พี่น้องที่รัก
การจัดงานฉลองวัดเซนต์หลุยส์ของเราในปีนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกวาระหนึ่ง
ทั้งในเย็นวันเสาร์ที่ 22
สิงหาคม 2558 ซึ่งเป็นวันฉลองภายใน
หรือเป็นวันสุกดิบก่อนจะถึงวันฉลองจริง หรือจะว่าไปแล้วเป็นการซ้อมใหญ่ในด้านพิธีกรรม
และ พิธีการต่างๆก็ได้
อีกทั้งเรายังมีโอกาสได้แห่พระรูปนักบุญหลุยส์องค์อุปถัมภ์วัดของเรา สำหรับพี่น้องสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีในรอบเย็นก่อนวันฉลองจริง
ช่วยเพิ่มพูนความศรัทธาต่อท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์
ในหัวใจของพี่น้องสัตบุรุษได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งในงานวันฉลองวัดของเราปีนี้ก็คือ
พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู
ซึ่งปีนี้พระคุณเจ้าตอบรับมาเป็นประธานในพิธีฉลองวัดของเราอีกครั้งหนึ่ง
เราจะเห็นว่าแม้พระคุณเจ้าจะมีอายุอานามถึง 86 ปีแล้ว
พระเป็นเจ้ายังอำนวยพระพรให้พระคุณเจ้ายังกระฉับกระเฉง มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
อย่างที่ยากนักจะหาคนวัยเดียวกันมาเทียบได้ ที่สำคัญไปกว่านั้น บทเทศน์ โวหาร
คารมคมคาย ของพระคุณเจ้ายิ่งวันยิ่งไพเราะ สร้างแรงบันดาลใจ และ
เตือนสอนสัตบุรุษได้อย่างลุ่มลึก ทันสถานการณ์อยู่เสมอ คำสอนของพระคุณเจ้ามีชัย คงจะดำรงอยู่ในใจของชาวเราเสมอไป
มีพี่น้องสัตบุรุษทั้งที่มาจากต่างวัด ต่างสังฆมณฑล
มาร่วมพิธีฉลองกันคับคั่ง เรียกว่าทำให้อาณาบริเวณวัดของเราที่ค่อนข้างกว้างขวาง
มีพี่น้องสัตบุรุษผู้มีจิตศรัทธาเต็มพื้นที่
จนดูเสมือนว่าพื้นที่วัดของเราเล็กลงไปถนัดใจ ขนาดที่ว่าขบวนแห่พระรูปนักบุญหลุยส์ดำเนินมาจวนจะครบรอบแล้ว
ท้ายขบวนยังรออยู่ที่บริเวณหน้าวัดอยู่เลย
ภาพของผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันมาร่วมฉลองวัดของเรายังผลให้ความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้าของชาวเรามั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น
พ่อขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณมายัง คณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์
คณะพลมารี คณะนักขับร้อง กลุ่มผู้อ่านพระคัมภีร์ กลุ่มเด็กช่วยมิสซา
อาสาสมัครผู้ช่วยแบกบุษบกจากโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ
อาสาสมัครผู้ช่วยเก็บถุงทาน โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ กลุ่มองค์กรต่างๆ และ
ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดงานฉลองวัดทุกท่าน
ที่ได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันในงานฉลองวัดครั้งนี้
ขอขอบคุณพี่น้องสัตบุรุษที่ได้ร่วมใจกันบริจาคสมทบทุนการจัดงานฉลองวัดทุกท่าน และ
ขอขอบคุณ พี่น้องผู้มีน้ำใจดีเป็นเจ้าภาพจัดอาหารอร่อยๆ หลากหลายชนิด
สำหรับการจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงให้กับพี่น้องสัตบุรุษที่มาร่วมฉลองวัดในปีนี้
ขอพระเป็นเจ้าโปรดตอบแทนน้ำใจดีของทุกท่านอย่างบริบูรณ์ ร้อยเท่าพันทวีครับ
พ่อสุพจน์
......................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
ขงจื๊อวางหลักการครองชีวิตและการวางตัวไว้ให้บุคคลทุกสถานะ
ไม่ว่าจะเป็นผู้ครองแผ่นดินหรือเป็นเพียงผู้ครองเรือนท่านดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย
ปฏิบัติตัวอยู่ในหลักจริยธรรมตามที่ท่านเองสอน
ท่านอุทิศเวลาจวบจนบั้นปลายของชีวิตให้กับการเรียนและการสอนคุณธรรม และศึกษา ขงจื๊อมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการสอนสองประการ
คือ ต้องการจะยกระดับจิตใจของคน และสร้างความสามัคคีในสังคม
การที่จะบรรลุจุดหมายทั้งสองบุคคลต้องเริ่มที่ตนเองก่อน
ขั้นแรกจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพื่อขัดเกลาจิตใจของตน
ในขั้นต่อมาจะต้องใช้คุณธรรมเป็นหลักประจำใจเมื่อต้องติดต่อกับผู้คน
หัวข้อสำคัญของปรัชญาขงจื๊อได้แก่หลักการปกครอง ขงจื๊อมุ่งสอนชนชั้นปกครองเพราะท่านคิดว่า
ถ้านักปกครองทำหน้าที่ของตนโดยใช้หลักจริยธรรมและวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรแล้ว
บ้านเมืองก็จะสงบสุข ส่วนราษฎรก็ต้องเชื่อฟังผู้ปกครอง
เป็นหลักปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างมีพันธะต่อกัน
ชาวฟาริสีและชาวยิวโดยทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ
เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธีก่อน เมื่อกลับจากตลาด
เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำพิธีชำระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่น ๆ
อีกมาก เช่น การล้างถ้วย
จานชามและภาชนะทองเหลือง “ทำไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบัติตามขนมธรรมเนียมของบรรพบุรุษและทำไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาดเล่า”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด
ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปากแต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม
แต่ “ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์”
แล้วพระองค์ทรงเสริมว่า “ท่านช่างชำนาญในการละเลยบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริง
ๆ” สิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งที่เป็นมลทินพระองค์ทรงตรัสว่า
“ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด
ไม่มีสิ่งใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ทำให้เขามีมลทินได้
แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด” อาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน
พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายในมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน
จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย
การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน
การมีชู้ ความโลภ การทำร้าย
การฉ้อโกง การสำส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา
สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายในและทำให้มนุษย์มีมลทิน” ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันเช่นนี้
พระองค์จึงตอบคำถามของพวกเขาโดยอ้างคำพูดของประกาศกอิสยาห์ที่กล่าวตำหนิประชาชนในสมัยนั้นที่นับถือพระเจ้าแต่ปาก
ส่วนหัวใจนั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์ยิ่งนัก (อสย 29:13) พูดง่าย ๆ
คือพระองค์ทรงตำหนิพวกเขาว่า “ปากกับใจไม่ตรงกัน“ หรือ “คนหน้าซื่อใจคด”
คนหน้าซื่อใจคด มาจากภาษากรีก hupokrites (ฮูปอครีแตส)
เดิมหมายถึง “ผู้ตอบ” แล้วพัฒนาเป็น “ผู้ตอบเป็นชุด
เป็นบทสนทนา” ซึ่งได้แก่ “นักแสดง” และท้ายที่สุดหมายถึง “ผู้ที่ใช้ชีวิตเหมือนนักแสดงโดยไม่มีความจริงใจหลงเหลืออยู่เลย” ผู้ใดก็ตามที่เห็นศาสนาเป็นเรื่องของการถือตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนด
และจารีตพิธีต่าง ๆ ที่สุดแล้วจะลงเอยแบบเดียวกันคือเป็น “คนหน้าซื่อใจคด”
เหตุผลคือ เขาเชื่อว่าตนเองเป็น “คนดี” เพราะได้ “ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างครบถ้วนเคร่งครัด” แล้ว
จึงไม่สนใจว่าความคิดและจิตใจของตนจะเป็นอย่างไร ! ตัวอย่างเช่น
คนคนหนึ่งอาจจะเกลียดชังเพื่อนบ้านแบบเข้ากระดูกดำ
มีจิตใจอิจฉาริษยาและเย่อหยิ่งจองหองอวดดี
แต่ตราบใดที่เขาถือกฎเกณฑ์เรื่องการล้างมือและระมัดระวังตัวไม่ให้มีมลทิน
ตราบนั้นยังถือว่าเขาเป็น “คนดี” และได้รับใช้พระเจ้าแล้ว จริงอยู่เขาอาจรับใช้พระองค์ภายนอกแบบนักแสดง
แต่ภายในจิตใจนั้นเขาไม่ได้เชื่อฟังพระองค์เลยนี่คือ “คนหน้าซื่อใจคด” ! ขอให้เราสรรเสริญพระเจ้าด้วยน้ำใสใจจริง
ด้วยชีวิตจิตใจที่ใสซื่อและรักพี่น้องอย่างแท้จริง
คพ.พงษ์เกษม