พี่น้องที่รัก
วันนี้เป็นวันสมโภชสำคัญอีกวันหนึ่งในรอบปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร
นั่นคือวันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
วันนี้เป็นวันที่เราฉลองการเสด็จจากโลกนี้ไปของพระมารดาของพระเยซู
ทั้งร่างกายและวิญญาณของพระนางถูกรับไปอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าแล้ว
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่
12 ได้ประกาศยืนยันว่าความเชื่อของพระศาสนจักรประการนี้ที่มีมาแต่ยุคแรกเริ่มนั้นเป็นสิ่งที่พระศาสนจักรรับรองอย่างเป็นทางการในปี
ค.ศ. 1950 พระองค์ประกาศข้อความเชื่อประการนี้ในพระสมณกฤษฎีกา
"Munificentissimus Deus" ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงธรรมประเพณีของพระศาสนจักรที่มีการเฉลิมฉลองวันสมโภชนี้มาตลอดในประวัติศาสตร์อันยาวนาน
โดยอ้างถึงคำสอนของบรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักร
รวมไปถึงความคิดทางเทววิทยาบนข้อความจากพระคัมภีร์ที่บ่งชี้ว่าพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ภายหลังจากพระนางหมดลมหายใจ
แม้ว่าพระคัมภีร์จะไม่มีข้อความใดๆกล่าวถึงการได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ของพระนางมารีย์โดยตรงเลย
แต่ธรรมประเพณีของพระศาสนจักรคาทอลิกเชื่อเสมอมาว่า พระนางคือ "สตรีผู้สวมอาภรณ์รุ่งโรจน์ดั่งดวงอาทิตย์" ดังที่มีรายละเอียดปรากฏอยู่ใน
หนังสือวิวรณ์ บทที่ 12 ข้อความในพระคัมภีร์ตอนนี้มีใจความว่า
การปรากฏตัวของสตรีผู้นี้ คือหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในฟ้าสวรรค์
โดยระบุว่าพระนางคือมารดาขององค์พระผู้ไถ่ของชาวยิว
ที่มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้าของนาง
และที่ศีรษะของพระนางมีมงกุฏดาวสิบสองดวงสวมอยู่
ภาพลักษณ์ที่พระคัมภีร์กล่าวถึงเช่นนี้แหละคือที่มาของอากัปกิริยาของการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระนางมารีย์ในพระศาสนจักรทางตะวันตก
พระศาสนจักรตะวันออกก็มีธรรมประเพณีในการฉลองการเสด็จสู่สวรรค์ของพระนางมารีย์เช่นกัน
พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 ได้กล่าวอ้างถึง
ระเบียบทางพิธีกรรมที่มีมาตั้งแต่เริ่มยุคไบเซนไทน์หลายข้อความ
รวมไปถึงสิ่งที่นักบุญยอห์น แห่งดามัสกัสได้กล่าวไว้เกี่ยวกับฉลองการรับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ของพระนางมารีย์ว่า
"พระนางผู้ได้รักษาพรมจรรย์ไว้ตั้งแต่กำเนิด
สมควรได้รับการคงสภาพร่างกายของพระนางให้พ้นจากความเสื่อมสลายภายหลังความตายด้วย
เนื่องด้วยพระนางผู้ได้โอบอุ้มพระผู้สร้างซึ่งเป็นเด็กน้อยในพระอุระของพระนางเช่นนี้
พระนางจึงสมควรจะได้พำนักในพระตำหนักนิรันดรขององค์พระเจ้า"
พระศาสนจักรตะวันออก
มีวันฉลองนี้เช่นกัน ในวันเดียวกัน (15 สิงหาคม) เพียงแต่เรียกชื่อวันฉลองแตกต่างกันออกไปว่า "Dormition of
Mary" มีความหมายว่า พระนางมารีย์บรรทม
ในการฉลองนี้จะมีกำหนดให้คริสตชนเตรียมตัวด้วยการเข้าสู่ช่วงเวลาของการถือศีลอดอาหารเป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนวันฉลอง
คล้ายกับประเพณีการถือศีลอดอาหารในช่วงเทศกาลมหาพรต
ซึ่งในพระศาสนจักรตะวันตกเคยมีธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ในยุคของบรรดาปิตาจารย์ด้วยเช่นกัน
การสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
ถือเป็นวันฉลองบังคับที่คริสตชนมีหน้าที่ไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ถอดความจาก
The Assumption catholicnewsagency.com)
พ่อสุพจน์
.................................................................................................
อาทิตย์ที่ 21 ส.ค. 2559
ในปี 1950 พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ทรงประกาศว่า "พระนางพรหมจารีมารีอา
ได้ทรงรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ" เป็นข้อความเชื่อ คริสตชนมีความศรัทธาภักดีต่อแม่พระ
ก็เนื่องจากชีวิตและฤทธิ์กุศล ความดีงามต่างๆ ในชีวิตของพระนาง
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราในการดำเนินชีวิตคริสตชน
ฤทธิ์กุศลที่สำคัญในชีวิตแม่พระคือ ความบริสุทธิ์ หมายถึง
พระนางมารีอาบังเกิดมาไม่มีบาปกำเนิด
และยังดำเนินชีวิตถือตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่กระทำบาป
อีกทั้งได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก โดยตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์
แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงมีแผนการโดยการใช้ให้เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่แม่พระว่า
พระนางจะตั้งครรภ์และกำเนิดบุตรชาย และให้ตั้งชื่อว่า “เยซู” พระนางมารีอาถามว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร
เพราะพระนางยังเป็นพรหมจารีอยู่ เทวดาตอบว่าการตั้งครรภ์นั้น
มิได้เกิดตามธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง แต่เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า
เด็กที่เกิดมาจะเป็นพระผู้ไถ่โลก พระนางมารีจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่าน” ( ลก.1:38 )
แล้วนั้นพระวจนาตถ์ก็ทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา ( ยน. 1: 34 )
ความสุภาพ นอบน้อมเชื่อฟัง พระนางมารีอามีความสุภาพ
นอบน้อมเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า อันเป็นฤทธิ์กุศลที่บรรดาคริสตชนพึงมี
พระเยซูเจ้าสอนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าก่อนอื่นใด แล้วที่เหลือพระเป็นเจ้าจะแถมให้แก่เราเอง
หมายถึง จัดการทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราเอง
คริสตชนยินดีรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความนอบน้อมราบเรียบ
ด้วยความไว้วางใจในพระเป็นเจ้า ความรัก การยินดีเสียสละน้ำใจตนเอง
เพื่อรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตคริสตชน
เพราะรักพระเป็นเจ้า
พระนางจึงยอมรับทุกอย่างเพื่อให้สำเร็จตามแผนการไถ่บาปมนุษย์ของพระเป็นเจ้า
คริสตชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการกอบกู้มนุษยชาติให้กลับมาเป็นลูกของพระ
พระนางมารีอาได้ร่วมมือกับพระเป็นเจ้า
ไม่ว่าจะมีความยากลำบากสักเพียงใดอยู่ในเหตุการณ์นี้ ฯลฯ
ความดีและฤทธิ์กุศลที่พระนางมารีอาเสียสละ พระเยซูเจ้าทรงตอบแทน
และคืนความดีทุกอย่างแด่แม่ของพระองค์ นั่นคือ
โดยการยกเอาพระนางมารีอาไปสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ
การที่พระนางได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
ทั้งกายและวิญญาณนี้สอนให้เราตระหนักชัดว่า
โลกนี้มิใช่ที่พักพิงหรือบ้านอันถาวรของเรา
ทว่าเป็นที่พำนักในสวรรค์ที่ซึ่งเราจะพำนักอยู่
พร้อมกับพระมารดาและพระบุตรของพระนาง นั่นคือทั้งดวงวิญญาณและร่างกายของเราที่ต้องเน่าเปื่อยผุพัง
พร้อมกับการตายตามกฎธรรมชาติ จะได้รับความบรมสุขตลอดนิรันดรในสรวงสวรรค์ ณ วาระสุดท้ายแห่งกาลเวลา
แต่สำหรับพระนางมารีอาแล้ว
สิทธิพิเศษของพระนางและการมีส่วนในหลักการแห่งการร่วมโชคชะตากับพระบุตรของพระนาง
ทำให้เกียรติมงคลแห่งมนุษยภาพของพระนางได้สำเร็จไปก่อนแล้วถึงเวลานั้น
เราทุกคนพึงตระหนักว่า "ไม่ใช่เราทุกคนมุ่งไปสู่ความตาย
แต่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความตาย จะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย
พระศาสนจักรในวันนี้ฉลองรหัสธรรมปัสกาที่ได้สำเร็จบริบูรณ์ไปในชีวิตของพระนางมารีอาเนื่องจากว่า
พระนางมารีอาทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน
ไม่มีแม้แต่เงาของบาป
พระบิดาจึงทรงมีพระประสงค์ให้พระนางได้มีส่วนในการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าเลยทันที ที่สุดความตายก็มาถึง
ในห้องมีแสงสว่างเจิดจ้า
แม่พระเสด็จสู่สวรรค์แล้ว
เธอเป็นราชินีแห่งสวรรค์ตลอดนิรันดร
โอกาสสมโภชพระชนนีพระเป็นเจ้าได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ บรรดาปิตาจารย์และนักปราชญ์
ต่างก็นำพระธรรมคำสอนซึ่งเป็นที่รู้จัก ขึ้นมาเป็นสาระสำคัญในบทเทศน์
ท่านเหล่านี้มีหน้าที่ขยายความ เพื่อเน้นให้ความหมายที่สำคัญเด่นขึ้นมา
ที่กล่าวว่าพระกายของพระนางไม่เน่าเปื่อยนั้น มิได้ทำเพื่อให้พิธีกรรมนี้หมดไป
สิ่งที่เราฉลองก็คือการมีชัยเหนือความตาย
เมื่อพระนางได้รับการยกย่องว่าประเสริฐตามแบบอย่างของพระเยซูคริสตเจ้า
พระบุตรองค์เดียวของพระนางในสวรรค์
พ่อพงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น