พี่น้องที่รัก
พิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่
กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 ที่กรุงโรม เท่าที่ทราบมีคริสตชนคาทอลิกชาวไทย
เดินทางไปร่วมในพิธีดังกล่าวเป็นจำนวนกว่าร้อยคน
น่าชื่นชมยินดีกับพี่น้องเหล่านี้ที่มีโอกาสได้เดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศและพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่สง่างามน่าประทับใจด้วยตาตัวเอง
แต่สำหรับพี่น้องที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมพิธีดังกล่าวได้
ก็สามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดพิธีการแต่งตั้งพระคาร์ดินัลใหม่ครั้งนี้ได้ทาง
ทรูวิชั่นส์ TNN 24 โดยมีการถ่ายทอดสดสองวันตามช่วงเวลาต่อไปนี้คือ
วันเสาร์ที่ 14
กุมภาพันธ์ ถ่ายทอดสดพิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ เริ่มเวลา 15.45น. เป็นต้นไป
วันอาทิตย์ที่ 15
กุมภาพันธ์ ถ่ายทอดสดพิธีบูชาขอบพระคุณพระคาร์ดินัลใหม่ เริ่มเวลา 16.30
น. เป็นต้นไป
นอกจากนี้สำหรับท่านที่ไม่สะดวกรับชมทาง
ช่องทรูวิชั่นส์ TNN 24 ก็สามารถรับชมการถ่ายทอดสดทางเว็บไซต์
www.catholic.or.th ได้ตามวันและเวลาดังกล่าวครับ
พ่อสุพจน์
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่
6
พระเจ้าประทานรางวัลให้กับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์
ชายเจ้าของร้านขายของในเมืองเล็กแห่งหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์
อาศัยอยู่กับภรรยากับบุตรชายอีกหนึ่งคนในบ้านหลังหนึ่ง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากนัก
แต่ก็เป็นครอบครัวที่เชื่อมั่นศรัทธาในศาสนา เขาไปวัดบ่อยๆเท่าที่สามารถ
มีพระสงฆ์องค์หนึ่ง
สุขภาพไม่สู้ดีนัก เขาตกอยู่ในอาการไม่ปกติทางสมอง
เนื่องจากต้องเรียนหนักเกินกำลัง
เขาไม่สามารถแม้แต่จะปฏิบัติหน้าที่สงฆ์ได้เฉกเช่นสงฆ์ท่านอื่นๆ
คุณพ่อผู้นี้เดินทางรอนแรมไปเรื่อยๆ ไม่มีที่อาศัยแน่นอน
แต่กระนั้นท่านก็เป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน ไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับใครๆ
ชายเจ้าของร้านขายของผู้นั้นปรึกษากับภรรยาว่า
อยากจะจัดห้องพักเล็กที่ยังเหลืออยู่ภายในบ้านหลังเก่าของเขาหลังนี้ให้เป็นที่พักอาศัยของพระสงฆ์ผู้นั้น
และ จัดอาหารเลี้ยงดูท่าน พระสงฆ์ผู้นั้นน้อมรับความใจดีของครอบครัวนี้ และ
เข้ามาพักอาศัยอยู่ด้วยเป็นเวลาหลายปีกับครอบครัวนี้ ท่านเดินทางไปๆมาๆตามอัธยาศัย
ก่อนที่พระสงฆ์องค์นี้จะเสียชีวิต
ท่านหายจากอาการเจ็บป่วย และ กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง ท่านนั่งอยู่ในเตียงนอนของท่าน
อธิษฐานภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้าบ่อยๆ
เพื่อขอพระโปรดประทานพระพรอันอุดมให้กับครอบครัวที่ดียิ่งนี้ ท่านภาวนาว่า “พระเจ้าข้า
ขอพระองค์โปรดประทานพระพรมากล้นพ้นทวีให้กับครอบครัวนี้
ให้มากกว่าเป็นพันเท่ากับที่เขาได้อุปการะข้าพเจ้าซึ่งเป็นสงฆ์ของพระองค์เรื่อยมา
ทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณ” ไม่นานนักพระสงฆ์องค์นี้ก็ล่วงลับ
สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังต่อมาก็คือ
ร้านขายของร้านนี้ค่อย ๆ มีผู้คนจำนวนมากมาอุดหนุน
ทำให้ฐานะของครอบครัวนี้มีความร่ำรวยมั่งคั่งกว่าแต่ก่อน
ภายหลังบุตรชายของครอบครัวนี้ได้เป็นเศรษฐี
ส่วนสามีภรรยาเจ้าของร้านได้มีอายุยืนถึงวัยชรา
ใครก็ตามที่มีใจกว้างช่วยเหลือสนับสนุนสามเณรให้ได้รับการศึกษาจนบรรลุศักดิ์สงฆ์
จะได้รับรางวัลยิ่งใหญ่
เพราะคงไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้ดีมากไปกว่าการที่จะมอบพระสงฆ์ดี ๆ สักองค์ให้กับพระเจ้า
ไม่มีคนใดในโลกสามารถถวายพระเกียรติรุ่งโรจน์แด่พระเจ้าได้มากเท่ากับ
พระสงฆ์ที่อุทิศตนทั้งครบทำงานรับใช้พระเจ้าตลอดชีวิต.....(ยังมีต่อ)
.......................................................................................................
พี่น้องที่รัก
ทุกคนต่างแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์คือผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
"ถ้าไม่มีความเชื่อแล้วจะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ไม่ได้เลย
เพราะว่าผู้ที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ขยันหมั่นเพียรแสวงหาพระองค์" (ฮีบรู 11:6)
ความเชื่อหรือความศรัทธา อาจกล่าวได้ว่า
คือทัศนคติของความไว้วางใจในสิ่ง ๆ หนึ่งของเรา ซึ่งความไว้วางใจนี้เอง ที่สื่อไปต่อให้เรายอมที่จะให้สิ่ง
ๆ นั้นทำหน้าที่ของมัน เพื่อเรา เราทุกคนต่างมอบความเชื่อให้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราอยู่ทุกวัน
ยกตัวอย่างเช่นถ้าเรามอบความเชื่อของเราให้กับเก้าอี้สักตัวหนึ่ง
เราจึงจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นด้วยความไว้วางใจว่ามันจะทำหน้าที่ของมัน
คือให้เราได้นั่งอย่างสบาย ๆ อยู่บนตัวของมัน
สรุปก็คือเราได้นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเชื่อ เราไม่ได้นั่งอยู่บนความเชื่อด้วยเก้าอี้
ความเชื่อเป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับบางสิ่งบางอย่างไม่ว่ากับคน
สัตว์หรือสิ่งของ จากตัวอย่างข้างต้นนี้เอง
การที่เรานั่งอยู่บนเก้าอี้ก็คือเป็นเรื่องของการแสดงออกถึงความเชื่อของเรา
ความเชื่อในพระคริสต์นั้นคือสมการตัวตั้งของความไว้วางใจของเราที่มีในพระองค์
เพื่อที่เราจะยอมให้พระองค์ทรงกระทำการต่าง ๆ เพื่อเรา
และหลักฐานแห่งการมีความเชื่อของเราไม่ใช่มองเห็นได้จากสิ่งที่เรากำลังทำเพื่อถวายพระเจ้า
ทุกสิ่งจริง ๆ แล้วคือสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำให้แก่เราทั้งนั้น เมื่อความเชื่อของเรามีมาก
สิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำให้เราย่อมมีมากตามไปด้วย
ยิ่งเราได้เข้าหาและรู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้นเท่าไหร่
เรายิ่งย่อมจะไว้วางใจพระองค์มากขึ้นเท่านั้น
เราย่อมจะยิ่งได้เห็นความสัตย์ซื่อของพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
นั่นแหละคือความหมายของความเชื่อจากในจดหมายถึงโรม (10:17) ได้กล่าวไว้
ว่า"ความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็โดยการได้ยิน
และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็โดยพระวจนะของพระเจ้า"
เรารู้จักพระเจ้าผ่านจากประสบการณ์มากมายที่เรามีกับพระองค์
อย่างไรก็ตามประสบการณ์เหล่านั้นต้องไม่ใช่เรื่องที่นอกเหนือแยกออกไปจากพระวจนะของพระองค์ที่มีกล่าวไว้
เพราะเราไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เพื่อที่จะได้รู้จักพระคัมภีร์
แต่อ่านพระคัมภีร์เพื่อที่จะได้รู้จักพระเจ้า
พระเยซูทรงตำหนิชาวยิวที่เอาแต่ศึกษาข้อพระคัมภีร์ แต่ไม่แม้แต่จะก้าวเข้าสู่การรู้จักพระเจ้า
"พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์
แต่แม้พระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเรา
ท่านทั้งหลายก็ยังไม่ยอมเข้ามาหาเราเพื่อที่จะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)
พระวจนะที่ถูกเขียนขึ้นนั้นเป็นคำของพระที่มีชีวิต
และมันจะมีชีวิตก็ต่อเมื่อเรารู้จักที่จะไว้วางใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้นในชีวิตเราอย่างเต็มที่
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เติบโต
เข้มแข็งขึ้นในความเชื่อด้วยเถิด ด้วยว่าข้าพระองค์ต้องการที่จะรู้จักพระองค์อย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวันในชีวิตจริงๆ
คพ.พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น