พี่น้องที่รัก
การเคารพศีลมหาสนิทผ่านไปด้วยดี ไม่มีฝน อากาศกำลังดี
พิธีกรรมผ่านพ้นไปด้วยภาพของเด็กๆโปรยดอกไม้และผู้ช่วยพิธีกรรม
อัญเชิญศีลมหาสนิทแห่รอบวัดและมาประทับ ณ พลับพลาศีลมหาสนิทหน้าวัดพระจิตเจ้าของโรงพยาบาลและศาลาหลุยส์มารี
บรรดาสัตบุรุษมากมายที่รวมพลังเป็นเอกภาพอย่างเข้มแข็งด้วยการโมทนาคุณอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชาวเราเซนต์หลุยส์มาตลอด
60 ปี
ใกล้วันฉลองวัด
อาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม โอกาสโมทนาคุณ 60 ปี พ่อเชิญชวนพี่น้องได้มีส่วนร่วมช่วยกันทั้งแรงกาย
อะไรที่ต้องออกแรงงาน ร่างกายของคนรุ่น ๆ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ต้องหวังพึ่งพาเด็ก ๆ
มากหน่อย เป็นต้นโรงเรียนในละแวกวัดทั้งอัสสัมชัญและเซนต์หลุยส์
รวมทั้งเด็กโตใกล้ไกลเอาหมด ปีนี้อยากเห็นการให้เวลาทำให้วัดสวยงามมากขึ้น
หลังจากที่ปีที่ผ่านมาต้องปรับปรุงบริเวณวัด
บัดนี้เรียบร้อยแล้วก็น่าที่จะช่วยกันตบแต่งความสวยงามภายนอกด้วยกัน
ส่วนแรงใจก็คงเป็นคำภาวนา ปีนี้พ่อได้รับหน้าที่ให้ช่วยจัดเตรียมจิตใจสัตบุรุษ
9 วันก่อนถึงวันจริง ดังนั้นจะพยายามเชิญพระสงฆ์มาเตรียมจิตใจให้กับพี่น้อง
เริ่มตั้งแต่ 18 – 26 สิงหาคม โดยใช้มิสซารอบ 17.30 น. วันเสาร์ที่ 26
ถือเป็นการฉลองภายในด้วย และโปรดศีลอภัยบาปเตรียมฉลองวัด
สำหรับความช่วยเหลือเรื่องการถวายเงินทำบุญ
พ่อคงใช้ธรรมเนียมเดิมของวัดคือทุกคนมีส่วนร่วมช่วยกัน
มากน้อยขึ้นกับกำลังของแต่ละคน
ปีนี้พิเศษ
ก่อนหนึ่งอาทิตย์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตั้งแต่ 06.00 น.จนถึง 08.00 น.
มีการเดินการกุศลในสวนลุมฯ
รายละเอียดดูการประชาสัมพันธ์นอกวัดเพื่อเราจะได้พบปะและทำการกุศลเพื่อสนับสนุนงานฉลอง
60 ปีของวัดให้เป็นไปอย่างดี ผู้สนับสนุน(สปอนเซอร์ 30,000-50,000 บาท) บัตรร่วมเดินการกุศล
และอื่นๆอีกมากมาย ขอช่วยกัน
งานสอนคำสอน
นอกจากการสอนผู้ใหญ่ที่ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้ว ต่อไปจะเริ่มสอนเด็ก ๆ ที่เกณฑ์อายุถึงการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลัง
จะมีบราเดอร์และซิสเตอร์ช่วยสอนในวันอาทิตย์หน้าที่ 2 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 11.30 น. ที่บ้านพักพระสงฆ์
โปรดลงชื่อและโทรศัพท์ติดต่อได้
“การรู้จักรัก
โดยไม่จดจำความผิด เป็นเรื่องที่ลงมือทำแบบฝึกหัดได้เลย”
พ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
..............................................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
ก่อนมาประจำที่วัดเซนต์หลุยส์นี้ มีพระสงฆ์รุ่นพี่หลายท่านบอกกับพ่อว่ามาอยู่วัดนี้
เตรียมบทเทศน์งานศพไว้เยอ ะๆ เพราะที่เซนต์หลุยส์เป็นวัดที่ไม่ว่างเว้นจากงานศพเลย
เพราะมีสวดศพ ปลงศพเกือบจะทุกวัน แรก ๆก็คิดว่าจะเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ แต่พอเวลาที่มาอยู่ที่วัดเซนต์หลุยส์นี้
คำกล่าวเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริงเพราะตั้งแต่เปิดศาลาหลังจากปิดปรับปรุงมา
ก็มีผู้ล่วงลับมาสวดที่ศาลาแห่งนี้แทบจะไม่ว่างเว้น เวลาที่เข้าไปสวด บทสนทนาที่มักจะได้ยินจากผู้มาร่วมงานถึงผู้ล่วงลับ
ก็คงไม่พ้นประโยคต่าง ๆ เหล่านี้ “นี่แหละหนอชีวิตคนเราเห็นกันหลัดๆ
ชีวิตไม่แน่นอนจริงๆ ไม่น่าเลยยังหนุ่มยังแน่น
เห็นแข็งแรง ๆ ปุ๊ปปั๊ปไปละ เห็นกันหลัดๆ ” ฯลฯ
ประโยคที่พ่อกล่าวมาสักครู่นี้เป็นประโยคที่พ่อเองหรือเชื่อว่าพี่น้องคงจะได้ยินมาบ่อยครั้ง
เวลาที่เรามีโอกาสไปร่วมในพิธีปลงศพ ไปร่วมสวดอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ อาจจะเป็นระหว่างที่คุยกันก่อนจะสวดหรือระหว่างที่เราทานข้าวต้มหมู
กระเพาะปลา หรือของว่างหลังจากสวด ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร ก็ดูเหมือนว่าความตายมาเยือนได้เท่าเทียมกัน
เวลาที่มาสวดให้ผู้ล่วงลับ ก็เกิดความคิดว่าความตายอยู่ใกล้ตัวเรามาก วันนี้เป็นของเขา
วันหน้าเป็นของเรา ความตายไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะอยู่ได้นานกว่าคนอื่น
มีคำกล่าวที่เขาบอกไว้ว่า "ทำไมเราคิดถึงชีวิตเมื่อความตายจะมาเยือน
ทำไมไม่คิดถึงความตายเมื่อยังมีชีวิต"
พี่น้องที่รักครับ มีกิจกรรมหนึ่งเวลาที่พ่อมีโอกาสไปนำกิจกรรมเด็ก ๆ เป็นกิจกรรมที่ให้เด็ก
ๆ ร่วมกันคิดว่าถ้าเหลือเวลาในชีวิตแค่หนึ่งวันจะทำอะไรบ้าง เด็ก ๆ หลาย ๆ คน ก็มักจะตอบในลักษณะคล้าย
ๆ กัน จะไปทำในสิ่งที่อยากทำ จะทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุด จะกลับไปกอดแม่
จะเป็นลูกที่ดี จะเชื่อฟังครู จะนั่นจะนี่ จะๆๆๆ ฯลฯ สารพัดและบทสรุปกิจกรรมที่ทำนี้สั้น
ๆ ก็คือ ทำไมต้องรอให้เหลือเวลาหนึ่งวันถึงจะทำสิ่งเหล่านี้ในขณะที่มีเวลาอยู่ตอนนี้
ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่เริ่มจะเป็นคนดี ต้องรอเหลือเวลาหนึ่งวันจะกอดแม่ จะเป็นลูกที่ดีต้องรอวินาทีสุดท้ายเลยหรือ
ตราบใดที่ยังมีเวลาเริ่มทำสิ่งดี ๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส อย่ารอเวลา วันนี้พ่อคงไม่ถามพี่น้องด้วยคำถามที่ถามเด็กๆว่าถ้าเหลือเวลาหนึ่งวันจะทำอะไรแต่จะถามพี่น้องมากกว่านั้นนั่นคือก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไปเราได้ทำอะไรให้กับเพื่อนพี่น้องรอบข้างให้กับคนที่เรารักให้กับคนในครอบครัวเราบ้างหรือยังและคนที่จะตอบคำตอบนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวของเราเองแต่ละคน
พ่อคิดว่าเวลาปัจจุบันที่เรามีอยู่ ถ้าได้ลองคิดถึงความตายบ้างเหมือนประโยคที่ได้ยกมา
“ทำไมไม่คิดถึงความตายเมื่อยังมีชีวิต” ก็น่าจะทำให้เราตระหนักและดำเนินชีวิตด้วยความเตรียมพร้อมมากขึ้น
เราคงต้องเตรียมพร้อมในชีวิตของเราเช่นกัน ในขณะที่มีเวลาอยู่นี้ การเตรียมพร้อมในชีวิตคงจะไม่ใช่การทำอะไรที่ใหญ่โตที่ทุกคนต้องชื่นชม
แต่เป็นการทำเรื่องปกติในชีวิตแต่ละวันอย่างดี ทำตามเป้าหมายที่ดี ทำให้ข้อตั้งใจดีที่อาจจะเคยคิดไว้แต่อาจลืมไปแล้ว
ทิ้งไปแล้ว ให้สำเร็จ ให้เป็นจริงเป็นรูปเป็นร่าง อย่าให้มันเป็นแค่คำพูดที่เลื่อนลอย
หรือมากกว่านั้นอาจจะยังไม่ได้เริ่มคิด นี่แหละครับเป็นการเตรียมพร้อมในชีวิตของเรา
และเราสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่เวลานี้ เขาบอกว่าหลายครั้งเวลาที่มีใครคนนึงจากเราไป
แล้วเราเสียใจ ในความเป็นจริง สิ่งที่เราเสียใจไม่ใช่เพียงแค่เขาไม่อยู่กับเราแล้ว
แต่ที่เราเสียใจมากกว่านั้นเพราะว่า บางทีเรายังไม่ได้ทำสิ่งที่ดี ๆ กับเขาเท่าที่ควร
ชีวิตวันนี้จึงเป็นการเตรียมพร้อมครับ ยังมีเวลา ยังมีโอกาส ยังทัน ยังไม่สายที่จะเตรียมตัว
ที่จะเตรียมชีวิต ทำในขณะที่ยังมีเวลา ขอพระอวยพรพี่น้องเสมอ
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น