วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                การจัดงานฉลองวัดเซนต์หลุยส์ของเราในปีนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกวาระหนึ่ง ทั้งในเย็นวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2558 ซึ่งเป็นวันฉลองภายใน หรือเป็นวันสุกดิบก่อนจะถึงวันฉลองจริง หรือจะว่าไปแล้วเป็นการซ้อมใหญ่ในด้านพิธีกรรม และ พิธีการต่างๆก็ได้ อีกทั้งเรายังมีโอกาสได้แห่พระรูปนักบุญหลุยส์องค์อุปถัมภ์วัดของเรา สำหรับพี่น้องสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีในรอบเย็นก่อนวันฉลองจริง ช่วยเพิ่มพูนความศรัทธาต่อท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ ในหัวใจของพี่น้องสัตบุรุษได้เป็นอย่างดี
            สิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งในงานวันฉลองวัดของเราปีนี้ก็คือ พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ซึ่งปีนี้พระคุณเจ้าตอบรับมาเป็นประธานในพิธีฉลองวัดของเราอีกครั้งหนึ่ง เราจะเห็นว่าแม้พระคุณเจ้าจะมีอายุอานามถึง 86 ปีแล้ว พระเป็นเจ้ายังอำนวยพระพรให้พระคุณเจ้ายังกระฉับกระเฉง มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง อย่างที่ยากนักจะหาคนวัยเดียวกันมาเทียบได้ ที่สำคัญไปกว่านั้น บทเทศน์ โวหาร คารมคมคาย ของพระคุณเจ้ายิ่งวันยิ่งไพเราะ สร้างแรงบันดาลใจ และ เตือนสอนสัตบุรุษได้อย่างลุ่มลึก ทันสถานการณ์อยู่เสมอ  คำสอนของพระคุณเจ้ามีชัย คงจะดำรงอยู่ในใจของชาวเราเสมอไป
            มีพี่น้องสัตบุรุษทั้งที่มาจากต่างวัด ต่างสังฆมณฑล มาร่วมพิธีฉลองกันคับคั่ง เรียกว่าทำให้อาณาบริเวณวัดของเราที่ค่อนข้างกว้างขวาง มีพี่น้องสัตบุรุษผู้มีจิตศรัทธาเต็มพื้นที่ จนดูเสมือนว่าพื้นที่วัดของเราเล็กลงไปถนัดใจ ขนาดที่ว่าขบวนแห่พระรูปนักบุญหลุยส์ดำเนินมาจวนจะครบรอบแล้ว ท้ายขบวนยังรออยู่ที่บริเวณหน้าวัดอยู่เลย ภาพของผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันมาร่วมฉลองวัดของเรายังผลให้ความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้าของชาวเรามั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น
            พ่อขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณมายัง คณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ คณะพลมารี คณะนักขับร้อง กลุ่มผู้อ่านพระคัมภีร์ กลุ่มเด็กช่วยมิสซา อาสาสมัครผู้ช่วยแบกบุษบกจากโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ อาสาสมัครผู้ช่วยเก็บถุงทาน โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์ กลุ่มองค์กรต่างๆ และ ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดงานฉลองวัดทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันในงานฉลองวัดครั้งนี้ ขอขอบคุณพี่น้องสัตบุรุษที่ได้ร่วมใจกันบริจาคสมทบทุนการจัดงานฉลองวัดทุกท่าน และ ขอขอบคุณ พี่น้องผู้มีน้ำใจดีเป็นเจ้าภาพจัดอาหารอร่อยๆ หลากหลายชนิด สำหรับการจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงให้กับพี่น้องสัตบุรุษที่มาร่วมฉลองวัดในปีนี้ ขอพระเป็นเจ้าโปรดตอบแทนน้ำใจดีของทุกท่านอย่างบริบูรณ์ ร้อยเท่าพันทวีครับ
พ่อสุพจน์
......................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
ขงจื๊อวางหลักการครองชีวิตและการวางตัวไว้ให้บุคคลทุกสถานะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ครองแผ่นดินหรือเป็นเพียงผู้ครองเรือนท่านดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ปฏิบัติตัวอยู่ในหลักจริยธรรมตามที่ท่านเองสอน ท่านอุทิศเวลาจวบจนบั้นปลายของชีวิตให้กับการเรียนและการสอนคุณธรรม และศึกษา ขงจื๊อมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการสอนสองประการ คือ ต้องการจะยกระดับจิตใจของคน และสร้างความสามัคคีในสังคม การที่จะบรรลุจุดหมายทั้งสองบุคคลต้องเริ่มที่ตนเองก่อน ขั้นแรกจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพื่อขัดเกลาจิตใจของตน ในขั้นต่อมาจะต้องใช้คุณธรรมเป็นหลักประจำใจเมื่อต้องติดต่อกับผู้คน หัวข้อสำคัญของปรัชญาขงจื๊อได้แก่หลักการปกครอง ขงจื๊อมุ่งสอนชนชั้นปกครองเพราะท่านคิดว่า ถ้านักปกครองทำหน้าที่ของตนโดยใช้หลักจริยธรรมและวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรแล้ว บ้านเมืองก็จะสงบสุข ส่วนราษฎรก็ต้องเชื่อฟังผู้ปกครอง เป็นหลักปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างมีพันธะต่อกัน
ชาวฟาริสีและชาวยิวโดยทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธีก่อน เมื่อกลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำพิธีชำระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่น ๆ อีกมาก เช่น  การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง “ทำไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบัติตามขนมธรรมเนียมของบรรพบุรุษและทำไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาดเล่า” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปากแต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา   เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม แต่  “ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรงเสริมว่า “ท่านช่างชำนาญในการละเลยบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริง ๆ”  สิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งที่เป็นมลทินพระองค์ทรงตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด  ไม่มีสิ่งใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ทำให้เขามีมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน  ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด” อาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายในมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน  จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน  การมีชู้  ความโลภ การทำร้าย การฉ้อโกง การสำส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส  ความโง่เขลา  สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายในและทำให้มนุษย์มีมลทิน” ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันเช่นนี้ พระองค์จึงตอบคำถามของพวกเขาโดยอ้างคำพูดของประกาศกอิสยาห์ที่กล่าวตำหนิประชาชนในสมัยนั้นที่นับถือพระเจ้าแต่ปาก ส่วนหัวใจนั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์ยิ่งนัก (อสย 29:13) พูดง่าย ๆ คือพระองค์ทรงตำหนิพวกเขาว่า ปากกับใจไม่ตรงกันหรือ คนหน้าซื่อใจคด” คนหน้าซื่อใจคด มาจากภาษากรีก hupokrites (ฮูปอครีแตส) เดิมหมายถึง ผู้ตอบ” แล้วพัฒนาเป็น ผู้ตอบเป็นชุด เป็นบทสนทนา” ซึ่งได้แก่ นักแสดง”  และท้ายที่สุดหมายถึง ผู้ที่ใช้ชีวิตเหมือนนักแสดงโดยไม่มีความจริงใจหลงเหลืออยู่เลยผู้ใดก็ตามที่เห็นศาสนาเป็นเรื่องของการถือตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนด และจารีตพิธีต่าง ๆ ที่สุดแล้วจะลงเอยแบบเดียวกันคือเป็น คนหน้าซื่อใจคด” เหตุผลคือ เขาเชื่อว่าตนเองเป็น คนดี” เพราะได้ ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างครบถ้วนเคร่งครัดแล้ว จึงไม่สนใจว่าความคิดและจิตใจของตนจะเป็นอย่างไร ! ตัวอย่างเช่น คนคนหนึ่งอาจจะเกลียดชังเพื่อนบ้านแบบเข้ากระดูกดำ มีจิตใจอิจฉาริษยาและเย่อหยิ่งจองหองอวดดี  แต่ตราบใดที่เขาถือกฎเกณฑ์เรื่องการล้างมือและระมัดระวังตัวไม่ให้มีมลทิน ตราบนั้นยังถือว่าเขาเป็น คนดี” และได้รับใช้พระเจ้าแล้ว จริงอยู่เขาอาจรับใช้พระองค์ภายนอกแบบนักแสดง  แต่ภายในจิตใจนั้นเขาไม่ได้เชื่อฟังพระองค์เลยนี่คือ คนหน้าซื่อใจคด” ! ขอให้เราสรรเสริญพระเจ้าด้วยน้ำใสใจจริง ด้วยชีวิตจิตใจที่ใสซื่อและรักพี่น้องอย่างแท้จริง

คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2015

พี่น้องที่รัก
วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีอีกวาระหนึ่งของวัดเซนต์หลุยส์ของเรา เนื่องด้วยเป็นวันฉลองวัดของเราซึ่งมีท่านนักบุญหลุยส์เป็นองค์อุปถัมภ์ ในรอบปีหนึ่งนอกจากการฉลองตามปฏิทินพิธีกรรมแล้ว ก็มีวันนี้แหละที่เป็นวันฉลองยิ่งใหญ่ของวัดเรา เพราะเป็นวันฉลองนักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเราคริสตชนในหลายๆด้าน แม้ว่าพระองค์ท่านจะดำรงตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงกษัตริย์ของประเทศ แต่พระองค์ท่านก็ไม่ลืมคนยากคนจน พระองค์ท่านจัดให้มีการตั้งโรงทานสำหรับคนยากจนที่หิวโหยมาทานอาหารให้อิ่มหนำ นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังเอาใจใส่คนเจ็บป่วย ด้วยการจัดตั้งโรงพยาบาลสำหรับดูแลผู้ป่วย หลายครั้งพระองค์ท่านเองเป็นผู้ลงมือทำแผลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยพระองค์เอง เพราะทรงแลเห็นคนเหล่านี้เป็นเสมือนพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน ชื่อเสียงของพระองค์ท่านอีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม ไม่โอนเอียงเข้ากับฝ่ายใด พระองค์ทรงรับคำร้องของประชาชนทุกคน และอนุญาตให้ทุกคนเข้าเฝ้าเพื่อทรงตัดสินคดีความได้ทุกคดี พระเจ้าหลุยส์ยังเป็นแบบอย่างในด้านการเป็นคริสตชนที่ดี ด้วยการไปวัดเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกอาทิตย์ และในวันธรรมดาด้วยเท่าที่สามารถ พระองค์ท่านยังมีความปรีชาและกล้าหาญ ในการนำทัพเข้าร่วมในสงครามครูเสด เพื่อกอบกู้กรุงเยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์  พระองค์เข้ามีส่วนร่วมในสงครามครูเสดหลายครั้ง พบกับทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงหวาดหวั่น จนในการสงครามครั้งสุดท้ายพระองค์ก็ติดเชื้อโรคระบาด และ สิ้นพระชนม์ ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.. 1270
                เหตุผลที่น่ายินดีประการต่อมาคือ ปีนี้เรามีโอกาสได้ต้อนรับ พระคุณเจ้า พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู อีกวาระหนึ่ง หลังจากที่พระคุณเจ้าว่างเว้นไม่ได้มาเป็นประธานในพิธีฉลองวัดของเราเป็นเวลาหลายปี พี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ของเรายังรักและเคารพ รวมถึงคิดถึงพระคุณเจ้าเสมอ เมื่อพระคุณเจ้าตอบรับมาเป็นประธานในพิธีฉลองวัดของเราในปีนี้ ก็นำความปลาบปลื้มยินดีเป็นล้นพ้นมาสู่หัวใจของพี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์เป็นยิ่งนัก แม้ว่าพระคุณเจ้าจะมีอายุมากขึ้น แต่พระคุณเจ้าก็ยังกระฉับกระเฉง ยังทำงานไม่หยุดหย่อน โอกาสนี้เราคงได้ใกล้ชิดกับพระคุณเจ้าอีกครั้งหนึ่ง น้ำเสียง และโวหารของพระคุณเจ้ายังคงดังก้องอยู่ในใจของพี่น้องสัตบุรุษชาวเซนต์หลุยส์เสมอ
                พ่อขอถือโอกาสนี้ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมายัง คุณพ่อบุญเสริม เนื่องพลี ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีฉลองภายในวัดของเราในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม และขอขอบพระคุณคุณพ่อทุกท่านที่มาร่วมฉลองวัดเซนต์หลุยส์ในปีนี้ความเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์พระคริสตเจ้าในเขตสังฆมณฑลกรุงเทพฯของเราปรากฏชัดในการมาร่วมพิธีของคุณพ่อทุกๆท่านที่สละเวลามาร่วมในงานฉลองวัดของเราครับ
                ท้ายที่สุดพ่อขอขอบคุณ คณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ กลุ่มองค์กร ของวัดทุกกลุ่ม ที่ร่วมมือกันในภารกิจต่างๆสำหรับการเตรียมงานฉลอง ทั้งทางด้านพิธีกรรม และ การต้อนรับพี่น้องสัตบุรุษจากต่างวัด เพื่อให้งานฉลองวัดของเราในปีนี้มีข้อขาดตกบกพร่องน้อยที่สุด พ่อขอถือโอกาสนี้วิงวอนพระเจ้าผ่านทางคำเสนอวิงวอนของท่านนักบุญหลุยส์ ให้พี่น้องทุกท่านที่มาร่วมฉลองนักบุญหลุยส์ในวันนี้ได้รับพระพรของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ให้มีความสุขกาย สุขใจ คิดหวังสิ่งใด สมปรารถนาทุกประการ

พ่อสุพจน์
.............................................
สวัสดีครับพี่น้อง
นักบุญยอห์นอัครสาวกได้พรรณาถึงรหัสธรรมการรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระเจ้าไว้อย่างลึกซึ้งว่า : "พระวจนะทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา"(ยน1:14) สิ่งที่ทำให้ความเชื่อคริสตชนแตกต่างจากของศาสนาอื่น ๆ ทั้งหมดก็ได้แก่ความแน่นอนที่ว่ามนุษย์ที่ชื่อเยซูชาวนาซาแรทนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า เป็นพระวจนะที่ทรงรับเอากาย เป็นพระบุคคลที่สองในพระตรีเอกภาพผู้เสด็จลงมาบนโลก  "สิ่งนี้แหละคือความเชื่อมั่นที่น่ายินดีของพระศาสนจักรตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อไรก็ตามที่พระศาสนจักรขับร้อง 'รหัสธรรมของศาสนาของเรา' ที่ว่า 'พระองค์ได้ทรงเผยแสดงพระองค์ในการรับเอากาย'" (Catechism of the Catholic Church, 463) พระเจ้าพระบุคคลที่มิอาจแลเห็นได้นั้น ก็ได้กลับมามีชีวิตและประทับอยู่ในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนางมารีย์พระมารดาของพระเจ้า(Theotokos) พระเยซูชาวนาซาแรทนั้นทรงเป็นเอมมานูเอลหรือพระเจ้าที่ประทับอยู่กับเรา : ใครที่รู้จักพระองค์ก็รู้จักพระเจ้า ใครที่เห็นพระองค์ก็เห็นพระเจ้า ใครที่ติดตามพระองค์ก็ติดตามพระเจ้า และใครที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าการต้อนรับพระเยซูคริสตเจ้านั้นหมายถึงการยอมรับคำสั่งจากพระบิดาเพื่อที่จะเจริญชีวิต ด้วยการรักพระองค์และเพื่อนพี่น้องชายหญิงของเรา โดยให้ความร่วมมือแบ่งปันกันแก่ทุก ๆ คน อย่างไม่มีการแบ่งแยก มันหมายถึงการเชื่อว่าในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและการทนทุกข์ทรมานก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณค่าที่เหลืออยู่ก็คือชีวิตและความรัก เพราะว่าพระเจ้าเสด็จมาเพื่อที่จะประทับอยู่กับเรา เพื่อว่าเราจะได้อยู่ร่วมกับพระองค์
พระคริสตเจ้าได้กลายเป็นคนยากจน เพื่อที่จะทำให้เรามั่งคั่งขึ้นด้วยความยากจนของพระองค์ และพระองค์ก็ได้ประทานการไถ่กู้ให้กับเราซึ่งเป็นผลมาจากพระโลหิตที่พระองค์ได้ทรงหลั่งบนไม้กางเขน"พระองค์ทรงรับทนความทุกข์ทรมานแทนเรา…   พระองค์ถูกแทงทะลุด้วยความผิดบกพร่องของเรา" (อิสยาห์ 53:4-5) การเสียสละสูงสุดของชีวิตพระองค์ที่ประทานให้อย่างฟรี ๆ สำหรับความรอดของเรานั้น ได้แก่    การพิสูจน์ของความรักที่ไม่มีขอบเขตของพระเจ้าสำหรับเรา นักบุญยอห์นอัครสาวกได้บันทึกไว้ว่า "พระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับประทานพระบุตรแต่องค์เดียว เพื่อว่าทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้ไม่พินาศไปแต่กลับจะมีชีวิตนิรันดร์"แม้จะมีการดื้อดึงและการปฏิเสธที่โอนเอียงไปในทางฆ่าคนของพวกเขาก็ตาม (เทียบ มธ21:33-39) เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งการกลับใจของพวกเขาโดยผ่านทางความตายของพระบุตรมนุษยชาติทั้งมวลได้รับการช่วยให้รอด นั่นก็คือ เป็นอิสระจากการเป็นทาสของบาปและได้รับการนำเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า พระคริสตเจ้าเป็นพระเจ้าของสวรรค์และแผ่นดิน ใครก็ตามที่ฟังพระวาจาของพระองค์และเชื่อในพระบิดาที่ส่งพระองค์มาจะได้รับชีวิตนิรันดร (เทียบ ยน 5:24)ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องหันไปหาใครอีกนอกจากองค์พระเยซูเจ้า และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปมองหาสิ่งใดที่ไหนอีกเพราะมีแต่พระองค์เท่านั้นที่สามารถประทานให้ได้สำหรับผู้ที่ได้รับศีลล้างทุกคนก็เป็นไปได้ จงวางไว้ใจในพระองค์ เชื่อมั่นในฤทธิ์อำนาจที่ไม่มีวันถูกทำลายลงได้ของพระวรสารและวางความเชื่อศรัทธาเป็นดังฐานแห่งความหวังของพวกเรา พระเยซูดำเนินไปพร้อมกับพวกเรา ทรงฟื้นฟูดวงใจของพวกเราและทำให้เข้มแข็งขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่าของพระจิตของพระองค์พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            สัปดาห์นี้มีวันสำคัญหลายวันครับ ประการแรกวันอาทิตย์สัปดาห์นี้ เราสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ซึ่งเลื่อนมาจากวันที่ 15 สิงหาคม ทุกปีเรามีวันวันนี้เพื่อฉลองแม่พระซึ่งแม่ฝ่ายจิตวิญญาณของเราคริสตชนทุกคน พระนางผู้ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดนั่นคือการเป็นมารดาของพระเยซูคริสตเจ้าพระผู้ไถ่ของชาวเราทุกคน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พระเยซูได้ทรงประทานพระนางมารีย์เป็นมารดาของชาวเราด้วย เราจึงพร้อมใจกันฉลองเทิดเกียรติพระนางผู้เป็นมารดาฝ่ายจิตวิญญาณของชาวเราอย่างพิเศษในวันนี้
            นอกจากนี้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมาเราชาวไทยต่างร่วมใจกันถวายราชสดุดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โอกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระองค์ท่านอีกคำรบหนึ่ง ขอพระองค์ท่านจงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญตลอดไป วันนี้ยังเป็นวันแม่แห่งชาติ ที่พสกนิกรชาวไทยทุกคนต่างซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณนานัปการที่พระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อผองพสกนิกรชาวไทยให้อยู่เย็นเป็นสุข
            อีกประการที่สำคัญคือ โอกาสวันแม่ผู้ให้กำเนิด ครอบครัวทุกครอบครัวคงได้มีโอกาสจัดกิจกรรมแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อแม่ผู้ให้กำเนิดชีวิต การแสดงความรักที่ลูกพึงแสดงออกต่อมารดาผู้ให้กำเนิดนี้ถือเป็นการแสดงความรักอย่างที่พระเจ้าทรงสอนอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่พึงสนับสนุน และ สมควรจัดให้มีโอกาสที่ลูกๆจะแสดงความรักความเทิดทูน ความกตัญญูต่อแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อลูกอย่างมากจนยากที่จะหาคำใดๆมาเปรียบได้
            มีคำกล่าวว่า "เรามีวันแม่เพียงปีละครั้ง แต่สำหรับแม่ ทุกๆวันตลอดปีเป็นวันของลูก" ทุกท่านคงเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในหัวใจของแม่นั้นทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อลูกนั่นเอง วันนี้ให้เราภาวนาวิงวอนพระเจ้าผ่านทางพระนางมารีย์ มารดาพระเจ้า ผู้ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ โปรดทูลเสนอวิงวอนพระเจ้าเพื่อแม่ของเราทุกคนด้วย ให้แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตของเรา มีความสุขกายสบายใจ สุขภาพแข็งแรง และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัวตราบนานเท่านาน


พ่อสุพจน์
.......................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ประกาศข้อความเชื่อว่า พระนางมารีย์ มารดาพระเจ้าผู้ปฏิสนธินิรมลและเป็นพรหมจารีเสมอ ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ หลังจากบรรลุถึงความสมบูรณ์ของชีวิตในโลกนี้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1950 ซึ่งความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุดในพระศาสนจักร ที่บรรดาคริสตชนแสดงออกต่อแม่พระมาเป็นเวลากว่าพันปี อีกทั้ง เป็นการยืนยันว่า แม่พระได้รับเกียรติมงคลรุ่งเรืองและร่วมส่วนในชีวิตนิรันดรกับพระเยซูเจ้า บุตรของพระนาง การรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ของแม่พระ จึงเป็นการมีส่วนในผลแรกแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของพระเจ้า (Theotokos) และมีส่วนในงานไถ่กู้ของพระผู้ไถ่ตั้งแต่เริ่มแรก ในบทบาทของคนกลางแจกจ่ายพระหรรษทานของพระเจ้าและความหวังของมนุษยชาติ นักบุญอัลฟอนโซ (St. AlphonsusLiguori: 1696-1787) ยืนยันว่า พระคริสตเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้ร่างกายของแม่พระที่ปราศจากบาปต้องเน่าเปื่อยหลังความตาย พระนางจึงได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
นอกนั้น การรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ยังถือเป็นการให้เกียรติและยกย่องผู้หญิงเพราะพระเจ้าได้ประทานพระหรรษทานแก่แม่พระให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นการยกย่องคนยากจนและคนถูกกดขี่ที่กล่าวถึงในบทเพลงสรรเสริญของแม่พระ (Magnificat) ให้ปรากฏเป็นจริง พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับคนยากจน คนเล็กน้อย และคนสิ้นหวังเป็นลำดับแรกเสมอ และพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการประทับอยู่ของพระองค์ในโลกปรากฏชัดในบุคคลเหล่านี้
เมื่อทูตสวรรค์มาปรากฏกับเธอและการตอบสนองของเธอเปลี่ยนชะตาชีวิตของเธอและส่งผลต่อชะตากรรมความเป็นความตายของมวลมนุษยชาติ แน่นอนเธอเป็นปุถุชนคนธรรมดา ซึ่งเกิดความกลัว ทูตสวรรค์จึงตรัสแก่เธอว่า อย่ากลัวเลย (ลก.1.30-32) เธอประหลาดใจ เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ เธอเลือกจะเชื่อฟังทูตสวรรค์ที่มาประกาศถึงน้ำพระทัยยิ่งใหญ่และแผนการณ์แห่งความรอดของมวลมนุษย์ จะเลือกก้าวต่อไปบนทางชีวิตด้วยความเชื่อศรัทธา หรือจะใช้เหตุผล วิจารณญาณของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เช่นเธอ เธอจะเป็นแม่ที่จะเลี้ยงลูกที่จะโตเป็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดได้หรือ? เราเห็นบทเรียนของแม่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้อย 3 ประการ
   1. เธอรับด้วยความเชื่อ หากถามว่าอะไรที่เป็นเครื่องมือในการเข้าหา และรู้จักกับพระเจ้า คำตอบคือ ความเชื่อ โรม 1.17 “...โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ..คนชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อ การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ถือได้ว่าสำหรับนางมารีย์แล้ว เธอเผชิญกับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกคือการบังเกิดอย่างอัศจรรย์ ครั้งที่สอง คือการสิ้นพระชนม์ของบุตรสุดที่รักของนางบนไม้กางเขน
ถ้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เมื่อได้ยินว่าเธอกำลังจะตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่หาเป็นหญิงพรหมจารีย์ ถือว่าเป็นคำพิพากษาประหารชีวิต เพราะเธอต้องถูกหินขว้างตาย เธอยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่าจะหาทางออกอย่างไร? ต่อปัญหาที่จะเกิดตามมา (consequence) ซึ่งเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอใช้ความเชื่อรับเอา ซึ่งเป็นแก่นแท้หัวใจคริสตัง  ฮบ.11.1-2 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง โดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้า เกิดจากความศรัทธาในพระเจ้า ศรัทธาในพระเจ้าเกิดจากความรู้ที่มีต่อพระเจ้า (การรู้จักพระเจ้า) เกิดขึ้นโดยการอ่านพระคัมภีร์ ความเชื่อดูเหมือนจะเกี่ยวกับอนาคต ความศรัทธาเกิดจากการสะสมประสบการณ์ในพระเจ้า จากอดีตที่ผ่านมาสร้างความศรัทธาได้ เราจะฟูมฟักความเชื่อได้อย่างไร? คำตอบคือ เรียนพระคัมภีร์ บางคนอ้างว่าเบื่อเรียนพระคัมภีร์เพราะเป็นภาคทฤษฎี แต่ถ้าอยากออกปฏิบัติ ออกไปรับใช้โดยไม่มีความเชื่อที่ดี ชีวิตก็พัง
        2. การรับใช้อันยาวนาน การดูแลลูกคืองาน 24 ชม. ต้องมีความอดทน ถ่อมใจ พระเยซูคริสต์เป็นเด็กดีที่เชื่อฟังอย่างสุดๆ นางมารีย์คงต้องสอนพระคัมภีร์ให้พระเยซูอย่างแน่นอน การเชื่อฟังดีกว่าช่อดอกไม้วันแม่ คำอวยพรวันแม่ การ์ดอวยพร เค้กวันแม่หรือพาแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน ท่านเชื่อไหมว่า พระเยซู แม่ไม่ต้องเรียกหลายครั้ง ตอนเป็นเด็ก หรือไม่ต้องเตือนแล้วเตือนเล่าตอนเป็นวัยรุ่นแต่ทรงเติบโตด้วยปรีชาญาณอันบริบูรณ์ของพระเจ้า
       3. ความเสียสละอย่างใหญ่หลวง ลก.2.29-32/34-35 ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้พระองค์ทรงให้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะว่าตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าบรรดาชนชาติทั้งหลาย เป็นสว่างส่องแสงแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์”... ...แล้วสิเมโอนก็อวยพรแก่เขา แล้วกล่าวแก่นางมารีย์มารดาพระกุมารนั้นว่า ดูก่อน ท่านทรงตั้งพระกุมารนี้ไว้ เป็นเหตุให้หลายคนในพวกอิสราเอลล้มลงหรือยกตั้งขึ้น และจะเป็นหมายสำคัญซึ่งคนปฏิเสธ เพื่อความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะได้ปรากฏแจ้ง ถึงหัวใจของท่านเองก็ยังจะถูกดาบแทงทะลุด้วย ลูกเจ็บ-แม่เจ็บด้วย (ยน. 19.26-27) เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิดและพระองค์ตรัสแก่สาวกคนนั้นว่า จงดูมารดาของท่านเถิดถ้าพระเจ้าต้องการใช้ลูกของท่านเป็นผู้รับใช้ ท่านยอมหรือไม่?
มาเรียเอ๋ย เธอทราบไหมว่า พระเยซูเดินบนน้ำ รักษาคนป่วยให้หาย ช่วยคนตายให้ฟื้น ห้ามพายุ ขับผีร้าย เป็นผู้ช่วยให้รอด มีวันหนึ่งแก้มที่เธอเคยถูกท่านจุมพิตนั้น คือ ใบหน้าของพระเจ้าซึ่งวันหนึ่งเธอต้องยืนดูลูกของเธอตายต่อหน้าต่อตา ซึ่งไม่มีแม่คนไหนรับได้ หวังว่าการสมโภชวันนี้พี่น้องคงได้ข้อคิดและข้อปฏิบัติที่ช่วยบรรลุสวรรค์เช่นกัน

คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ช่วงนี้มีคนพูดถึงชีวิต "สะโลว์ไลฟ์" อยู่บ่อยๆ เรียกว่ากลายเป็นคำยอดฮิต "อินเทรนด์" เลยก็ว่าได้ อะไรคือความหมายของคำว่า "สะโลว์ไลฟ์" กันแน่ คำว่า "สะโลว์ไลฟ์" เป็นคำทับศัพท์ที่มาจากภาษาอังกฤษ คงจะหมายความถึง การใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ยึดติดกับกระแส ไม่มัวหลงอยู่ในวังวนของแรงดึงดูดจาก โลกของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งดึงเอาเวลาที่มีค่าของเราให้สูญเสียไปมากมาย ดังนั้น "สะโลว์ไลฟ์" คือภาวะของชีวิตที่ปลดตัวเองออกจาก กระแสสังคม ที่มุ่งคอยจะชักจูงและผลักดันเราให้ไหลไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว "สะโลว์ไลฟ์" จึงเป็นการปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับ ปัจจุบัน อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รีบจนรน ไม่เร่งร้อนจนกระวนกระวายนั่นเอง
                พ่อไปอ่านเจอ บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเลยขอนำเอามาฝากให้อ่านกันนะครับ เผื่อจะเป็นแง่คิดของคนที่อยากปล่อยวางชีวิตให้ผ่อนคลาย จากกระแสสังคมที่มันเร่งเร้าให้เราเต้นมากเกินไปได้บ้าง

พ่อสุพจน์

            The Power of Less
                เทรนด์การใช้ชีวิตแนวใหม่ ที่กำลังมาแรงคือ Slow Life เป็นการใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ และยึดหลักพอเพียง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนักสำหรับโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย หนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์จนเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก ต้องยกให้ "ลีโอ บาบัวต้า" บล็อกเกอร์และนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายกวม ผู้ก่อตั้งเว็บบล็อก Zen Habits ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 240000 คน และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารไทม์ให้เป็นเว็บบล็อกยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก ประจำปี 2010 เขามีผลงานการเขียนหนังสือมากมายหลายเล่ม แต่เล่มที่โด่งดังติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ก็คือ The Power of Less
                การใช้ชีวิตแบบช้าแต่ชัวร์ เพื่อชีวิตแสนสุข สามารถเริ่มต้นง่ายๆด้วยบันได 9 ขั้น สตาร์ตด้วยบันไดขั้นที่หนึ่ง คือ ต้องรู้จักโฟกัสมากขึ้น และทำอะไรให้น้อยลง แทนที่จะทำอะไรหลายอย่างในเวลาพร้อมๆกัน ให้เลือกทำสิ่งสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว และเก็บเรื่องอื่นๆไว้ก่อน บันไดขั้นที่สองคือ แค่ทำอะไรให้ช้าลงอาจไม่เพียงพอ ต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน เมื่อไหร่ที่คิดฟุ้งซ่านเรื่องโน้นเรื่องนี้ ให้ดึงตัวเองกลับมาอยู่กับโมเมนต์ปัจจุบันให้เร็วที่สุด การมีสติจะทำให้ไม่คิดฟุ้งซ่านไม่คิดร้ายกับตัวเองและคนอื่น บันไดขั้นที่สาม ใช้ชีวิตแบบโลว์เทค ปิดมือถือและอุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างในช่วงวันหยุดแล้วโฟกัสกับสิ่งที่อยากทำจริงๆ เป็นการยากที่จะใช้ชีวิตแบบพอเพียงถ้ายังวุ่นกับการเล่นอินสตาแกรม และเช็กอีเมล์ทั้งวัน บันไดขั้นที่สี่ ใส่ใจเพื่อนฝูง ครอบครัว และคนรอบข้างให้มากขึ้น คำว่า "ใส่ใจ" ต้องขีดเส้นใต้ชัดๆ เพราะเรามักสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ในลักษณะเจ๊าะแจ๊ะ มากกว่าจะใส่ใจกันอย่างแท้จริง หมั่นแสดงความห่วงใยและเอื้ออาทรต่อคนรอบข้างด้วยความจริงใจ บันไดขั้นที่ห้า เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ หันมาชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติบ้าง แทนที่จะอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน นอนตากแอร์ทั้งวัน ลองออกมาเดินเล่นในสวนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการเดิน ว่ายน้ำ และขี่จักรยาน เพื่อให้ร่างกายได้สัมผัสกับสายลมแสงแดด และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ บันไดขั้นที่หก การรับประทานอาหารให้ช้าลง โดยค่อยๆเคียวเพื่อรับรู้รส สัมผัสความอร่อยของอาหารแต่ละเมนู จะสร้างความรื่นรมย์ให้ชีวิตมากกว่าการทานเร็วๆเพื่อให้อิ่ม บันไดขั้นที่เจ็ด ขับรถให้ช้าลง นอกจากจะทำให้เครียดน้อยลง ยังลดการเกิดอุบัติเหตุด้วย แทนที่จะเครียดกับการจราจรบนท้องถนนลองเปิดเพลงคลอเบาๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ บันไดขั้นที่แปด มีความสุขง่ายๆ และรื่นรมย์กับทุกอย่างที่พบเจอ เรื่องนี้เชื่อมโยงกับการมีสติกับปัจจุบัน แต่เป็นก้าวที่พัฒนาไปไกลขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ขอให้ทำด้วยความสุขและความเต็มใจ แม้แต่การล้างจานก็สามารถหาความรื่นรมย์ได้ เพียงเปลี่ยนมุมมองซะใหม่ จงเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ บันไดขั้นที่เก้า ขจัดความเครียดด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าเร่งรีบและเหนื่อยหอบ ลองสูดหายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอดสัก 2-3 เฮือก รับรองว่าจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ และถ้าจะให้ได้ผลยิ่งขึ้นควรมีสติกับทุกลมหายใจเข้าออก โดยกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อให้จิตเป็นสมาธิ
...................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
ผู้ที่เชื่อในเราจะมีชีวิตนิรันดร ความเชื่อ เราเชื่อว่าพระรักลูกของพระองค์ทุกคนและพระองค์ได้บอกความจริงให้มนุษย์ทุกคนและมนุษย์ก็เปรียบเหมือนลูกที่ดื้อรั้นไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ดั่งชาวยิวที่บ่นกันพึมพำ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา เราเห็นหลายคนที่ในอดีตพวกเขาดื้อ ทอดทิ้ง ไม่เชื่อฟังพระ แต่แล้ววินาทีสุดท้ายของชีวิต เราได้เห็นความรัก ความเมตตาที่พระองค์ให้อภัยเขา ให้เขาได้รับพระพรแห่งความเชื่อที่ทำให้เขาได้กลับใจ จากภาพเหตุการณ์เหล่านั้น ทำให้เรามีความเชื่อในพระองค์มากยิ่งขึ้น  เราต้องกินอาหารทุกๆ วัน ในทุกวันเราต้องคิดและต้องเลือกว่า จะกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  บางอย่างกินเพราะความอร่อย บางอย่างเพราะอยาก บางอย่างเพราะชอบ อาหารเหล่านี้เป็นอาหารสำหรับร่างกาย แต่สิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตฝ่ายจิตก็คือการรับพระกายของพระองค์ ปังทรงชีวิตนี้ทำให้เรามีพลัง มีกำลัง ทำให้วิญญาณเข้มแข็ง พระเยซูทรงมอบอาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์ให้กับพวกเรา และเราควรจะขอรับปังที่พระองค์ทรงมอบให้กับพวกเราทุกวันและตลอดไป
มีชีวิตทุกๆ วันเราเหมือนคนป่วย หรือบางวันป่วย ทั้งไม่สบายใจเรื่องปัญหาชีวิตประจำวันหรือเรื่องสุขภาพ เรารู้สึกท้อแท้ ไม่มีแรง ไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ของเราในทุกๆ วัน แต่เมื่อเรามาวัด เรามาแก้บาป เรามารับศีล มารับองค์พระเยซูเจ้า ทำให้เราดีขึ้น  เราสบายใจขึ้น  เราหายป่วย    โดยที่เราไม่ต้องกินยาเพราะเรามีพระเยชูเจ้าเป็นยา  ที่รักษาชีวิตเราให้ดีขึ้น
ปังทรงชีวิต”  เราเชื่อในชีวิตคริสตัง   เชื่อในศีลศักดิ์สิทธิ์  ว่าศีลศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า  ซึ่งอยู่ในตัวเรา  และมีฤทธิ์เดชต่อเรามากมาย  เมื่อใดก็ตามที่เราประสบปัญหาต่างๆ  เราจะนึกถึงศีลศักดิ์สิทธิ์ว่าเรามีพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าอยู่  เราจะกลัวอะไรกันเล่า  เราจะวิงวอนร้องขอพระเยซูเจ้าผ่านบทเพลงต่างๆ  เช่น  ขอทูลถวาย”  และอีกหลายๆ เพลงที่เราจะนำมาร้อง  มาอ่าน  เวลาที่เราท้อแท้  ผจญปัญหา  และต้องการที่พึ่งพระองค์  เราจะมีเพลง  เราได้เสพปัง”   เป็นบทเพลง  บทสวดที่เพิ่มพลังชีวิตให้เรา  อย่างไรก็ตาม  บทเพลงต่างๆ เพื่อปลุกปลอบใจตามแต่วาระที่เราถูกผจญอยู่   แล้วเราก็กล้าที่จะผจญปัญหาต่างๆ  ด้วยว่า  เรามีปังทรงชีวิตอยู่ในตัวเรานั้น  เราจะนำมาร้อง  มาเป็นบทอ่าน  เพื่อปลุกปลอบใจตามแต่วาระที่เราได้รับการผจญอยู่   แล้วเราก็กล้าที่จะผจญปัญหาต่างๆ  ด้วยว่า  เรามีปังทรงชีวิตอยู่ในตัวเราอย่างแท้จริง

คพ.พงษ์เกษม

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            วันสื่อมวลชนสากลปีนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกสาส์นมายังคริสตชนทั่วโลก ภายใต้หัวข้อ “การสื่อสารในครอบครัว สถานที่พิเศษที่จะได้สัมผัสกับพระพรแห่งความรัก” พระสันตะปาปาบอกว่า ครอบครัวเป็นสถานที่ซึ่งสมาชิกของพระศาสนจักรและของสังคมเรียนรู้จักการสื่อสาร โดยเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ระหว่างทารกกับมารดา ในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์ “ครรภ์เป็นโรงเรียนแรกของการสื่อสาร”  การพบปะระหว่างบุคคลสองคนเกี่ยวโยงกันอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เป็นคนละคนกัน การสัมผัสที่เปี่ยมด้วยคำมั่นสัญญาเป็นการสัมผัสครั้งแรกของเรากับสื่อ เป็นประสบการณ์ที่เรามีส่วนร่วมด้วย เหตุว่าเราแต่ละคนเกิดมาจากมารดา
            พระสันตะปาปายังบอกอีกว่า “หลังจากเกิดมาแล้ว ครอบครัวก็คือที่ที่เราเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตกับผู้อื่น แม้เราจะมีความแตกต่างกันในครอบครัวเราจึงมีสำนึกได้ว่า มีผู้อื่นอยู่ก่อนเรา พวกท่านทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้และเมื่อถึงเวลาก็ผลิตชีวิตขึ้นมาและช่วยให้เรากระทำสิ่งที่ดีและงดงาม เราให้ได้ เพราะเราได้รับมา วงจรแห่งความดีงามคือหัวใจของครอบครัว ช่วยครอบครัวถ่ายทอดให้แก่สมาชิกและกับผู้อื่น ในวงที่กว้างกว่า ครอบครัวเป็นรูปแบบขั้นพื้นฐานของสื่อ”
            พระสันตะปาปายังบอกอีกว่า ครอบครัว เป็นเวทีซึ่งสื่อขั้นพื้นฐานได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งได้แก่ การภาวนานั่นเอง เนื่องจากครอบครัวเป็นที่ซึ่งเราสัมผัสทุกวันกับความมีขอบเขตของเราและผู้อื่น นอกจากนี้ครอบครัวยังเป็นโรงเรียนแห่งการให้อภัย การให้อภัยนับว่าเป็นขบวนการของสื่อ เมื่อความเสียใจได้แสดงออกมาและได้รับการให้อภัย จะเป็นพลังของการเสวนาและการคืนดีกันในสังคม
            ภาพที่งดงามของการสื่อสารที่ศักดิ์สิทธิ์และมีประสิทธิภาพที่ปรากฏอยู่ในพระวรสารคือ การพบปะกันของพระนางมารีย์กับนางเอลีซาเบธ พระวรสารนักบุญลูกา บทที่ 1 ข้อ 39-56 มีบันทึกไว้ว่า “เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย”
            พี่น้องครับ โอกาสวันสื่อมวลชนสากล วันนี้เราจะมีการรวบรวมเงินบริจาค เพื่อสนับสนุนการใช้สื่อมวลชนในการประกาศข่าวดี ขอพี่น้องโปรดช่วยกันคนละไม้คนละมือในการสนับสนุน การประกาศข่าวดีโดยผ่านทางสื่อสารมวลชนด้วยครับ นอกจากนี้ วันนี้เราได้มีโอกาสต้อนรับ คุณพ่ออุดม ดีเลิศประดิษฐ์ ที่มาเทศน์เตรียมใจพี่น้องสำหรับการฉลองวัดเซนต์หลุยส์ของเราในปีนี้ในมิสซารอบ 10.00 . และยังเป็นมิสซาแรกของคุณพ่อที่วัดเซนต์หลุยส์แห่งนี้อีกด้วย ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่ออุดม ดีเลิศประดิษฐ์ ที่ได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อไม่นานมานี้ ที่สังฆมณฑลอุดรธานี วัดเซนต์หลุยส์ขอต้อนรับคุณพ่อใหม่ด้วยความยินดี หลังจากพิธีมิสซาจบแล้ว ขอพี่น้องเข้ามารับพรพระสงฆ์ใหม่ได้ตามศรัทธาครับ

พ่อสุพจน์
................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
การคบคนชั่วหรือคนพาลย่อมนำมาซึ่งความมัวหมอง ตรงกับสำนวนคบพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล  คำพูดของคนที่ยึดมั่นในคำพูดเปรียบเสมือนงาช้างที่งอกแล้วไม่หดคืนแต่คำพูดของคน  การรักษาความสัตย์สำคัญเหนือสิ่งใด ตรงกับสำนวนเสียชีพอย่าเสียสัตย์  สัตว์อย่างช้างหรือวัว เมื่อตายไปแล้วยังทิ้งงาหรือเขาไว้ให้ทำประโยชน์ได้
แผ่นดินจีนยุคโบราณ จักรพรรดิฉินหรือที่รู้จักกันในชื่อ จิ๋นซีฮ่องเต้” (221-210 B.C.) ถือเป็นจักรพรรดิจีนองค์แรกแห่งราชวงศ์ฉิน ที่ได้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงและเป็นผู้เริ่มสร้างกำแพงเมืองจีน หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันเลื่องชื่อ (เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกฮั่นจากทางเหนือ) กำแพงเมืองจีนหรือที่ชาวจีนเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ถือเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยมือมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่และยาวมาก จากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยครั้งล่าสุด (7 มิถุนายน 2012) กำแพงนี้ยาวถึง 21,196.18 กิโลเมตรกล่าวกันว่า จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิที่กลัวตายมาก จึงทรงเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะที่จะทำให้พระองค์มีพระชนมายุยืนยาวเป็นอมตะ ทรงเชื่อพวกหมอผีหรือผู้วิเศษที่ปรุงยาถวายเสมอๆ มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งผู้วิเศษได้ทูลพระองค์เกี่ยวกับเกาะสวรรค์ในทะเลตะวันออก ผู้ที่อาศัยในเกาะนี้ได้พบความลับของการมีชีวิตนิรันดร พระองค์จึงได้จัดส่งเรือบรรทุกของมีค่าไปยังเกาะนี้เพื่อแลกกับความลับดังกล่าว แต่ชาวเกาะเห็นว่าไม่ว่าของมีค่าใดก็แลกความลับไม่ได้ เรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ สะท้อนความคิดฝันของมนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่มมาแล้วที่ต้องการจะมีชีวิตอมตะ อยู่ยงคงกะพันไม่รู้จักตาย ไม่เว้นแม้แต่ในดินแดนปาเลสไตน์ในสมัยของพระเยซูเจ้า ดังนั้น เมื่อได้ยินพระเยซูเจ้าพูดถึงชีวิตนิรันดรพวกเขาจึงหูผึ่ง พากันหลั่งไหลไปฟังพระองค์ ชาวยิวมีความเชื่อว่ามี ชีวิตหลังความตายแต่พวกเขาไม่มีความคิดว่าชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
พระเยซูเจ้าได้เปิดเผยว่าชีวิตในโลกมิใช่จุดจบของทุกสิ่ง แต่มีอีกชีวิตหนึ่งที่ไม่มีวันจบสิ้น นั่นคือ ชีวิตนิรันดรซึ่งจะคงอยู่ตลอดไปชาวยิวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างรู้สึกแปลกใจ พวกเขาต่างวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับพระองค์จนกระทั่งพระองค์กลับคืนชีพจากความตาย พวกเขาจึงระลึกถึงพระดำรัสนี้ของพระองค์ปังทรงชีวิต ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับบรรดาศิษย์ ทำให้พวกเขาได้มีส่วนในชีวิตของพระเจ้า และลิ้มรสล่วงหน้าถึงถึงชีวิตนิรันดร เพราะทรงต้องการให้เราได้ต้อนรับพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้หล่อเลี้ยงจิตใจและวิญญาณของเรา อย่าขวยขวายอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้
      การที่เรามาชุมนุมกันในวัดทุกวันอาทิตย์เพื่อฟัง พระวาจาของพระองค์เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร และหล่อเลี้ยงชีวิตของเราด้วยพระกายของพระองค์ ปังทรงชีวิตพระองค์ทรงเป็นท่อธารนิรันดรที่ประทับท่ามกลางเราขณะนี้ในพระวาจาและศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชีวิตคริสตชนและเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและเพื่อนพี่น้องของเรา ในศีลมหาสนิททำให้เราได้มีส่วนในพันธสัญญาแห่งความรักของพระเจ้าและมีประสบการณ์โดยตรงกับพระองค์

คพ.พงษ์เกษม