วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2016


พี่น้องที่รัก
            วันนี้ขอเก็บเรื่องเล่าที่อ่านพบในข้อคิดแบ่งปันพระวรสาร ของกลุ่มแบ่งปันการรำพึงพระคัมภีร์ ที่จัดทำโดยพี่น้องฆราวาสท่านหนึ่งมาแบ่งปันกับพี่น้องครับ
            เพื่อนสองคนพบกัน ในกระเป๋าเงินของคุณชายคนหนึ่ง เพื่อนคนแรกเป็นธนบัตรฉบับละพันบาท เล่าว่า "ชีวิตของผมตื่นเต้นโลดโผน ผมได้ไปเที่ยวในภัตตาคารหรู ได้เห็นอาหารจานใหญ่ๆ อร่อยและแพงด้วย ได้ไปที่ผับ ไนท์คลับด้วย ได้ฟังดนตรี ได้ร้องเพลงคาราโอเกะวันสุดสัปดาห์ วันอาทิตย์ได้ไปเยี่ยมสนามม้า เห็นม้าวิ่งแข่งกัน แล้วผมก็ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมไปสู่เจ้าของใหม่ แต่อยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกยื่นไปให้เจ้าของใหม่อีกคน ชีวิตผมดูจะเป็นชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง วิ่งเปลี่ยนมือไปโดยไม่หยุดนิ่ง"
            หลังจากเล่าเรื่องชีวิตของตนอย่างสนุกสนาน ธนบัตรพันบาทก็ถามเพื่อนที่อยู่ในกระเป๋าเดียวกันว่าเป็นอย่างไร?
            เพื่อนที่เป็นเหรียญสิบบาทก็เล่าเรื่องชีวิตของตนเองว่า "ชีวิตของฉันหรือไม่ได้ไปไหนดอก อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้เอง เวียนไปเวียนมาระหว่างเด็กซื้อไอศครีม ซื้อหมูปิ้ง ข้าวเหนียว บางครั้งได้เดินทางเหมือนกันแต่บนรถเมล์ แต่ที่รู้แน่ที่สุดคือ ทุกวันอาทิตย์ฉันได้ไปมิสซาวันอาทิตย์ และระหว่างกลางพิธีมิสซานั้น ฉันจะถูกหย่อนลงในถุงอะไรก็ไม่รู้ที่มีคนถือมายื่นให้เจ้าของฉัน ฉันก็ถูกหย่อนลงในนั้น แต่ฉันไม่ได้อยู่ในนั้นคนเดียวมีเหรียญเหมือนฉันอีกเยอะแยะเลย เลิกพิธีมิสซา พวกฉันก็ถูกรวมใส่ถุง และวันจันทร์ก็ถูกนำไปที่เคาน์เตอร์ธนาคาร ชีวิตฉันไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร แต่ที่ฉันชอบมากที่สุดคือ ฉันไม่เคยพลาดมิสซาวันอาทิตย์ และเธอล่ะ เธอเป็นถึงธนบัตรฉบับละพันบาท เธอได้ไปวัดมิสซาวันอาทิตย์บ้างหรือเปล่า?"
            ถ้าฟังเผิน ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสตางค์คุยโวกันนั่นเอง ว่าใครมีประสบการณ์อะไรมากกว่าใคร อย่างไรบ้าง แต่ที่น่าสนใจคือ ธนบัตรใบละพัน ไม่มีโอกาสได้เข้าวัดเลย ต่างกันกับเหรียญสิบ ซึ่งมีโอกาสไปวัดทุกวันอาทิตย์ ได้ลงไปในถุงทานอยู่เสมอ ๆ ความจริงตัวธนบัตรและเหรียญเองคงเลือกที่จะไปนั่น ไปนี่โดยลำพังตนเองคงไม่ได้ คนที่พามันไปก็คือเจ้าของธนบัตรและเหรียญเหล่านั้นต่างหาก ข้อคิดก็คือว่า เรื่องนี้บอกกับเราว่า เรามีใจกว้างมากน้อยเพียงใดสำหรับพระเจ้า
            เราสามารถพูดแบบชาวนา ชาวสวนคนนี้ได้ไหม เมื่อเขาถูกเพื่อนถามว่า "ทำไมใจกว้างอย่างนี้ มอบของช่วยวัดมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวยเท่าไรเลย" ชาวนา ชาวสวนคนนี้ตอบว่า "ขณะที่ผมใช้จอบเสียม ตักใส่บุ้งกี๋ของพระนั้น พระเจ้าก็ตักใส่ของผมด้วย แต่จอบเสียมของพระองค์ใหญ่กว่าของผม ผมจึงมีมากขึ้นอย่างพอเพียง ไม่อดอยากเลย"
            พระคัมภีร์กล่าวว่า "ท่านใช้ทะนานใดตวงให้กับเพื่อนบ้าน พระองค์ก็จะใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่านด้วย" (ลก.6:38) ถ้าจะประยุกต์ข้อความพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า "ท่านใช้ทะนานใดตวงให้กับพระเจ้า พระองค์ก็จะใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่านด้วย" ได้เหมือนกัน
            จงใจกว้างกับทุกคนเถิด  จงให้แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น

พ่อสุพจน์

 ...................................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : การกลับมาของเจได

ลุคยังไม่เก่ง ลุคอยากจะเก่ง
ลุคอยากสัมผัสพลัง ลุคอยากมีพลัง
ลุคอยากช่วยเพื่อน ลุคอยากจะเป็นเจได

ลุคลงทุนไปไกล ไปที่เดโกบาร์
ที่เดโกบาร์มีโยดา ปรมาจารย์เจได

ลุคพบโยดา แม้จะไม่รู้ในตอนแรก
ว่าโยดาที่พบ คือ โยดา
แต่ที่สุด เมื่อรู้จึงฝากตัวเป็นศิษย์

ลุคอยากเป็นเจได
ลุคตั้งใจว่าจะพยายาม

เมื่อเกือบจะสำเร็จ ลุคต้องตัดสินใจ
เพื่อนลุคกำลังลำบาก วิชาก็กำลังจะสำเร็จ
ลุคต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
จะช่วยเพื่อน หรือ จะเลือกวิชา

ลุคตัดสินใจลำบาก ลุคจึงปรึกษาโยดา
โยดาบอก เมื่อสำเร็จเป็นเจได จะเป็นประโยชน์กว่า

ลุคได้แต่บอก ผมจะพยายาม
โยดาจึงตอบ
DO, OR DO NOT. THERE IS NO TRY.
ทำ หรือไม่ทำ, ไม่มีคำว่า พยายาม

#STARWARS
#RETURNOFTHEJEDI


@Shutter Lover

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น