พี่น้องที่รัก
“มหาพรตเป็นการเดินทางร่วมกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ”
หากจะใช้การเดินทางเป็นก้าวๆ
จะได้ 40 ก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะเส้นทางมีพระคริสตเจ้าอยู่กับเรา พระองค์ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนชีพ
เป็นทั้งชีวิตที่เป็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต
พระองค์เป็นการเริ่มต้นและอวสานของทุกสิ่ง มนุษย์คือสิ่งสร้างที่พระองค์ประทานและปรารถนาให้เรากลับไปหาพระองค์
การสร้างแบบฝึกหัดชีวิตบนโลกนี้ด้วยไม้กางเขน
คือน้อมรับความยากลำบากในชีวิตบ้าง ปัญหาและภารกิจประจำวัน
ขอให้เป็นไม้กางเขนที่แบกร่วมกับพระองค์ และติดตามพระองค์ไปจนถึงปลายทาง
ดั่งพระวาจาเชิญชวน “เสียสละตนเอง แบกไม้กางเขนและติดตามพระองค์”
ในวันศุกร์ที่
9 และและเสาร์ที่ 10 มีนาคม ก่อนสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต พระสันตะปาปาเชิญชวนให้เรามีเวลา
24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า ด้วยการนมัสการศีลมหาสนิทและการกลับใจ
สภาวัดเซนต์หลุยส์ได้เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของพ่อเพื่อทำตามพระประสงค์ในเรื่องการเฝ้าศีลมหาสนิท
24 ชั่วโมง โดยใช้วัดพระจิตของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ตั้งศีลมหาสนิท
และเฝ้าเงียบกับมีสวดทำวัตรและสายประคำตามเวลาที่กำหนด
ส่วนวัดเซนต์หลุยส์จะถวายมิสซาประจำวัน เดินรูป 14 ภาค และวจนพิธีกรรมศีลอภัยบาป 2
รอบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสัตบุรุษทั้งกลางคืนและกลางวัน รายละเอียดให้ดูกำหนดเวลา
การมีเวลา
24 ชั่วโมง
จะเป็นการนมัสการและกลับใจ คงไม่ใช่มานอน มาคุย หรือสนทนา วัดจะกำหนดเวลา
สามารถมาเฝ้าเดี่ยวแบบบุคคลหรือหมู่คณะหรือชวนกันมาก็ทำได้
เพียงแต่เน้นการนมัสการแบบสงบ เงียบและตื่นเฝ้าอย่างจริงจัง
โดยให้ลงชื่อเพื่อจะได้สลับเปลี่ยนเวรกันในแต่ละชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 17.00
น.ของวันศุกร์ที่ 9 และจบเวลา17.00 น.ของวันเสาร์ที่ 10 ถัดไป
เรื่องความปลอดภัยคงสบายใจได้เพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งของวัดและโรงพยาบาลดูแล
รถยนต์ให้นำมาจอดในบริเวณวัดได้
เช่นเดียวกัน
ในปีนี้วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์จะมีการแห่ศีลมหาสนิทอัญเชิญไว้ในวัดพระจิตของโรงพยาบาล เพื่อให้มีบรรยากาศเฝ้าศีลอย่างจริงจังแบบ “ตื่นเฝ้ากับพระองค์”
โดยเป็นสลับเวรหมู่คณะและบุคคล
การนมัสการไม้กางเขนในวันศุกร์ จะใช้ไม้กางเขนใหญ่และอันเดียวเท่านั้นตามพิธีการนมัสการ
ซึ่งมีคำแนะนำหากมีสัตบุรุษมากให้ทำโดยมีการนมัสการด้วยความสำรวมพร้อมกัน
และเงียบสักครู่ใหญ่
ส่วนผู้ที่ต้องการจูบไม้กางเขนหรือการนมัสการสามารถทำได้หลังจากจบพิธีเรียบร้อยแล้ว
จึงขอประชาสัมพันธ์แต่เนิ่นๆ
เพื่อเตรียมใจและให้เวลากับตรีวารปัสกาในปีนี้
สุดท้าย
ช่วยกันแบ่งปันน้ำใจปัจจัยเพื่อผู้ยากไร้ ผ่านทางซองรณรงค์มหาพรตของวัดด้วยครับ
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
............................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
“คำถามชีวิต”
เมื่อ
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะร่วมภาวนาให้กับผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นมาเซอร์ผู้สูงอายุท่านหนึ่ง
ในคณะเซนต์ปอล เดอชาร์ต
ที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราได้อ่านบทรำพึงในหนังสือวจนพิธีกรรมที่นำมาใช้ภาวนาในวันนั้น
ซึ่งเป็นบทความสั้นๆมีลักษณะเป็นคำถามสั้นๆ แต่ชวนคิดเป็นต้นในช่วงเวลา มหาพรต
เป็นคำถามที่พวกเราน่าจะตอบเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้ ซึ่งพ่อขอยกมาเพื่อแบ่งปันเป็นพิเศษในโอกาสนี้
“พระเจ้าไม่ถามว่าคุณขับรถอะไร
พระองค์จะถามว่าคุณขับรถช่วยเหลือผู้อื่นกี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าบ้านคุณใหญ่โตแค่ไหน
พระองค์จะถามว่าคุณต้อนรับคนเข้ามาในบ้านของคุณกี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีตำแหน่งอะไร
มีฐานะอย่างไร แต่พระเจ้าจะถามคุณว่าคุณได้ใช้สิ่งที่คุณมีเพื่อคนอื่นมากแค่ไหน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีเสื้อผ้าในตู้กี่ชุด
แต่พระเจ้าจะถามว่าคุณช่วยให้คนอื่นมีเสื้อผ้าใส่กี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณทำงานอะไร
แต่จะถามว่าคุณทำงานสุดความสามารถหรือยัง
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีเพื่อนกี่คน
แต่จะถามว่าคุณเป็นมิตรและจริงใจกับเพื่อนเพียงใด
พระเจ้าไม่ถามว่าเพื่อนบ้านของคุณมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร
แต่จะถามว่าคุณได้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านอย่างไรเพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น”(นิรนาม)
ชีวิตของเรานี่แหละเป็นคำตอบของคำถามเหล่านี้
มหาพรตเป็นช่วงเวลาที่เราจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ
มหาพรตเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ชวนให้เราได้คิดถึงชีวิตของเราต่อหน้าพระ
และชีวิตของเรากับเพื่อนพี่น้องมากขึ้นเป็นพิเศษ
พ่อคิดว่ามหาพรตน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะตอบคำถามเหล่านี้ ในชีวิตของเรา
และคำตอบที่ดีที่สุดคงไม่มีใครจะตอบได้ดีเท่ากับตัวของเราแต่ละคนเอง
ปลัดวัดสาทร