พี่น้องที่รัก
วันนี้พ่อขอนำเอาข้อคิดดีๆ
ที่อ่านพบเจอในโลกโซเชียลมาฝากกันอีกสักครั้งครับ
“ในทุกๆวันของชีวิต เรามีโอกาสเจอ "โชคดี"
2 แบบ
โชคดีแบบที่ 1 คือ เราได้พบคนดีๆ ได้เจอเรื่องราวดีๆ ทำให้เราได้ "สุขใจ"
โชคดีแบบที่ 2 คือ เราได้พบคนไม่ดี ได้เจอเรื่องราวที่ไม่ดี ทำให้เราได้ "เรียนรู้"
บางวันเราก็เจอโชคดีแบบที่ 1 บางวันเราก็เจอโชคดีแบบที่ 2 แต่ส่วนใหญ่เราจะเจอ โชคดีทั้ง 2 แบบ ผสมกันไป
ถ้าคิดได้แบบนี้ ไม่ว่า
เราจะเจอคนแบบไหน จะเจอเรื่องราวอะไร ไม่ว่าดีหรือไม่ดี เรา ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเรา
ในทุกเช้าวันใหม่ ถ้าเราลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อม "ลมหายใจ"
ก็ถือว่าเราโชคดีที่สุดแล้ว
ดังนั้น ถ้ามีใครมาทำไม่ดีกับเรา หรือมีเรื่องราวไม่ดีเข้ามากระทบ
เราก็แค่ "ปรับ มุมมอง"
เสียใหม่ มองว่าเป็นโชคดีที่เราได้ "เรียนรู้"
เราก็จะมีความสุข
ดังสุภาษิตจีนที่ว่า "เราไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางลมได้ แต่เราสามารปรับใบเรือได้"
(คัดลอกมาจาก PAG
Design)
พ่อสุพจน์
...............................................................................................
อาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา
ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้
บรรพบุรุษของเราเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า
รอคอยความรอดพ้นด้วยการเชื่อฟังตามแบบของอับราฮัมที่ออกจากตัวเอง
และเดินทางโดยไม่รู้ว่าจะไปไหนอันมีรากฐานจากพระเจ้าผู้เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้าง พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงเตือนผู้ที่ติดตามพระองค์ให้เตรียมพร้อมเสมอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
และความสัตย์ซื่อต่อพระองค์ใครเป็นผู้รับใช้ที่รับผิดชอบและฉลาด ตามปกติในครอบครัวที่ร่ำรวยในสมัยนั้น คนใช้แต่ละคนได้รับส่วนแบ่งซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่น
ๆ
และพวกเขาอาจจะใช้พืชผลที่ได้รับนั้นทำให้เกิดประโยชน์ นายได้ตั้งเขาไว้เป็นหัวหน้าคอยปันส่วนข้าวสาลีแก่คนใช้อื่น
ๆ นายตั้งใจจะเดินทางไปที่อื่น
จึงได้ตั้งผู้รับใช้ที่รับผิดชอบผลประโยชน์ไว้ ผู้รับใช้ผู้นี้มีหน้าที่ที่จะดูแลผลประโยชน์ให้แก่นายและคอยควบคุมคนใช้อื่น
ๆ เหมือนกับนาย
เป็นบุญของผู้รับใช้ที่รับผิดชอบ
ถ้าหากผู้รับใช้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสัตย์ซื่อจนกว่านายกลับมาเขาก็จะได้รับคำชมเชย
และนายจะแต่งตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงสุดที่คนใช้อาจจะได้รับ
แต่ถ้าผู้รับใช้คิดในใจว่าอีกนานกว่านายจะกลับมา
เป็นไปได้ที่นายยังไม่กลับเนื่องจากติดธุระ อย่างใดก็ตาม ผู้รับใช้อาจจะใช้อำนาจจนนอกลู่นอกทางเพื่อทำตามความพอใจของตัวเอง ในประวัติศาสตร์เราเห็นว่าอำนาจทำให้คนดี ๆ
กลายเป็นคนชั่ว อำนาจทำให้คนกลายเป็นทรราช
พระเยซูคริสตเจ้าทรงเตือนสานุศิษย์และเราทุกคน
เพราะอำนาจนี้เองที่ทำให้ผู้รับใช้ต้องประสบหายนะ แล้วเขาก็ข่มเหงบ่าวไพร่ชายหญิง
เอาแต่กินเอาแต่ดื่มจนเมามาย
เพื่อที่จะแสดงอำนาจข่มเหงคนใช้หรือลูกน้องของเขา
เขาใช้อำนาจจนนอกลู่นอกทาง
ถ้านายกลับมาในวันที่เขามิได้รอคอย คนใช้หรือผู้จัดการที่มัวเมาอยู่ในอบายมุข ไม่รู้ตัวว่านายจะกลับมาเมื่อไร ครั้นนายกลับมาโดยกะทันหัน โดยที่เขาก็ไม่พร้อม เขาจะไปรับโทษกับพวกที่ไม่มีความเชื่อ
ผู้รับใช้ที่รับผิดชอบจะได้ตำแหน่งอันสูงส่ง เพราะนายมอบความไว้วางใจให้แก่เขา
ส่วนผู้รับใช้ที่ไม่รับผิดชอบจะต้องโทษมหันต์ ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าที่ได้รับศีลบวช
เพื่อจะได้แจกจ่ายข้าวสาลี กล่าวคือพระหรรษทาน การอบรมสั่งสอน
การโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์แก่สมาชิกทุกคนในพระศาสนจักร วิบากกรรมแก่เขา ถ้าหากเขาเลินเล่อไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่การงาน เพราะเขาจะนำหายนะ ไม่ใช้เพื่อสู่ตัวเองเท่านั้น แต่ต้องไปสู่ผู้คนจำนวนมากที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบให้
เพื่อดูแลเอาใจใส่ แม้พระเยซูคริสตเจ้าจะตรัสกับผู้ดูแลวิญญาณและอภิบาลสัตบุรุษ
สิ่งที่พระองค์ตรัสนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดมากสำหรับผู้ที่มีอำนาจและได้รับมอบหมายจากพระเป็นเจ้า
จงทำหน้าที่อย่างตระหนัก บิดา-มารดา
มีหน้าที่จะต้องอบรมดูแลลูกหลานซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงมอบไว้
เพื่อว่าบุตรหลานนั้นจะได้สัตย์ซื่อต่อพระเป็นเจ้าและบรรลุถึงสวรรค์ ถ้าหากเขาจะละเลยต่อหน้าที่นี้
เขาก็มีข้อบกพร่อง
นี่เป็นหน้าที่โดยเฉพาะของเขา
ซึ่งจะมอบให้คนอื่นทำได้ยากที่สุด
เพราะว่าโรงเรียนหรือวัดก็ไม่สามารถทำแทนได้อย่างครบครัน บิดามารดาจะต้องอบรมบุตรหลานให้รักพระเป็นเจ้าตั้งแต่อยู่ในครอบครัว
ต้องพร่ำสอนให้เด็กรักและถือพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า
ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะต้องพิจารณาถึงความรับผิดชอบประการนี้เสมอ
เราได้ปฏิบัติแบบผู้รับใช้ที่รับผิดชอบที่นายได้มอบความไว้วางใจให้แก่เราหรือเปล่า
เราได้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตร เราได้อบรมบ่มนิสัย และเราได้ให้คำสอนแบบคริสตังค์แก่บุตรหลานเป็นต้นในด้านศีลธรรม เพราะตัวอย่างไม่ดีของเรา? โปรดระลึกไว้เสมอว่า เด็ก ๆ มักจะเอาอย่างผู้ใหญ่เสมอ เป็นต้น บิดามารดา
เพื่อประโยชน์ของเราเองและของลูกหลานของเขาในอนาคตด้วย
ขอให้เราได้เป็นผู้จัดการที่สัตย์ซื่อเสมอ
ครูเป็นผู้จัดการที่พระเป็นเจ้าได้แต่งตั้งให้เป็นนายในครอบครัว ครูบาอาจารย์ได้รับหน้าที่ที่จะอบรมเด็กให้มีความประพฤติดีงาม
ไม่ใช่แต่ว่าเขาจะต้องสอนคำสอนให้เด็กเท่านั้น
แต่ว่าเขาจะต้องปลูกฝังให้เด็กมีความเคารพรักต่อพระเป็นเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์
โดยอาศัยตัวและติดตามผู้มีชื่อเสียงและอำนาจของครู ฉะนั้น
เมื่อครูประพฤติตนไม่เหมาะสม ความผิดจึงหนักและมีผลร้ายกาจมาก
และอาจจะยังฝังอยู่ในความทรงจำของเด็กเป็นเวลาช้านาน ตรงกันข้าม
ถ้าหากครูบาอาจารย์ประพฤติดีประพฤติชอบ เด็ก ๆ ก็จะเอาอย่าง
และจะเป็นดังประทีปที่ส่องสว่างในจิตใจของเด็ก และเขาเองจะสุกใสเหมือนดาราบนท้องฟ้า เพราะว่าเขาได้นำศิษย์ไปสู่ทางแห่งความรอด
(ดาเนียล 12:3) บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองซึ่งมีอำนาจในการปกครองก็เช่นกัน จะต้องเอาใจใส่ต่อประชาชนและจะต้องรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้าด้วย
พ่อพงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น