พี่น้องที่รัก...
เริ่มเข้าที่เพื่อเดินไปข้างหน้าสำหรับภารกิจการเป็นผู้อภิบาล ทั้งเจ้าวัด และผู้ช่วย
หนึ่งอาทิตย์จัดสิ่งที่นำมาเพื่อให้อยู่ในที่ และปรับสิ่งที่มีให้ลงตัว
และสุดท้ายปรับตัวเองให้พร้อมเพื่อเริ่มงานต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้งานของวัดดำเนินต่อไปอย่างเป็นระบบ ซึ่งอายุของวัดจะ 60 ปี แต่ดูสภาพทั้งวัตถุและตัวคนยังกระชุ่มกระชวย อ่านประวัติของวัดเมื่อคราวฉลอง 50 ปี
จึงทำให้รู้ถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ความเชื่อจากครอบครัวที่ศรัทธาพากันมาวัดอย่างหนาแน่น จากกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์ และนักบวชก็มีมากมาย
จากพลังของเด็ก ยุวชนและเยาวชนที่รวมตัวกันมาช่วยพิธีกรรมของวัด
และสิ่งที่เป็นภาพอันสดใสมาช้านานคู่วัดคู่วามาอย่างสม่ำเสมอคือ เสียงนักขับร้องที่ชวนศรัทธา
นอกจากนั้นยังมีองค์กรแต่ละคณะช่วยกันนำพาพร้อมกับเป็นเครื่องมือให้บรรดาผู้อภิบาล
นำพาสัตบุรุษเดินไปข้างหน้าตามทิศทางที่พระเยซูเจ้าชี้ให้ไปหาพระบิดาเจ้า
จึงรู้สึกอบอุ่นความรักและพระเมตตาของพระเจ้า
ผ่านทางการดำเนินชีวิตที่เป็นตัวอย่างให้กับคนปัจจุบันนี้และต่อๆไป
ใครเลยจะไม่สนใจหรืออดกล่าวถึงเรื่องดีที่วัดเซนต์หลุยส์เป็นอยู่คือในทุกวันนี้
ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง
และคงเป็นแรงบันดาลใจให้ทุ่มเทและเอาจริงเอาจังกับงานที่พระเจ้ามอบให้ในสนามงานประกาศข่าวดีในที่แห่งนี้
และจะได้เรียนรู้จากชีวิตที่มีแบบอย่างจากผู้อาวุโสหลายท่าน
รวมทั้งผู้ประสบความสำเร็จในการรับใช้เพื่อนพี่น้องที่มาใช้บริการของวัดเซนต์หลุยส์เรื่อยๆไป
พระเยซูเจ้าตรัสสอนให้เราทราบว่าพระองค์จะไม่ทอดทิ้งแต่จะอยู่กับเรา
รักเรา เมตตาต่อชาวเราถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ไม่เหมาะสมประการใด
ขอพระองค์ส่งพระจิตมาบรรเทาใจเราให้กล้าทำสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างไม่ต้องลังเลใจหรือสงสัยเลย
ขอการเริ่มต้นเป็นการเดินทางด้วยความสุขใจและสนุกกับการทำงานเพื่อนำพาพวกเราไปหาพระบิดาเจ้าอย่างปลอดภัย
เขียนเล่าไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบว่ามาด้วยใจรักและสำนึกถึง
ความรักที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชาวเราทุกคน
คพ.ชาญชัย
................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
การใช้สิทธิ์เสรีที่จะเชื่อฟังหมายถึงการเลือก “ทำแต่ความดีและให้ผลลัพธ์มีมา”
พี่น้องทั้งหลาย จากบทเรียนทั้งหมดที่เราเรียนรู้จากพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอด
ไม่มีบทเรียนใดที่จะชัดเจนและทรงพลังมากไปกว่าบทเรียนเรื่องการเชื่อฟัง จงระวังว่าท่านติดตามใคร
พระเยซูทรงแสดงออกถึงคำมั่นสัญญาที่จะเชื่อฟัง โดยตรัสว่า “พระบิดาขอให้บังเกิดขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์เถิดและให้รัศมีภาพเป็นของพระองค์ตลอดกาล” ตลอดการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ “พระองค์ทรงทนรับการล่อลวงแต่มิทรงเอาพระทัยใส่สิ่งเหล่านั้น” โดยแท้จริงแล้ว “พระองค์ทรงเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยการทนทุกข์ต่างๆ”เพราะพระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื่อฟัง พระองค์ทรงไถ่บาปเรา ทำให้การฟื้นคืนชีวิตเป็นไปได้และเตรียมทางให้เรากลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์
พระองค์ทรงรู้ว่าเราจะทำผิดพลาดเมื่อเราเรียนรู้การเชื่อฟังในชีวิตแห่งกางเขน
เมื่อเราเชื่อฟัง เรายอมรับการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์
เพราะเราเชื่อว่าโดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์มนุษยชาติทั้งมวลจะรอดได้โดยการเชื่อฟังกฎ
ศาสนพิธีและพระบัญญัติทั้งหลายซึ่งให้ไว้ในพระคุณของพระเจ้า
พระเยซูทรงสอนให้เราเชื่อฟังด้วยภาษาเรียบง่ายที่เข้าใจง่ายว่า “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเราเมื่อเรารับศีลล้างบาป
เรา “รับพระนามของพระคริสต์ไว้กับ เรา” และ “เข้ามาในพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าว่า
เราจะเชื่อฟังไปจนที่สุดแห่งชีวิตของเรา”
ทุกวันอาทิตย์เราต่อพันธสัญญาศีลล้างบาปโดยรับส่วนบูชาถวายตัวเราในศีลมหาสนิท
และเป็นพยานว่าเราเต็มใจรักษาพระบัญญัติ เราแสวงหาการให้อภัยสำหรับความนึกคิด
ความรู้สึก หรือการกระทำใดก็ตามที่ไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์
เมื่อเรากลับใจโดยหันไปจากการไม่เชื่อฟังและเริ่มมาเชื่อฟังอีกครั้ง
เราแสดงความรักต่อพระองค์ประเภทของการเชื่อฟังบางครั้งเราอาจถูกล่อลวงให้ปฏิบัติสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนเรียกว่าปฏิเสธกฎของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่ใยดี
ไม่เชื่อฟังเพื่อประโยชน์ของปัญญาและความปรารถนาของเราเพื่อความเป็นที่นิยม
เพราะหลายคนปฏิบัติสิ่งนี้กันอย่างกว้างขวาง
การเชื่อฟังแบบผิดๆนี้จึงบั่นทอนมาตรฐานของพระผู้เป็นเจ้าในวัฒนธรรมและบทบัญญัติของพระเจ้า
คริสตชนบางคน อาจมีส่วนใน “การเชื่อฟังแบบเลือกได้” โดยอ้างว่ารักและเทิดทูนพระผู้เป็นเจ้าขณะที่เลือกปฏิบัติพระบัญญัติหรือคำสอนรวมถึงคำสอนและคำของปิตาจารย์บางท่าน
ที่พวกเขาจะทำตามอย่างเต็มที่บางคนเชื่อฟังอย่างเลือกเฟ้นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจเหตุผลทั้งหมดของพระบัญญัติ
ประหนึ่งเด็กไม่เข้าใจเหตุผลสำหรับคำแนะนำและกฎของพ่อแม่
แต่เรารู้เสมอถึงเหตุผลที่เราทำตามทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเพื่อพระคริสต์
เพราะนี่คือพระศาสนจักรของพระเยซูคริสต์
และพระผู้ช่วยให้รอดทรงกำกับดูแลประชากรของพระองค์ในทุกสมัยให้เกิดสันติสุขอย่างแท้จริง
สิ่งนี้เรียกร้องการควบคุมตนเองและจะนำความมั่นใจ ความสุขนิรันดร์
และความรู้สึกสมหวังมาให้เรา รวมทั้งผู้คนรอบข้างเราโดยการเป็นแบบอย่างที่ดี
สิ่งนี้มักจะรวมถึงคำมั่นสัญญาอันลึกซึ้งส่วนตัวที่จะสนับสนุนชีวิตพระในตัวของคริสตชนฐานะการเป็นสงฆ์
กษัตริย์และประกาศกให้ทำตามคำสอนและคำแนะนำของบทบัญญัติ ผลที่ตามมาคือชีวิตทำตามแผนการณ์และพระประสงค์ของพระ
การเชื่อฟังทำให้เราเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สามารถอดทนอย่างซื่อสัตย์ต่อการทดสอบและการทดลองในอนาคต
ทำให้เรารักพระองค์อย่างสุดซึ้งและเชื่อในพระองค์ด้วยศรัทธาอย่างสมบูรณ์
คพ. พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น