สวัสดีครับพี่น้อง
เมื่อเรามองพระเยซูเป็นแบบอย่างของเราและเมื่อเราเดินตามรอยพระบาทพระองค์
เราก็จะสามารถกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์อย่างปลอดภัยเราทุกคนเริ่มการเดินทางอันน่าพิศวงและจำเป็นเมื่อเราออกจากโลกวิญญาณเข้าสู่สภาพท้าทาย
บ่อยครั้งซึ่งเราเรียกว่าทางแห่งมรรคา จุดประสงค์เบื้องต้นของการดำรงอยู่บนแผ่นดินโลกคือ
เพื่อรับร่างกายเป็นเนื้อหนังและกระดูก เพื่อรับประสบการณ์ที่จะได้มาผ่านการแยกจากพระบิดาสวรรค์ของเราเท่านั้น
และเพื่อดูว่าเราจะรักษาพระบัญญัติได้หรือไม่ พวกเราจะพิสูจน์ว่าจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเราจะทรงบัญชาพวกเราว่าทำได้หรือไม่เมื่อเรามายังแผ่นดินโลก
เรานำของประทานอันสำคัญยิ่งจากพระผู้เป็นเจ้ามาด้วย นั่นคือ สิทธิ์เสรีของเรา
เรามีสิทธิ์เลือกด้วยตนเองหลายพันด้าน ที่นี่เราเรียนรู้จากงานยากของประสบการณ์
เราแยกแยะระหว่างความดีกับความชั่ว เราแยกความแตกต่างระหว่างความขมกับความหวาน
เราเรียนรู้ว่าการตัดสินใจกำหนดจุดหมาย
ข้าพเจ้าแน่ใจว่าเราจากพระบิดามาพร้อมกับความปรารถนาอันท่วมท้นที่จะกลับไปหาพระองค์
เพื่อเราจะได้รับความสูงส่งที่พระองค์ทรงวางแผนให้เรา และตัวเราเองต้องการอย่างมาก
ถึงแม้พระองค์จะทรงปล่อยให้เราหาและเดินตามหนทางซึ่งจะนำเรากลับไปหาพระบิดาในสวรรค์
แต่พระองค์ไม่ทรงส่งเรามาที่นี่โดยปราศจากทิศทางและการนำทาง
แต่ประทานเครื่องมือที่เราต้องการ
พระองค์จะทรงช่วยเราขณะที่เราแสวงหาความช่วยเหลือจากพระองค์และพยายามทำสุดความสามารถเพื่ออดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่และได้รับชีวิตนิรันดร์เพื่อช่วยนำทางเรา
เรามีพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตรของพระองค์ในพระคัมภีร์
เรามีคำแนะนำและคำสอนจากศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า
สำคัญสูงสุดคือเรามีแบบอย่างที่เพียบพร้อมให้ดำเนินตามด้วยแบบอย่างของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
พระเยซูคริสต์เราได้รับการสอนให้ดำเนินตามแบบอย่างนั้น พระผู้ช่วยให้รอดตรัสดังนี้
“จงตามเรามาเถิด”
งานที่เราเห็น พระองค์ได้ทำมาแล้วเจ้าจงทำด้วย พระองค์ทรงตรัสว่า “จงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย พระองค์ทรงเป็นหนทาง
ความจริงและชีวิต”
เมื่อเรามองพระเยซูเป็นแบบอย่างของเราและเมื่อเราเดินตามรอยพระบาทพระองค์
เราสามารถกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์อย่างปลอดภัยเพื่ออยู่กับพระองค์ตลอดกาล
ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “นอกจากมนุษย์จะอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ในการทำตามตัวอย่างของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์แล้ว
เขาก็ยังจะสามารถรับการช่วยให้รอดได้ เมื่อพระเยซูตรัสเชื้อเชิญเศรษฐีคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” พระองค์มิได้เพียงมุ่งหมายให้เศรษฐีคนนั้นติดตามพระองค์ขึ้นลงเนินเขาและหุบเขาแถบชนบทเท่านั้น
แต่เดินตามพระวจนะของพระองค์ด้วยชีวิต พระเยซูทรงดำเนินบนหนทางของความผิดหวัง
แม้ทรงประสบความผิดหวังมากมาย
แต่ความผิดหวังรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อทรงคร่ำครวญถึงเยรูซาเล็มขณะสิ้นสุดการปฏิบัติศาสนกิจต่อสาธารณชน
ลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธความปลอดภัยของปีกที่ทรงเสนอจะปกป้องพวกเขา
ขณะทอดพระเนตรเมืองซึ่งไม่นานจะถูกทำลายล้าง พระองค์เสียพระทัยอย่างสุดซึ้ง
ทรงร้องออกมาด้วยความปวดร้าวว่า "โอ เยรูซาเล็มๆ
เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างพวกที่ทรงใช้มาให้ถึงตาย
บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน
แต่พวกเจ้าไม่ยอม ดังนั้นจงเชื่อใจในพระเจ้าเถิด อย่าทำใจดื้อรั้นอีกต่อไปเลย
คพ. พงษ์เกษม
...............................................................................................................
ผมว่า
ผมได้เรียนหลายสิ่งและรู้หลายอย่าง จากการมีประสบการณ์ในชีวิตสงฆ์ในสองขวบปีแรก
ที่อยู่ที่นี่ ได้รู้สึก ได้คิด ได้ทำ ตามที่ตั้งใจเรียนและบวชมา
แต่ด้วยความเป็นมนุษย์
ก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์เพอร์เฟ็คเพราะก็คิดว่ายังมีอีกหลายอย่างที่รู้และทำ
แต่อาจจะยังมีหลายอย่างที่ดูไม่เข้าท่าเข้าทางบ้าง ก็คงต้องใช้ “ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์” นี้
ประการแรก กล่าวขออภัยใครหลายหลายคน
ที่ผมยังไร้เดียงสาต่อโลกและการทำหน้าที่ในสองปีนี้ จะหน้าตา ทรงผม
อุปนิสัยบางอย่างที่อาจจะขัดหูขัดตาขัดใจใครหลายคนบ้าง กราบขออภัยไว้ ณ
ที่นี่อีกสักครั้ง พระสงฆ์อายุสองขวบ ก็คงไม่ต่างกับเด็กสองขวบ ที่เริ่มจะพูดได้
พูดพอฟังได้ พูดพอฟังรู้เรื่อง ขาแข็งพอจะยืนได้ ก้าวได้นิดหน่อย
เดินพอได้เล็กน้อย แต่อาจจะยังไม่แข็งพอที่จะวิ่ง
แต่อย่างน้อยก็คงเติบโตขึ้นและเรียนรู้อะไรมากขึ้น #ผมขอโทษนะครับ กระนั้นก็ดี
ประการที่สอง ผมอยากจะขอบคุณ
คุณพ่อสุพจน์ ฤกษ์สุจริต เจ้าอาวาสใจดี พร้อมกับ พี่พงษ์ คุณพ่อพงษ์เกษม สังวาลย์เพ็ชร
พระสงฆ์รุ่นพ่อรุ่นพี่ ทั้งสองท่านที่ได้แนะนำ สั่งสอน
ตักเตือนและเอาใจใส่รุ่นลูกรุ่นน้องคนนี้อย่างดีเสมอมา
ทั้งอยากจะขอบคุณพี่น้องนักบวชหญิงชาย พี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน
สำหรับทุกประสบการณ์ที่หวาน เปรี้ยว มัน เค็ม เผ็ด ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา
จะขึ้นจะลงบ้าง แต่จะว่าไป มันคือประสบการณ์ที่ดูรวมรวมแล้วมีเสน่ห์และล้ำค่าสำหรับผมจริงจริงครับ
#ผมขอบคุณครับประการที่สาม ไปมาลาไหว้ เป็นธรรมเนียม เราพบและเจอกันผ่านทั้งตัวหนังสือ
ผ่านทั้งชีวิตจริง ในหน้านี้ คงเป็นพื้นที่สำหรับพระสงฆ์องค์ใหม่ที่กำลังจะมา
จึงขอกราบลาตรงนี้ ขอบคุณที่ติดตามและอ่านสิ่งที่ผมถ่ายทอด
ขอบคุณที่มีฟีดแบ็คให้อยู่อย่างสม่ำเสมอ #ผมลานะครับ
หมดหน้าที่ของผมแล้ว
แม้ว่าใจอยากจะเขียนอยากจะคุยกันผ่านตัวหนังสือต่อกันอีกนานนาน แต่เวลาคงไม่อนุญาต
ประการสุดท้ายผมเรียนรู้ว่า สัจธรรมที่ใครบางคนเคยเอ่ยอ้างไว้
มันดูจริงขึ้นทุกทุกวัน นับตั้งแต่รู้ว่าจะต้องไป สัจธรรมที่ว่า “โลกนี้
ไม่มีเรามันก็อยู่ได้ เราไม่ได้สำคัญ สำหรับโลกขนาดนั้น เพราะถึงไม่มีเรา
โลกก็ยังคงหมุนได้ และมันก็ยังคงหมุนต่อไป” แน่นอนสุด
ก็คือความไม่แน่นอน แม้จะแอบถอนหายใจ และใจหายบ่อยบ่อยเมื่อใกล้จะไป
ในขณะที่นั่งเก็บของไปด้วย ก็ถอนหายใจไปเรื่อย กับอดีตที่คิดว่ายังไม่ดีพอ
คิดว่าตอนนั้น เราน่าจะทำแบบนี้ ตอนนู้นเราน่าจะคิดแบบนั้น
จนของที่รื้อจะเก็บกับอดีตมันหลั่งไหลและพรั่งพรูออกมากองเต็มพื้นไปหมด
บางอันก็เก็บขึ้น บางอันก็เก็บทิ้ง แต่ก็จริง เราไม่สามารถเอาไปได้ทุกอย่าง
ผมจึงอยากขออนุญาตเก็บแต่เฉพาะเรื่องราวดีดี
ประสบการณ์และบทเรียนที่จะเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตไว้ ทั้งกำลังใจที่ได้รับมาเต็มเปี่ยม
จนมันเอ่อล้นออกเป็นน้ำผ่านตา แต่กระนั้น ก็ดี แม้สัจธรรมจะบอกไว้อย่างนั้น
อันที่จริง เราก็ไม่ได้ต้องการที่จะสำคัญสำหรับโลก คิดดูดีดี ผมว่า
เราอาจจะต้องการสำคัญสำหรับใครหลายคน หรือใครบางคนเท่านั้นเอง
และอีกไม่กี่วันก่อนจะก้าวขาออกไปจากที่นี่ ผมอยากบอกพี่น้องว่า พี่น้องสำคัญสำหรับผมเสมอนะครับ
มากกว่านั้นพี่น้องเป็นคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพระเจ้าเสมอ
ส่วนโลกที่บางทีก็ไม่ได้เห็นว่าเราสำคัญ ปล่อยมันไว้ข้างหลังบ้างก็ได้
หน้ากระดาษจะหมดละ จบยังไงไม่ให้เศร้าดี #รักและคิดถึงกันในคำภาวนาเสมอครับ
บาทหลวงบางกอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น