาที่แสดงออกมาอย่างเป็นรูปธรรม
ปีนี้พระองค์เปิดศูนย์รักษาพยาบาลให้กับผู้ยากไร้และยังคงดูแลผู้ไม่ที่อยู่อาศัยให้อาหารกับผู้ขัดสน
โดยพระองค์เองเปิดห้องอาหารและร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา นับเป็นปีที่สอง
วัดเซนต์หลุยส์ได้ใช้สัปดาห์ที่สองของทุกเดือนทำกิจกรรมเช่นนี้ โดยมอบเงินให้กับ“คณะวินเซนต์เดอปอล”เป็นผู้ทำแทน
และมีแผนปฏิบัติงานอย่างชัดเจน ถึงมือกับผู้ยากไร้อย่างจริงจัง
สิ้นปีนี้คงได้เห็นรายงานการทำงานที่ผ่านมา ทั้งรายงานบัญชีและกิจกรรมต่างๆ
ขอขอบคุณพี่น้องที่มีส่วนร่วมและตัวแทนของคณะวินเซนต์เดอปอลที่ช่วยกันอย่างแข็งขันและสม่ำเสมอ
ในเดือนมิถุนายน 2019
เราจะทำการใหญ่อีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นกิจเมตตาตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปาและสอดคล้องกับกิจกรรมของวัดเพื่องาน
350 ปีมิสซังสยามในพันธกิจช่วยพระเยซูประกาศข่าวดีในเรื่องความรักและกิจเมตตา
ใครที่ยังไม่ได้ซื้อสลากสอยดาวให้รีบจัดการภายในอาทิตย์นี้ เพราะหลังจากนี้คงต้องไปซื้อที่หน้างานในคืนวันที่ 24
ธันวาคม อาจจะไม่ทันเพราะมีผู้คนมากมายเหมือนทุกๆปี ส่วนเด็กๆที่ยังไม่ได้รับบัตรฟรีคนละ
1 ใบให้มารับได้จากคุณพ่อและสามเณรใหญ่ เขียนชื่อและเบอร์โทร.ไว้ด้วยเพื่อการรับรางวัลแบบคาดไม่ถึง
เหลืออีกไม่มากทั้งสองรายการที่เริ่มนำมาบริการให้กับพี่น้องที่มาวัดเซนต์หลุยส์
ใครซื้อแล้วก็นำท้ายบัตรเขียนชื่อและเบอร์โทร.เช่นเดียวกัน
ฉีกใส่หางบัตรนั้นลงในกล่องใสหรือตู้รับที่ห้องติดต่อสอบถามหลังศาลาฯได้
อาทิตย์หน้าที่ 25 พฤศจิกายนวันสมโภชพระคริสตกษัตริย์และส่งท้ายปีพิธีกรรม วันพระกระแสเรียก
ดังนั้น เราจะมีส่วนร่วมกับงานของบ้านเณรเล็กสามพราน
ในการส่งเสริมทั้งกำลังใจภาวนาและกำลังปัจจัย ในมิสซารอบ 10.00
น.จะเป็นมิสซาโปรดศีลมหาสนิทครั้งแรกให้กับเด็กๆนักเรียนทั้งสามโรงคือเซนต์หลุยส์อัสสัมชัญแผนกประถมและอัสสัมชัญคอนแวนต์สีลม
บรรดานักบวชชายหญิง พร้อมมาแนะนำพระกระแสเรียกของคณะ เพื่อให้เด็กได้สนใจ
และบรรดาน้องเณรเล็กมาร่วมรับเงินสนับสนุนบ้านเณรเล็ก
วันนั้นจะมีกิจกรรมมากมายหลายกลุ่มที่เลือกเอาวันนี้ สร้างคน
สร้างงานและสร้างสังคมให้เกิดข่าวดีด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่กัน
ขอพระเจ้าอวยพร
พ่อชาญชัย
ทิวไผ่งาม
............................................................................................................
"แสงสว่างแบบพระเยซู...ปัญญาแบบพระเจ้า"
"บรรดาผู้มีปัญญาจะส่องแสงเหมือนแสงสว่างบนท้องฟ้า
และบรรดาผู้ที่ช่วยคนจำนวนมากให้มีความชอบธรรม
จะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป" (ดนล 12:3)
จากพระวรสารจากพระคัมภีร์ตอนนี้
ทำให้เห็นความจริง 3 ข้อ
1. ของดีของมีคุณค่าจะเก็บจะหวงไว้คนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องเป็นแสงสว่างส่องแสงออกไป
ถูกแบ่งปันออกไป
2.มุมมองของพระคัมภีร์ ผู้มีปัญญา
เป็นผู้ที่แบ่งปันออกไปเหมือนกับแสงสว่างที่ถูกส่องแสงออกไป
3.บรรดาผู้ชอบธรรมที่แบ่งปันพระพรและแสงสว่างของพระให้กับเพื่อนพี่น้องคนอื่นด้วยใจกว้าง พระเป็นเจ้า
ทรงเห็นและทรงเป็นพลังสำหรับเขาเสมอ.
บรรดาผู้ชอบธรรม
คือบรรดาผู้มีปรีชาญาณของพระเจ้า มีชีวิตและหัวจิตหัวใจอย่างพระทัยพระเยซูเจ้า
จึงมีแนวความคิดและวิถีชีวิตเช่นนี้
เป็นชีวิตที่วางพิงอิงไว้กับความรักของพระเจ้า
พวกเขาจึงคิดเพียงแค่ว่า
"พระเจ้าทรงเป็นส่วนมรดกของข้าพเจ้า และทรงเป็นผู้กำหนดชีวิตของข้าพเจ้า พระองค์เท่านั้นทรงคุ้มครองชะตาชีวิตของข้าพเจ้าให้ปลอดภัย..... หัวใจข้าพเจ้าจึงร่าเริง วิญญาณ ข้าพเจ้าก็ยินดี ร่างกายของข้าพเจ้าจะพักผ่อนอย่างปลอดภัยเพราะพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนมรณะ จะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ต้องเผชิญเหวลึก" (สดด 16:5,9-10)
“เวลานั้น
พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า ในวันเหล่านั้นเมื่อทุกขเวทนาผ่านไปแล้ว
ดวงอาทิตย์จะมืดไป ดวงจันทร์จะไม่ทอแสง ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า
และอานุภาพบนท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน
เมื่อนั้นประชาชนทั้งหลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ
ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่
เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้ทูตสวรรค์ไปรวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรจากทั้งสี่ทิศ จากปลายแผ่นดินจนสุดขอบฟ้า”
(มก 13:24-27)
เราจึงเห็นผู้มีปรีชาญาณของพระเจ้า
รวมทั้งเห็นตัวเราเองด้วย กล้าที่จะยอมเสียสละน้ำใจตนเอง, กล้าเดินตามเสียงเรียกของพระเจ้า,
กล้าแบ่งปันให้กับเพื่อนๆน้องด้วยใจกว้าง, กล้าที่จะยอมเป็นแสงสว่างส่องทางให้กับเพื่อนพี่น้องคนอื่น
เป็นต้นพี่น้องที่เดือดร้อน, เจ็บปวดหรือเจ็บป่วย, ยากไร้ถูกทอดทิ้ง.....
ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบิดาของเรา.
นกขุนทอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น