พี่น้องที่เคารพ
เดือนตุลาคมเป็นเดือนแม่พระลูกประคำ
วันนี้พ่อเลยอยากนำเอาเกร็ดประวัติเกี่ยวกับที่มาของการสวดสายประคำมาเล่าสู่กันฟังให้พี่น้องทราบครับ
เรื่องมีอยู่ว่า....
ต้นกำเนิดสายประคำนั้นเกิดจาก นักบุญดอมินิกผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกันในปี ค.ศ. 1214 ตามประวัติเล่าว่า แม่พระได้ประทานสายประคำแด่ท่านนักบุญ
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการภาวนาอุทิศให้พวกอัลบีเยน และ คนบาปได้กลับใจ
โดยที่ท่านนักบุญได้ไปจำศีลภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อให้คนบาปกลับใจ
คนบาปเหล่านี้นอกจากจะต่อต้านพระศาสนจักรอย่างหัวชนฝาแล้ว
ยังเป็นอุปสรรคต่อการกลับใจของพวกอัลบีเยนด้วย
แม่พระได้ประจักษ์มากับท่านนักบุญพร้อมกับทูตสวรรค์สามองค์ ตรัสว่า “ดอมินิก
เธอรู้ไหมว่า
พระตรีเอกภาพทรงพระประสงค์ให้ใช้อาวุธชนิดใดเป็นเครื่องมือปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้”
ดอมินิกตอบว่า “โอ้พระแม่มารีอา
พระแม่ทราบดีกว่าลูก เพราะว่าต่อจากพระเยซูเจ้า
พระแม่เป็นหนทางเดียวแห่งความรอดพ้นของเรา” พระมารดาได้ตรัสต่อไปว่า “ถ้าเธอต้องการที่จะทำให้คนบาปหนาเหล่านั้นกลับใจ
จงเทศนาเกี่ยวกับสายประคำ ให้เป็นที่แพร่หลายเถิด” ในเวลาต่อมา นักบุญดอมินิกได้เพียรพยายามเผยแผ่การสวดสายประคำนี้จนกระทั่งได้รับความนิยมแพร่หลาย
และในที่สุดพวกเฮเรติกได้กลับใจมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรอีกครั้งหนึ่ง
สายประคำมีความหมายอย่างไร? ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Rosary
มีความหมายถึง “มงกุฎกุหลาบ” หมายความว่า ถ้าใครที่มีโอกาสได้สวดสายประคำอย่างศรัทธา
เท่ากับว่าเขาได้วางดอกกุหลาบขาว 153 ดอก และ
ดอกกุหลาบสีแดงอีก 16 ดอก
เป็นเครื่องประดับบนพระเศียรของพระเยซูเจ้า และพระนางมารีย์
ดอกไม้นี้เป็นดอกไม้สวรรค์ ที่จะไม่มีวันเหี่ยวแห้ง หรือ สูญสิ้นความงามเลย
พระมารดาได้ทรงยืนยันความจริงข้อนี้ด้วยพระนางเอง
พระนางได้เผยแสดงกับผู้คนมากมายว่า แต่ละครั้งที่เขาสวดบทวันทามารีย์
เขาก็ได้ถวายดอกกุหลาบสวย ๆ ร้อยเป็นพวงมาลัยที่งดงามให้กับพระนาง
บราเดอร์อัลฟองโซแห่งคณะเยสุอิต ได้สวดสายประคำอย่างดี
และท่านได้เห็นนิมิตว่ามีดอกกุหลาบสีแดงปรากฏออกมาเวลาที่ท่านสวดบทข้าแต่พระบิดา
และมีดอกกุหลาบสีขาวปรากฏออกมาในยามที่ท่านสวดบทวันทามารีย์
ดอกกุหลาบทั้งสองสีมีความงดงามและหอมกรุ่นเท่าเทียมกันต่างกันที่สีของดอกกุหลาบเท่านั้น
ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งว่า มีนักบวชผู้หนึ่งชอบสวดสายประคำเสมอ ๆ ก่อนรับประทานอาหารค่ำ
อยู่มาวันหนึ่งท่านเกิดลืมที่จะสวดสายประคำเสียสนิท
ท่านจึงขออนุญาตใช้เวลาอื่นเพื่อสวดสายประคำชดเชย แต่ท่านได้สวดภาวนาเป็นเวลานาน
ผู้ใหญ่จึงส่งให้คนมาตาม
เพื่อนนักบวชที่ไปตามท่านก็พบว่าในห้องของท่านนั้นเจิดจ้าไปด้วยแสงสว่างแห่งสวรรค์จากรูปแม่พระ
มีเทวทูตสององค์บรรจงเก็บดอกกุหลาบสวย ๆ ที่หล่นออกมาจากปากของท่านดอกแล้วดอกเล่า
และนำดอกกุหลาบนั้นไปประดับบนพระเศียรของพระมารดา ซึ่งพระมารดาก็ได้ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย
ผู้ใหญ่เห็นว่าคนที่ถูกส่งไปตามนั้นหายไปเป็นเวลานาน
ก็ส่งอีกคนหนึ่งมาตาม คนที่มาภายหลังก็ได้เห็นเช่นเดียวกันจนกระทั่งการสวดสายประคำสิ้นสุดลง
ดังนั้นสายประคำคือ
พวงมาลาแห่งดอกกุหลาบที่เรามอบถวายแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดา
ดอกกุหลาบเป็นราชินีแห่งดอกไม้ทั้งหลายฉันใด
การสวดสายประคำก็เป็นกิจศรัทธาที่สำคัญของคริสตชนคาทอลิกที่จะมอบถวายเกียรติอย่างสูงส่งแด่พระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์ฉันนั้น
คพ.สุพจน์
.............................................................................................................
พี่น้องที่รัก
ความมั่งคั่งทางโลกและ
อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า นักปฏิบัติที่ไม่สุรุ่ยสุร่ายและทำงานหนักเพื่อจัดหาความสะดวกสบายทางวัตถุให้กับครอบครัวแต่พอเพียง
จะไม่ให้จิตใจของเขาหมกมุ่นกับเรื่องทางโลก บ่อยครั้งที่เรามักจะให้ความรัก
ความเอาใจใส่มากเกินไปกับสิ่งที่เน่าเปื่อยและไม่สลักสำคัญอะไร ความโง่เขลาที่สุดในใจของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง คนที่ยิ่งใหญ่ และผู้ที่น่าจะเป็นคนฉลาด คน ดีและมีเกียรติ
เมื่อเห็นพวกเขาเกลือกกลั้วในความตายช้าเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวย ความอยาก
ความกระหาย ความปรารถนา และการแข่งขันเพื่อให้ได้ทรัพย์สิ่งของในชีวิตนี้ น่าจะคิดว่า
ความโง่เขลาที่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งของในชีวิตนี้!…ชายหรือหญิงที่ให้ความมั่งคั่งของโลกนี้ และสิ่งของในชีวิตนี้มีความสำคัญกว่าเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าและปัญญาแห่งนิรันดร
ไม่มีตาที่จะมองเห็น ไม่มีหูที่จะได้ยิน และไม่มีใจที่จะเข้าใจในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าหรอก
มองดูโลกของมนุษยชาติและเห็นพวกเขากอบโกย
ช่วงชิง แข่งขัน ทุกคนแสวงหา เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
และบรรลุถึงจุดมุ่งหมายของตัวเอง โดยไม่สนใจชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่
เดินคอแข็งไม่สนใจเพื่อนบ้าน ทุกคนกำลังแสวงหา วางแผน คิดค้นและกระสับกระส่ายในยามนอน
หากนอนหลับก็จะฝันว่า “ฉันจะเอาเปรียบเพื่อนบ้านได้อย่างไร”? ฉันจะแย่งชิงความมั่งคั่งมาจากเขาได้อย่างไร
ฉันจะไต่เต้าขึ้นไปสู่การมีชื่อเสียงได้อย่างไร นี่คือแนวความคิดที่ผิดอย่างสิ้นเชิง
ผู้ที่แสวงหาเกียรติและรัศมีของตัวเองโดยทำให้เพื่อนมนุษย์ต้องหมดคุณค่าในการอยู่ร่วมกันในสังคมกับผู้มีปัญญา
เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด อูฐจะรอดรูเข็มยังง่ายกว่าใจของเขา
ก็เพราะใจที่หมกมุ่น ห้อมล้อมด้วยข้าทาส บริวาร สมุน และข้าวของทรัพย์สินมากมายเสียจนไม่มีหัวใจเหลือไว้
เขาจึงมีแต่ความทุกข์
เราเป็นคนในพวกนี้ด้วยหรือเปล่า ชีวิตที่แห้งแล้ง
ในใจที่โหยหาและแสวงหาความดีบริบูรณ์ เหมือนหนุ่มคนนี้ มาพบพระเยซูเจ้าแล้ว
แต่ยังยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ชีวิตนิรันดรเพราะละทิ้งไม่ได้ ตัดใจไม่ได้ ยังยึดหลงกับสิ่งที่เป็นของโลก
โดยที่มิได้ใช้มันแค่เป็นอุปกรณ์ไปสวรรค์ กลับไปยึดว่าตัวมันเป็นสวรรค์เสียเอง
ก็ช่างน่าสมเพช และน่าสงสาร
การเป็นเจ้าของความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดความสุขไม่ได้
มันอาจจะให้ความ สะดวกสบาย ในยามที่เราเปลี่ยนมันเป็นสิ่งจำเป็นและความฟุ่มเฟือยในชีวิต
เมื่อความมั่งคั่งเกิดจากการคดโกง หรือเป็นไปในลักษณะที่ไม่ยุติธรรมและไร้เกียรติ
ความกลัวการตรวจสอบและการลงโทษก็จะช่วงชิงความสุขจากผู้ครอบครองความสุขของมนุษย์ทุกคน
แม้ความมั่งคั่งจะได้มาอย่างมีเกียรติ การเป็นเจ้าของมันก็ยังก่อให้เกิดสำนึกอันขมขื่น
ว่าในไม่ช้าความตายจะมาปลดเปลื้องมันไปจากเขา และคนอื่นจะเข้ามาครอบครองมัน
พวกเขามีความหวังอะไรหรือในอนาคต หลังจากที่ผ่านโลกแห่งความเศร้าโศกนี้ไปแล้ว? พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคต
พวกเขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความตายและนรก ความสุขแบบสมบูรณ์และความปีติยินดีที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก
พวกเขากำลังพรากจากพระเป็นเจ้าแท้ แก่นแท้ของชีวิตจริง และความบริบรูณ์ของความดี
คุณพ่อพงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น