พี่น้องที่รัก
เราเข้าช่วงเวลาท้ายๆของเทศกาลปัสกาแล้ว
หลังจากการสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ในวันนี้แล้ว อาทิตย์หน้า วันที่ 4
มิถุนายน
จะเป็นวันสมโภชพระจิตเจ้าวันที่สำคัญเพื่อให้ชีวิตจิตใจของเราแต่ละคนเบิกบานสำราญใจกับสันติสุขของพระองค์ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพตามคำสัญญาว่าจะส่งพระจิตเจ้ามาประทับอยู่กับพระศาสนจักรคือพวกเราทุกคน
และยังให้คำมั่นสัญญาว่าพระองค์จะอยู่กับเราจนถึงวันสุดท้ายของโลกและไม่มีอำนาจใดๆจะมาชนะอำนาจของพระองค์ได้
มีบ้านนักบวชหลายๆบ้านมักจะพับนกและแนบบัตรพระวาจาให้เราอ่านเกี่ยวกับพระคุณของพระจิต
7 ประการ
เพื่อมอบเป็นของขวัญกำลังใจในวันเกิดของพระศาสนจักรซึ่งก็หมายถึงชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคน
ใครได้ก็อ่านและมักจะพูดต่อว่าปีนี้ได้พระพรของพระจิตเจ้าตรงเลย
ดูจะเป็นความหมายที่เสริมพลังชีวิตพระในวันที่มีความหมายของทุกคน
สัปดาห์ที่แล้วมีประชาสัมพันธ์ในมิสซาให้พี่น้องทราบเรื่องเริ่มใช้ศาลาของวัดว่าจะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนเพื่อการใช้อภิบาลเกี่ยวกับผู้ล่วงลับคริสตชน
นอกจากนี้พื้นที่ของศาลายังสามารถใช้กับผู้เป็น(ยังไม่ตาย)ได้อีกทั้งในงานสำคัญของวัดและเพื่ออำนวยความสะดวกใช้กับองค์กรต่างๆของพระศาสนจักร และเพื่อให้ศาลาของวัดและบริเวณหน้าศาลาเป็นการใช้เพื่อกิจการของวัด
ทางวัดจึงขอจัดระเบียบใหม่และเริ่มใช้ตั้งแต่ต้นเดือนหน้าเป็นต้นไป
คือมีอนุญาตให้คณะวินเซนต์เดอปอล และเครดิตของวัดได้ใช้วางโต๊ะชั่วคราว
ซึ่งเมื่อมีสถานที่อย่างชัดเจนเสร็จแล้วจะได้เคลื่อนย้ายไปอยู่ในสถานที่นั้นๆต่อไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
รวมทั้งโต๊ะกาแฟของวัดเพื่อสนับสนุนส่งเสริมพระกระแสเรียกของบ้านเณรเล็ก องค์กรใดๆให้ขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร เจ้าอาวาสวัดจะเป็นผู้อนุญาตหรือไม่
ดังนั้นจึงขอยกเลิกกับการวางของเพื่อจำหน่ายหรือวางโต๊ะใดๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการของวัด
ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
จึงขออภัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับผลกระทบมาในที่นี้ด้วยและขอขอบคุณในความร่วมมือ
การประชุมสภาภิบาลของวัดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
มีมติให้งานฉลองวัด 60 ปี มีการจัดนิทรรศการบอกเล่าเรื่องของวัดโดยภาพและคำอธิบาย
จึงขอรบกวนพี่น้องสัตบุรุษที่มีภาพประวัติศาสตร์ของวัดเซนต์หลุยส์ที่อยากบอกให้คนอื่นๆทราบมากขึ้น
โปรดส่งภาพเป็นไฟล์มาที่สำนักงานวัด หรือนำสำเนารูปภาพ เพื่อไม่ให้สูญหายหรือเสียหาย
หรือจะให้ทางวัดหรือโรงเรียนสแกนภาพให้โปรดติดต่อได้ได้ที่สำนักงานวัดหรือธุรการที่โรงเรียน จะได้นำภาพจริงกลับบ้านได้เลย
นอกจากนี้ยังขอเชิญชวนบอกบุญสำหรับการเตรียมฉลองวัดในโอกาสพิเศษนี้ได้กับคุณพ่อเจ้าวัดโดยตรง
คำทักทายครั้งนี้ดูจะเป็นงานการหน่อย
แต่เพื่อให้กิจการของวัดได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเรียบร้อย
คพ.ชาญชัย
.............................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
นักบุญออกัสติน ได้เทศน์สอนเกี่ยวกับการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้าไว้ว่าพระเยซูคริสตเจ้า
พระเจ้าของเราเสด็จขึ้นสวรรค์ ให้เรายกจิตใจของเราขึ้นไปกับพระองค์
จงฟังคำของท่านอัครสาวกเปาโล ท่านกล่าวว่า
"พระเจ้าให้ท่านกลับมีชีวิตขึ้นมากับพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว ดังนั้น
จงปักใจอยู่กับสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระคริสตเจ้าประทับบนบัลลังก์
ณ เบื้องขวาพระเจ้า จงฝังใจกับสิ่งที่อยู่ที่นั่น ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนโลกนี้
ด้วยเหตุที่พระองค์ได้สถิตอยู่กับเรา แม้หลังจากเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว
ดังนั้นเราก็อยู่ในสวรรค์กับพระองค์แล้วด้วย
แม้ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญากับเรายังไม่สำเร็จในกายของเรา บัดนี้พระคริสตเจ้าทรงได้รับการเทิดทูนไว้เหนือฟ้าสวรรค์
แต่พระองค์ก็ยังทรงรับทรมานในโลก ด้วยความเจ็บปวด
ซึ่งเราที่เป็นอวัยวะแห่งพระกายของพระองค์ต้องรับทน
พระองค์ทรงแสดงให้เห็นเมื่อพระองค์ตรัสจากเบื้องบนว่า "เซาโล เซาโล
เจ้าเบียดเบียนเราทำไม?"
และเมื่อพระองค์ตรัสว่า "เมื่อเราหิว
ท่านได้ให้อาหารแก่เรา"
ทำไมเราที่อยู่ในโลก
จึงไม่พยายามที่จะแสวงหาการพักผ่อนกับพระองค์ในสวรรค์เสียแต่บัดนี้
โดยทางความเชื่อ
ความไว้ใจและความรักซึ่งรวมเราเข้ากับพระองค์ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในสวรรค์
พระองค์ก็ประทับอยู่กับเราด้วย และเราขณะที่อยู่ในโลก เราก็อยู่กับพระองค์ด้วย
พระองค์ประทับอยู่กับเราที่นี่ โดยพระเทวภาพฤทธานุภาพและความรักของพระองค์
เราไม่สามารถอยู่ในสวรรค์ ดังที่พระองค์ประทับอยู่ในโลกโดยพระเทวภาพ
แต่ในพระองค์เราสามารถอยู่ในสวรรค์โดยความรักพระองค์มิได้ทรงละจากสวรรค์
เมื่อพระองค์เสด็จลงมายังเรา และพระองค์ก็ไม่ได้ทรงละจากเรา
เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ ความจริงที่พระองค์สถิตอยู่ในสวรรค์
แม้ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในโลกนั้นเป็นขึ้นโดยสภาพจากพระองค์เอง
"ไม่มีใครจะขึ้นสวรรค์ได้นอกจากพระองค์ผู้เสด็จลงมาจากสวรรค์
คือบุตรแห่งมนุษย์ผู้ประทับในสวรรค์" ถ้อยคำเหล่านี้ เราเข้าใจได้
โดยการที่เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เหตุว่า พระองค์ทรงเป็นศีรษะของเรา
และเราเป็นร่างกายของพระองค์ ไม่มีใครจะขึ้นสวรรค์ได้นอกจากพระคริสตเจ้า
เราทุกคนเป็นพระคริสตเจ้าด้วยเพราะพระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์
โดยการรวมพระองค์เองกับเรา และโดยการรวมตัวเรากับพระองค์ เราก็เป็นบุตรของพระเจ้า
ดังที่ท่านอัครสาวกกล่าวว่า "เช่นเดียวกับร่างกายมนุษย์ซึ่งมีอวัยวะหลายส่วน
แต่เป็นร่างกายเดียวเพราะอวัยวะทุกส่วนต่างกัน รวมเป็นกายเดียว
ในพระคริสตเจ้าก็เช่นเดียวกัน" พระองค์ทรงมีอวัยวะหลายส่วน แต่ทรงมีเพียงพระกายเดียวด้วยความเวทนาต่อเรามนุษย์
พระองค์ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ และแม้ว่าพระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์แต่ผู้เดียว
เราก็ขึ้นไปกับพระองค์ด้วย เพราะว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์โดยพระหรรษทาน
ดังนั้นมีแต่พระคริสตเจ้าเท่านั้นที่เสด็จลงมา และมีแต่พระคริสตเจ้าเท่านั้นที่เสด็จขึ้นไป
ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างศีรษะและร่างกาย แต่เพราะเป็นร่างกายเดียวจึงแยกจากศีรษะไม่ได้"(นักบุญออกัสติน)
ถ้าเราเข้าใจปรัชญาชีวิตของพระเยซูเจ้าดีและพยายามเข้าใจการเทิดทูนสภาวะมนุษย์ของพระองค์อย่างที่เราฉลองในวันนี้เราควรจะพยายามทดลองดู
เราอาจดำเนินชีวิต รวมทั้งเรื่องเพศและความรักในชีวิตสมรส ในฐานะเป็นความจริงทางโลก
เราอาจจะพัฒนาศักยภาพของเราทางโลกจนถึงความสมบูรณ์ เราอาจจะใช้วิทยาศาสตร์
สังคมวิทยา ฯลฯ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าในโลกนี้
เราอาจจะขอคำแนะนำจากผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านชีวิตแต่งงาน และจิตแพทย์
หายาที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาที่หาได้ ถึงกระนั้น ในช่วงเวลาที่เราค้นพบแล้ว
เรารู้ดีว่าจะต้องมีอะไรมากกว่าทั้งหมดนี้ คือมี "ความเป็นจริงที่อยู่เลยโพ้นธรรมชาติมนุษย์"
คพ. พงษ์เกษม