วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่อีกแล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ อีกสองสามวันเราก็เข้าสู่ปีใหม่ 2017 กันแล้ว หลังจากสัปดาห์นี้พี่น้องหลายท่านคงเดินทางไปพักผ่อนกันกับครอบครัวบ้าง ส่วนตัวบ้าง เยี่ยมญาติบ้าง ก็ขอให้เดินทางกันโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยทุกประการนะครับ
                ภาษิตโบราณบอกว่า "สายน้ำไม่คอยท่า วันเวลาไม่คอยใคร" ฝรั่งพูดว่า "Time and tide wait for no man" มีคนเคยแปลว่า "กาลเวลา และ วารี มีแต่หนีหายไป" เมื่ออ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ คงคิดกันไปในทำนองที่ว่า เวลามีจำกัดนะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ต้องเร่งทำงาน สร้างผลงาน โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่งใช่ไหมครับ ถ้าคิดได้อย่างนี้จะช่วยกระตุ้นให้เรารู้จักใช้เวลาให้มีประโยชน์มากขึ้นครับ แต่ต้องระมัดระวังว่า อย่าเคร่งครัด จริงจังจนเกินไป จะกลายเป็นรีบเร่ง จนทำอะไรๆก็ต้องเร่งรีบไปหมด ชีวิตก็คงหาความสมดุลย์ได้ยาก
                เดี๋ยวนี้เรามีการเดินทางที่สะดวก มีพาหนะที่เอื้ออำนวยให้เราเดินทางได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ฯลฯ เราจะทำอะไรก็มีเครื่องมือช่วยให้ทำออกมาสวยงาม รวดเร็ว ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่กลายเป็นว่าแทนที่เราจะมีเวลาเหลือมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน กลับกลายเป็นว่า หลายคนบ่นว่า ไม่ค่อยจะมีเวลา สาเหตุประเด็นหนึ่งก็คือ เราทำงานมากขึ้น มีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากขึ้น ทุกอย่างเลยต้องรีบทำ รีบจัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เสร็จ จนทำให้ชีวิตติดกับอยู่กับตารางเวลามากมาย เป็นสาเหตุให้เกิดความเครียด ล้า และขาดความสงบที่น่าจะมีบ้างอย่างสมดุลย์ในการใช้ชีวิต
                วันหยุดปีใหม่นี้ ลองทำอะไรช้าๆดูบ้างก็น่าจะดีนะครับ อย่างที่เขาว่าสโลว์ไลฟ์ เย็นวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนจะไปฉลองเคาท์ดาวน์ที่ไหน ก็แวะมาวัดสวดสักหน่อย มาร่วมมิสซาเวลา 1 ทุ่ม และ แห่พระรูปนักบุญหลุยส์กันครับ เสร็จแล้วค่อยไปมีตติ้งกับพรรคพวก นับเวลาถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่
                เช้าวันที่ 1 มกราคม วันปีใหม่ตื่นแต่เช้า ค่อยๆหาอะไรใส่ท้องยามเช้าแล้วมาวัดขอพรพระเจ้ากันครับ มิสซาเวลา 9.00 . ครับ เป็นเวลาฤกษ์งามยามดี เสร็จพิธีแล้วอย่าพึ่งรีบกลับ อยู่รอการจับสลากของขวัญกันก่อนครับ เผื่อว่าโชคดีได้รับพรแล้วยังได้รูปพระสวยๆติดมือกลับไปบูชาที่บ้านอีกครับ
                ส่วนพี่น้องที่ต้องเดินทางไกลช่วงปีใหม่ก็ขอให้ปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ กลับมาพบกันอีกหลังปีใหม่ครับ ขอพระอำนวยพระพรพี่น้องทุกท่านเสมอ


คพ.สุพจน์
..................................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
ครอบครัวจำนวนมากในปัจจุบันดำเนินชีวิตภายใต้การขู่คุกคามด้วยอำนาจทางสังคมมากมาย ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทำให้หลายครอบครัวสูญเสียบ้าน เด็กๆ และผู้ใหญ่หลายคนพบความหิวโหย ขาดอาหารประทังชีวิต กลุ่มอันธพาลใช้ความรุนแรง สงคราม และเด็กผู้บริสุทธิ์ถูกลักพาตัว มูลนิธิกระจกเงาให้ข้อมูลว่าเด็กหาย เดือนละประมาณ 50 คน 25 ธ.ค. 2013 หลายประเทศมีการรายงานว่ามีการหย่าร้างเกือบร้อยละ 60   บางแห่งมีการยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันว่าถูกกฎหมาย และสื่อมวลชนบางแห่งก็ชื่นชมประโคมข่าว เด็ก ๆ จำนวนมาก สุดที่จะเดาได้ ถูกฆาตกรรม โดยการทำแท้ง แต่ถือว่าเป็นการคุมกำเนิด ผู้คนให้ความสนใจความร่ำรวยของตน หรือโครงการอาหาร หรือการทหาร ว่ามีความสำคัญมากกว่าการเอาใจใส่และการศึกษาของเด็ก ๆ
            เราจะทำลายวงจรนี้ได้อย่างไร เราจะพัฒนาครอบครัวว่าเป็นแก่นของสังคม และรากฐานความเชื่อศรัทธาได้อย่างไร พระคัมภีร์มีคำตอบให้เรา   หนังสือบุตรสิราสอนเราให้รักและให้เกียรติพ่อแม่ผู้ปกครอง และเอาใจใส่เมื่อพวกท่านแก่ชรา นักบุญเปาโลสอนคริสตชนสมัยแรก ๆ และสอนเราให้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า ทุกวันให้เราดำเนินชีวิตมีสติ จงเห็นอกเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยน และความพากเพียรอดทนแต่ละวันเราต้องพากเพียรอดทนต่อกันและกัน ให้อภัยความผิดของกัน จงรักกัน แต่ละวันหาโอกาสแสดงความกตัญญูรู้คุณ ทั้งต่อพระเจ้าและต่อผู้อื่น แต่ละวันเด็ก ๆ ลูก ๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองจงรักและให้กำลังใจลูก ๆ ของท่านด้วย
            เหมือครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า แม่พระและนักบุญโยเซฟ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะบรรลุผลได้หากเรายึดพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางในบ้านของเรา เราจะมีครอบครัวเข้มแข็ง (อบอุ่น) ได้หากยึดพระวาจาของพระคริสตเจ้าให้อาศัยอยู่ในเรา นำชีวิตประจำวันและจริยธรรมของเรา เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง อบอุ่นได้ หากยอมให้พระวาจาของพระเจ้านำชีวิต และวิถีชีวิตของเรา แม้ว่าหมายถึงการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อย่างสิ้นเชิง ต้องกล้าพูดปฏิเสธความอยุติธรรม   พี่น้องส่วนมาก เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง อบอุ่นได้ หากเราสวดภาวนาขอพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรักพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ และพระกุมารผู้ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาเสมอ
อย่าให้พ่อแม่ต้องตัดพ้อว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก แต่อย่างไรก็ตามพระเยซูซึ่งต้องทำภารกิจของพระบิดาเจ้า  ก็ยังคงนบนอบเชื่อฟังนักบุญยอแซฟและแม่พระอย่างดี ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ และพระหรรษทานต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                คริสต์มาสมาถึงแล้วทำอะไรดี?
                คำถามนี้อาจเกิดขึ้นในใจของคนมากมาย เพราะรู้สึกว่าเทศกาลสำคัญมาถึงแล้ว ถ้าเราอยากทำอะไรพิเศษ ๆ ในเทศกาลนี้เราควรทำอะไรบ้าง
                ขอเสนอแนะกิจกรรมที่เราควรทำในช่วงเทศกาลคริสต์มาสมาให้พิจารณา
                1. ฟังเพลงคริสต์มาส  เป็นเรื่องแปลกที่เพลงคริสต์มาสเป็นเพลงที่อมตะ ฟังได้ไม่รู้เบื่อ ดังนั้นเมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึง อย่าลืมเปิดเพลงคริสต์มาสฟังครับ
                2. ประดับตกแต่งบ้านให้สวยงามเป็นพิเศษในเทศกาลคริสต์มาสนี้  แขวนไฟประดับ และ ตั้งต้นคริสต์มาส เพื่อสร้างบรรยากาศคริสต์มาสภายในบ้านให้งดงาม จัดวางรูปปั้นฉากการบังเกิดของพระกุมารในที่ที่เหมาะสมและเห็นได้ชัดสำหรับทุกคนในบ้าน
                3. จัดงานชุมนุมระหว่างครอบครัว ญาติพี่น้อง และ เพื่อนบ้าน เพราะคริสต์มาสเป็นเรื่องของการพบปะกับเพื่อนฝูง สมาชิกในครอบครัว ลูกหลาน เพื่อร่วมฉลองกัน ทำให้เป็นประเพณีที่สืบทอดต่อเนื่องกันเรื่อยไปในอนาคต ในงานอาจมีการทานอาหารร่วมกัน ร้องเพลงคริสต์มาส หรือ เล่นเกมสนุก เช่นบิงโก เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่น่าจดจำ น่าประทับใจ
                4. ออกไปร่วมร้องเพลงอวยพรคริสต์มาสตามบ้าน ถ้าทางวัดจัดให้มีการร้องเพลงอวยพรคริสต์มาสตามบ้าน ให้หาโอกาสไปร่วมร้องเพลงกับกลุ่มนักร้องในโอกาสนี้ เราจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านของพี่น้องเพื่อนบ้านบ้าง เป็นโอกาสที่จะสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกันให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
                5. ดูภาพยนต์เกี่ยวกับคริสต์มาส เดี๋ยวนี้มีหนังฮอลลีวูด มากมายหลายเรื่องที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลคริสต์มาส เนื้อหาสนุกๆ ของภาพยนตร์ช่วยให้เรามีอารมณ์ร่วมกับเทศกาลนี้ได้อย่างดียิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
                6. หากิจกรรมทำบุญ หรือ แสดงความใจกว้างกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งผ่านความสุข ความใจดี ความรักให้กับเพื่อนพี่น้อง และ สร้างสันติสุขในจิตใจของเรา ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่าผู้รับ
                7. เตรียมของขวัญพิเศษไว้มอบให้กับบุคคลพิเศษ เทศกาลคริสต์มาสคือ เทศกาลแห่งการให้ ดังนั้นอย่าลืมที่จะเตรียมของขวัญพิเศษไว้มอบให้กับคนพิเศษ หรือ บุคคลใกล้ชิด เพื่อส่งมอบความปรารถนาดีให้กับกันและกัน
                8. ไปร่วมพิธีมิสซาในคืนวันคริสต์มาส ข้อนี้สำคัญที่สุด เพราะที่มาของเทศกาลคริสต์มาสนั้น อยู่ที่การลงมาบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ของชาวเรา วันคริสต์มาสจึงเป็นวันที่เราพลาดไม่ได้ที่จะไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัด
                ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เราสามารถทำได้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ ลองคิดพิจารณาดูครับ คริสต์มาสทั้งที จะอยู่เฉยๆได้อย่างไร ลองทำกันดูครับ เผื่อว่าคริสต์มาสปีนี้จะพิเศษกว่าปีอื่นๆ

คพ.สุพจน์
................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
ในการบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นเหตุการณ์ธรรมดามาก ๆ แต่ก็เป็นธรรมล้ำลึกที่พระเจ้าทำให้พระสัญญาสำเร็จเป็นจริง  2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พระศาสนจักรได้เลือกพระวาจาจากพระคัมภีร์หลากหลาย ที่ช่วยให้เราไตร่ตรองเกี่ยวกับการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จะได้ไม่หลงทางฉลองแบบวันหยุดทั่ว ๆ ไป แบบฝ่ายโลก แต่ให้ไตร่ตรองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระคริสตเจ้าผู้เป็น อิมมานูเอล พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา     บทอ่านในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเหล่านี้ให้กำลังใจ ท้าทาย และการเตือนที่น่ากลัว กล่าวถึงพระยุติธรรมและพระเมตตาของพระ ที่เรียกเราให้กลับใจมาสู่ชีวิตใหม่ พระเจ้าได้ทรงยกเมืองเล็ก ๆ ในดินแดนยูดาห์ คือ เบธเลเฮม เอฟราธาห์ ที่จะให้กำเนิดองค์พระผู้ไถ่ มาประทับอยู่ท่ามกลางมนุษย์ เพื่อประทานความสงบและสันติสุขแก่แผ่นดินโลก ตามคำของประกาศก เพื่อเชื่อมอดีตกับปัจจุบัน และสร้างอนาคตแห่งความรอดพ้น
เครื่องหมายสำคัญ หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า อิมมานูเอลแปลว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา ชีวิตของแม่พระที่ตอบรับการเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าด้วยการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นความคิด สติปัญญา กำลังความสามารถและจิตใจที่ยกถวายสิ้นแด่พระเจ้า เป็นดุจเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาชดเชยบาปพร้อมกับบุตรในครรภ์ คำทักทายของเธอจึงมีพลัง ทำให้บุตรในครรภ์ดิ้นเพื่อแสดงถึงพระพรของพระเจ้า ที่ประทับในชีวิตของแม่พระอย่างเต็มเปี่ยม หญิงสาวพรหมจารีที่มีจิตวิญญาณอุทิศตนเป็นพระมารดาของพระเมสสิยาห์ ยอมรับการวิจารณ์ กล้าหาญ และไม่คิดเห็นแก่ตัว การที่แม่พระทักทายนางเอลีซาเบธคือการให้เธอยอมรับบทบาทใหม่ ไม่ต้องกลัว ที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าน้ำใจของตนเอง
เราแต่ละคนได้ถูกเรียกให้รับบทบาทศักดิ์สิทธิ์และในธรรมล้ำลึกเช่นนี้ในฐานะต่าง ๆ  การต้องเป็นผู้ปกครองของครอบครัว    อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องยิ่งใหญ่ ซึ่งยังคงเผยแสดงต่อเนื่องจนปัจจุบัน วันนี้ บางคนเป็นนักบวช พระสงฆ์ บางคนถือโสด คนส่วนมากแต่งงานมีครอบครัว นี่คือพระกระแสเรียกสำหรับเรา ขณะที่เราเข้าใกล้ฉลองวันคริสต์มาส ให้เราถือโอกาสนี้ทบทวนชีวิตว่าเราตอบพระกระแสเรียกอย่างไร เราอาจตื่นกลัวมากมาย  หากเราเผชิญชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ   อย่างไรก็ดี โดยอาศัยความเชื่อความศรัทธาและความหวังที่พระนางมารีย์ตอบรับพระเจ้า ก็สามารถช่วยเราให้รักและรับใช้ผู้อื่น     เพื่อคนอื่นจะสามารถรู้ว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญา ที่ทรงมอบชีวิตพระบุตรเยซูคริสตเจ้า มาทำให้คำพูดของประกาศกอิสยาห์สำเร็จเป็นจริง ว่า หญิงสาวผู้หนึ่งให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกว่าอิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา”

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2015


พี่น้องที่รัก
            ทุกหนทุกแห่งในเวลานี้อยู่ในบรรยากาศคริสต์มาสกันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ห้างร้านต่างๆก็พากันตกแต่งประดับประดาสถานที่ด้วยต้นสน และไฟสว่างไสวสวยงาม สีเขียว และ สีแดง เป็นสีประจำของเทศกาลคริสต์มาส สังคมโลกเริ่มฉลองคริสต์มาสกันไปแล้ว แต่สำหรับเราคริสตชน คริสต์มาสยังมาไม่ถึง เรายังอยู่ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าในสัปดาห์ที่สามเท่านั้น ซึ่งตามปกติในเทศกาลนี้อาภรณ์ที่พระสงฆ์สวมใส่จะใช้สีม่วงเหมือนเทศกาลมหาพรต แต่สำหรับสัปดาห์นี้ มีสีพิเศษที่นำมาใช้คือ สีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความชื่นชมยินดี
            ตามธรรมเนียมโบราณ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ วัดหลายแห่งจะจัดเทียนพิเศษตั้งไว้สี่ต้น มีเทียนสีม่วงสามต้น และ เทียนสีชมพู 1 ต้น แต่ละต้นหมายถึงแต่ละสัปดาห์ก่อนถึงวันฉลองคริสต์มาส โดยที่สัปดาห์ที่ 3 ของเทศกาลนี้จะจุดเทียนสีชมพู ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 5 แล้ว โดยมีกำเนิดมาจากชาวเยอรมัน ที่จัดเตรียมพวงดอกไม้สีเขียวและแสงสว่าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความหวังในท่ามกลางความขมุกขมัวของบรรยากาศในเดือนธันวาคมซึ่งอยู่ในฤดูหนาว ต่อมาคริสตชนชาวเยอรมันจึงนำธรรมเนียมนี้มาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความหวังสำหรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าในโอกาสคริสต์มาส และค่อยๆได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก
            มีคนเคยพยายามให้ความหมายถึงสัญลักษณ์ของพุ่มไม้ที่มีเทียนสี่ต้นนี้ว่า หมายถึงช่วงเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าครั้งแรก ก่อนที่พระองค์จะบังเกิดมาในโลก แต่ละสัปดาห์หมายถึงช่วงเวลา หนึ่งพันปี นับตั้งแต่สมัยอาดัมและเอวา จวบมาจนถึงสมัยของการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เทียนสีม่วงมีความหมายถึง การสวดภาวนา การพลีกรรม  การเสียสละ และการประกอบคุณงามความดี ที่ได้ทำระหว่างเทศกาลนี้ ในขณะที่เรารอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์อีกด้วย
            อีกความหมายหนึ่งก็เข้าท่า เขาบอกว่า พุ่มไม้สีเขียวที่มีเทียนสี่ต้นนี้ เทียนแต่ละต้นมีความหมายแตกต่างกันไป ต้นแรกหมายถึง ความหวัง ต้นที่สองหมายถึงสันติสุข ต้นที่สามหมายถึงความชื่นชมยินดี และ ต้นที่สี่หมายถึงความรัก
            เทียนสีชมพู มีความหมายถึงความชื่นชมยินดี ซึ่งจะจุดให้ลุกสว่างในอาทิตย์สัปดาห์ที่สามในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งเป็นอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดีตามบทสดุดีที่ว่า "จงชื่นชมยินดีในองค์พระเจ้า ขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด" ความยินดีนี้บังเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการใช้โทษบาป ซึ่งแน่นอนยังมีเทียนสีม่วงอีกเล่มหนึ่งที่รอคอยการจุดให้สว่างไสวอยู่ในขณะที่เราเข้าใกล้วันคริสต์มาสไปทุกที
            ในเมื่อเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านั้น มีต้นแบบมาจากเทศกาลมหาพรต ดังนั้น อาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Gaudete Sunday) จึงมีความหมายเดียวกันกับ อาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรตนั่นเอง นอกจากนี้นับแต่โบราณ พระสันตะปาปาเคยนำดอกกุหลาบสีชมพูมาแจกให้กับสัตบุรุษในวันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรต ธรรมเนียมนี้ได้รับการปฏิบัติสืบต่อกันมา ทีละเล็กทีละน้อย จากธรรมเนียมการแจกดอกกุหลาบสีชมพูของพระสันตะปาปา บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ก็เริ่มต้นสวมอาภรณ์สีชมพูในวันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี(Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรตอีกด้วย ผลที่ติดตามมาก็คือ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าก็มีที่สำหรับ เทียนสีชมพู และ อาภรณ์พระสงฆ์สีชมพูไปด้วย
            แม้ว่าความเป็นมาของธรรมเนียมนี้จะมีที่มาที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่ได้กล่าวมา แต่สีชมพูของเทียนต้นที่สาม และ อาภรณ์พระสงฆ์นั้นก็เตือนใจเราว่า เวลาที่สำคัญกำลังมาถึง ขณะนี้จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะพระผู้ไถ่กำลังจะเสด็จมาแล้ว

คพ.สุพจน์
............................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
สัปดาห์ที่ 3 นี้เป็นอาทิตย์ชื่นชมยินดี เพราะพระคริสตเจ้าอยู่ใกล้แล้ว เราอยู่ใกล้วันฉลองพระคริสตสมภพมากกว่าคริสต์มาสครั้งแรก เรารู้สึกด้วยว่าใกล้การเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ดังที่เราได้ไตร่ตรองตลอดเทศกาลศักดิ์สิทธิ์นี้เกี่ยวกับวาระสุดท้าย และการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในสิริรุ่งโรจน์ฐานะกษัตริย์ของเรา   ในอาทิตย์สีกุหลาบ เทียนคริสต์มาสหรีดจุดสีชมพูเล่มที่ 3 เราอธิษฐานขอให้มีประชาชนมากยิ่ง ๆ ขึ้น จะมองดูชีวิตและสังคม โลก รอบตัว โดยอาศัยเลนส์ แว่นตา แห่งความเชื่อสีกุหลาบ ช่วยให้พวกเขาสามารถเห็นพระสิริรุ่งโรจน์รอบตัวเราทุกคน
ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อย่าท้อแท้ จะไม่มีเหตุร้ายที่จะต้องกลัวอีกต่อไป เพราะอานุภาพของพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอด จงยินดีเถิด จงฟื้นฟูความรักในชีวิตของเจ้า จงเปล่งเสียงร้องด้วยความชื่นชมยินดีเถิด ประกาศกอิสยาห์ผู้ได้เกิดก่อนพระเยซูเจ้ามากกว่า 700 ปี ได้พยายามนำความปีติยินดีสู่ชาวอิสราเอล ระหว่างช่วงเวลาเมื่อพวกเขารู้สึกมีคุณค่ามีเหตุน่าชื่นชมยินดีเล็กน้อย ระหว่างการเนรเทศไปอัสซีเรีย อิสยาห์ได้เทศน์ให้กำลังใจและการฟื้นฟูว่าพวกเขาจะกลับสู่มาตุภูมิ กลับบ้าน และบูรณะพระวิหาร อิสยาห์กล่าวว่า จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย ดูซิพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมา เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นท่านพูดกับประชาชนที่เคยมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า คิดว่าพระองค์ละทิ้งพวกเขาให้เป็นทาสและได้รับความทุกข์น่าสงสาร ความเชื่อในการรอคอย คำว่า พากเพียรรอ Patient ภาษาอังกฤษมาจากคำภาษาละตินที่หมายถึง ความทุกข์ (Suffering)   พี่น้องเคยมีประสบการณ์รอใครมาที่บ้านอย่างกระวนกระวายใจ ที่การรอนั้นเกือบเป็นทุกข์ไหม นั้นแหละคือ พากเพียรรอ แบบที่เราควรรอพระคริสตเจ้าเสด็จมา ให้เรารอด้วยการภาวนาและทำกิจการดีที่เราทำ เพื่อเราจะได้สัมผัสความยินดีเหมือนอย่างที่เรารอคนนั้นที่เรารักมาถึง นักบุญเปาโลเชิญชวนเราให้มีใจอ่อนโยนและอย่ากระวนกระวายใจให้มาก อาศัยการวิงวอนขอพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเรา หมั่นอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นขอบพระคุณแล้วสันติสุขของพระเจ้าก็จะสถิตในท่าน พระเจ้าจะทรงคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่าน
    ชีวิตที่ต้องแบ่งปันและรับใช้ด้วยความถ่อมตนและสุภาพ มิใช่การขู่กรรโชก กล่าวคำเท็จ จงดำเนินชีวิตด้วยพระจิตเจ้า อย่ามัวแต่ปล่อยให้ชีวิตฟอนเฟะตามกระแสโลกีย์ หันใจของท่านมาหาพระเจ้าผู้ทรงเมตตารักที่จะทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านด้วยคำสอนแห่งชีวิต ฟื้นฟูชีวิตของท่านให้มีแต่ความชื่นชมยินดีและสันติสุขในพระอาณาจักรของพระองค์

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี พสกนิกรชาวไทยต่างมีความยินดีเพราะเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของพี่น้องชาวไทยทุกคน แล้ว เรายังมีความยินดีเป็นพิเศษอีกประการ คือวันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติอีกด้วย ดังนั้นเราจะรำลึกถึงพระคุณของพ่อของทุก ๆ คนในวันนี้เป็นพิเศษ
            แน่นอนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ย่อมมีบทบาทพิเศษในครอบครัว นอกเหนือจากการเป็นผู้นำครอบครัวแล้ว ยังมีหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวให้ทุกคนมีอาหารรับประทาน มีการศึกษาที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต และ ที่สำคัญที่สุดคือมีความเป็นผู้มีคุณธรรมประจำจิตใจ ในพจนานุกรมมีกล่าวถึงความหมายของ ลูก หลาน เหลน โหลน หรือ ทายาทสืบสายโลหิต คือ ผู้สืบสันดาน ฟังดูแล้วการให้ความหมายตามพจนานุกรมนั้น มันชัดเจนและเข้าถึงก้นบึ้งของหัวใจดีเหลือเกิน โดยรวมแล้ว พ่อจึงมีบทบาทสำคัญในการวางแบบอย่างของความประพฤติ หรือ สันดาน ตามความหมายของพจนานุกรมนั้น ให้กับทายาททางสายโลหิตที่จะเจริญรอยตามนั่นเอง
            ดังนี้ถ้าพ่อดี ลูกก็น่าจะมีสันดานที่ดีตาม ในทางตรงข้าม ถ้าลูกมีสันดานไม่ดี ก็คงต้องมองย้อนกลับไปว่าแล้วผู้วางแบบอย่างความประพฤติที่เป็นพ่อนั้นเป็นคนอย่างไร คงเข้าทำนองตามภาษิตที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น นั่นเอง ถ้าจะประยุกต์ไปถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ที่เป็นหลักในครอบครัวก็คงไม่พ้นผู้เป็นแม่ด้วยเหมือนกัน เพราะมีภาษิตที่กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันว่า ดูช้าง ให้ดูที่หาง ดูนาง ให้ดูที่แม่
            พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้กล่าวถึง บุคคลหนึ่งที่มีบุคลิกโดดเด่นเป็นพิเศษในพระวรสารคือ ท่านยอห์นแบปติสต์ ท่านเป็นประกาศกของพระเจ้าที่ออกมาเทศน์เตือนใจชาวยิวให้เตรียมตัวต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ ด้วยบุคลิกพิเศษของท่านที่เป็นคนสมถะ กินง่ายอยู่ง่าย นิยมสันโดษ แต่มีมโนธรรมเที่ยงตรง ซื่อตรงต่อกรอบชีวิตที่ท่านเลือก ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในสมัยของท่าน สิ่งที่ท่านพูด ท่านเตือนสอน ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนเปิดใจน้อมรับไปปฏิบัติ หรืออย่างน้อยก็ไม่ปล่อยตนถลำลึกไปกว่าเก่า สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นก็คือว่า ท่านยอห์นแบปติสต์ เป็นบุตรของ เศคาริยาห์ และ นางเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นญาติของพระนางมารีย์ ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเป็นมาของชีวิตของท่านยอห์นแบปติสต์ ทำให้เราได้มองเห็นถึงบุคคลสำคัญสองคนซึ่งเป็นบิดาและมารดาของท่านยอห์นแบปติสต์คือ เศคาริยาห์ และ นางเอลิซาเบธ ทั้งสองท่านนี้ได้เป็นผู้อบรมสั่งสอน ปลูกฝังความเชื่อ และให้แบบอย่างที่ดีกับยอห์นแบปติสต์ในวัยเด็ก ซึ่งแน่นอนว่าวิถีชีวิตและแบบอย่างที่ดีงามย่อมส่งผลถึงชีวิตของ ลูก หรือ ผู้สืบสันดาน ในทางที่ดีเป็นแน่แท้ จนทำให้ท่านยอห์นแบปติสต์ เป็นประกาศกที่ได้รับการเอ่ยปากชมเชยจากพระเยซูเจ้าด้วยพระองค์เอง และ เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากต่อการแนะนำพระเยซูเจ้าให้กับประชาชนชาวยิว โดยเฉพาะศิษย์ของท่านได้รู้จักองค์พระผู้ไถ่
            วันนี้จึงอยากสรุปว่า พ่อแม่ ไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อการเลี้ยงดูปากท้องของลูกๆเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตที่อยู่ในกรอบของศีลธรรมที่ถูกต้องอีกด้วย รวมถึงการปลูกฝังความเชื่อให้กับลูกและเป็นผู้นำในการปฏิบัติศาสนกิจให้กับลูกๆได้สืบทอดมรดกแห่งความดีนี้ในตัวเขาสืบไปอีกด้วย

คพ.สุพจน์
.......................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
สิ่งที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ดังที่อาดัม เอวา บิดามารดาเดิมของเรา  ตัวเราด้วย ต้องต่อสู้ในชีวิตของเราเอง กับความตรึงเครียดระหว่างการแบ่งปันความฝันของพระเจ้า กับการทำตามทางของเรา นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องฟังเสียงของนักบุญยอห์นบัปติสต์ อีกครั้งหนึ่ง ดังที่พระวรสารเตือนใจเราให้ เตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพื่อจะทำสิ่งนี้ เราต้องมีประสบการณ์แรก คือ การเปลี่ยนใจ พูดอีกแบบหนึ่ง คือ จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว ฟังเสียงร้องที่เตือนชีวิตที่โลดโผนทโมน กระโดกกระเดก ไม่อยู่ในร่องในรอย ให้เป็นชีวิตที่เรียบร้อย ชีวิตที่ขรุขระด้วยบาปหรือใจที่คดเคี้ยว ให้เป็นใจที่เที่ยงตรง
พระเจ้าทรงรักโลกมากเกินไปจนยอมให้เราทำบาป แยกตัวออกจากพระองค์และออกจากกันและกัน   พระเจ้าได้ทรงผลิกฟื้นฟูโลกและฟื้นฟูมนุษย์ ให้กลับมีสภาพแบบต้นกำเนิดที่เป็นหนึ่งเดียวกันและมีศักดิ์ศรี จึงได้ทรงส่งพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ของเรา เป็นความฝันที่ไม่มีวันตาย ไม่สิ้นสุด เมื่อพระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์หาพระบิดา หลังจากทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ ชีวิตก็ยังคงมีต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะพระเจ้าทรงฝันต่อ โดยให้เรารับผิดชอบไปสู่ทางแห่งพระอาณาจักรของพระองค์ วันนี้พระองค์เชื้อเชิญเราให้ถอดเสื้อไว้ทุกข์ออก สวมใส่ความชอบธรรมและสันติที่มาจากพระเจ้า รู้จักยำเกรงพระเจ้า เพราะยำเกรงพระเจ้าทอแสงแห่งความรุ่งโรจน์มายังเราทุกคน แผ่เงาความยินดีและความรักมั่นคงของพระเจ้าปกคลุมชีวิตของเรา
ไม่ว่าพี่น้องจะฝันอะไร   เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นช่วงเวลาระลึกถึงความฝันของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติด้วย ดังที่เราเตรียมฉลองวันเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า ฐานะพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ เราจึงคิดถึงเหตุผลของเทศกาลนี้ว่าเราเป็นเหตุผลที่พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรแต่องค์เดียวมารับสภาพมนุษย์ และประทับอยู่ท่ามกลางเรา ตราบที่พระเจ้าทรงรักและฝันให้มีโลก เรามนุษย์ก็ขายฝันของพระเจ้ามายึดฝันของเราเอง และเราได้ไปตามทางของตน ลืมภาพลักษณ์และความเหมือนพระเจ้าซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างทำลายผลแห่งความบริบูรณ์เสียสิ้น จึงต้องเป็นเทศกาลแห่งการภาวนา ตื่นเฝ้าและร่วมกิจการดีในการเป็นบุตรพระเจ้า เพราะไม่มีสิ่งใดที่งดงามเท่ากับวิญญาณของเราที่สะอาดเตรียมพร้อมให้เป็นที่ประทับขององค์พระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่ในตัวเราด้วยการไตร่ตรอง (Attending)  วิถีการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์และกระแสเรียกของตน (Discerning)    ตั้งวิสัยทัศน์ใหม่ในชีวิต (Vision) ทำสิ่งที่เราต้องทำ ตามที่เราต้องการให้สำเร็จ (Engaging)ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลที่อยู่รอบข้าง ที่พระเจ้าทรงประทานให้เราแบ่งปันก้าวเดินในชีวิต หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการภาวนา และรับศีลศักดิ์สิทธิ์บ่อย ๆ (Nurturing) ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ประทานพระพรแก่เรามากมายด้วยความกตัญญูรู้คุณ (Thanking)     
                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
                ความขัดแย้งในระดับนานาชาติก่อตัวขึ้นอีกคำรบ สงครามและความรุนแรง เกิดขึ้นอีกครั้ง ตามที่เราทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในซีเรียคราวนี้กำลังมีแนวโน้มที่จะขยายวงออกไปสู่ความขัดแย้งของชาติอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนถือหางของคู่ขัดแย้งเดิม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังพร้อมจะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น พร้อมจะก่อตัวลุกเป็นกองเพลิงอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออารมณ์ความโกรธแค้นเข้าครอบงำ จิตใจของมนุษย์ก็ถูกความมืดมนเข้าปกคลุม การตัดสินใจจะกระทำการใดๆไม่ได้อยู่บนหลักเหตุผลอีกต่อไป แต่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของการอยากตอบโต้ให้สาสมกับความคับแค้นที่สะสมอยู่ภายในจิตใจ
            โลกของเราผ่านประสบการณ์การทำสงครามมามากเพียงพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 1 และ สงครามโลกครั้งที่2 นับเป็นเหตุการณ์เลวร้าย ที่มนุษย์ประหัตประหารทำร้ายกันที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว เราไม่ต้องการสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือ ครั้งต่อๆไปอีก
            พระเยซูเจ้าทรงสอนบัญญัติเอกให้กับศิษย์ของพระองค์ "ท่านจงรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน" พระเยซูไม่เคยสอนให้ศิษย์ของพระองค์มีความประสงค์ร้ายต่อกัน พระองค์ไม่เคยสอนให้ศิษย์ของพระองค์ โต้ตอบความรุนแรง ด้วยความรุนแรง พระองค์เคยสอนว่า "จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย" ด้วยคำสอนเช่นนี้แหละที่ทำให้พระศาสนจักรคาทอลิกมีมรณะสักขีมากมาย  "เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา" (ยน. 13:34-35)
            เวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ความรุนแรงย่อมระงับได้ด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ หรือ จะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความขัดแย้งย่อมระงับได้ด้วยความรักนั่นเอง
            เราเริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เหลือเวลาอีกไม่นานนัก การฉลองคริสต์มาสก็จะมาถึงแล้ว เราจะได้มีโอกาสเฉลิมฉลอง การบังเกิดของ พระกุมารเยซู ผู้นำความรักของพระเจ้ามาสู่โลกของเราอีกครั้ง เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า ความรักที่พระองค์สอนเราเท่านั้นคือแนวทางแห่งการดำรงชีวิตอย่างมีสันติสุขกับทุกคน ถ้าทุกคนรักกัน ไม่มีความจำเป็นใดๆเลยที่เราจะต้องคิดค้นอาวุธยุทโธปกรณ์ใดๆ มาทำลายล้างกันอีกต่อไป เพราะความรักคือแนวทางเดียวที่จะทำให้โลกมีสันติสุข
            อยากไว้อาลัยให้กับความรักที่จางหายไปจากหัวใจของผู้คนในสังคม ตราบใดที่ความรักไม่ปรากฏตัวชัดเจนในหัวใจของผู้คน ความรุนแรงและความเกลียดชังก็ปรากฏชัดขึ้นมาทันที แล้วเราจะยอมให้เป็นไปเช่นนั้นหรือ

คพ.สุพจน์
...................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ ก็แค่อีกวันที่ต้องเรียนรู้

อาจจะเป็นบทหนึ่งในชีวิต
คิดไปทำไม คิดแล้ววุ่นวายหัวใจเปล่าๆ
คนเรามันมีต่างชนิดติดใจทำไม
คิดแล้ววุ่นวายหัวใจเปล่าๆ
#พี่โจ้วงPAUSEร้องไว้

ถ้าอยู่คนเดียว
อยากจะคิด อยากจะรู้สึก อยากจะทำอะไรตามใจ ก็คงได้
แต่เพราะเรายังต้องอยู่กับคนอื่น
อะไรอะไรที่อยากจะคิด อยากจะรู้สึก อยากจะทำ
เลยอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

บางทีที่พระลงมาเกิดอาจเพื่อสอนเราว่าต้องรู้จักใจเขา ใจเรา
อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรก็คิดแบบเขา รู้สึกแบบเขา
ไม่ใช่คิดแบบเรา รู้สึกแบบเรา เพราะเราไม่ได้ยิ่งใหญ่พอที่จะรู้ทุกสิ่ง

ขนาดพระยังมารับสภาพมนุษย์แบบเรา
เพื่อมีความเข้าใจแบบเรา_คิด_รับรู้_และรู้สึกแบบเรา
เพื่อเข้าใจความเข้มแข็ง และความอ่อนแอแบบเรา

ถ้าพระองค์ประสงค์ความสมบูรณ์แบบ
คงสร้างเราออกมาเหมือนเหมือนกัน
คงสร้างเราออกมาดีพร้อมเหมือนกัน

แต่ที่เราไม่สมบูรณ์คงเพื่อให้เราแสวงหาความสมบูรณ์ในพระองค์ไม่ใช่ในตัวเอง

ไม่ใช่ในแบบที่เราคิด แต่แบบที่พระคิด
ไม่ใช่ในแบบที่เรารู้สึก แต่แบบที่พระรู้สึก
ไม่ใช่ความต้องการของเราแต่พระประสงค์ของพระเจ้า

ถ้าเราเข้าใจในความอ่อนแอที่เรามีเราก็ควรเข้าใจในความอ่อนแอที่คนอื่นมีด้วย

#เราไม่ได้อยู่เพื่อให้ใครพอใจแต่ควรอยู่เพื่อให้ชีวิตเป็นที่พอพระทัย
#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :Shutter  Lover

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            วันเวลาผ่านไปรวดเร็ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปฏิทินปีพิธีกรรมซึ่งนำเราคริสตชนมาสู่การฉลองสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลององค์พระผู้ไถ่ของชาวเราที่ทรงครองราชย์ เหนือดวงใจทุกดวงของผู้ที่เชื่อมั่นในองค์พระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าการเป็นกษัตริย์ของพระองค์นั้นไม่ใช่การครองราชย์ในแบบของโลกอย่างที่คนทั่ว ๆไปเขาคิดกัน แต่พระองค์เป็นกษัตริย์ฝ่ายจิตใจ ทรงครองราชย์ในหัวใจของผู้คน เพราะการครองราชย์ในวันเวลาของโลกนั้นเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน แต่การครองราชย์ของพระองค์นั้นเลยโพ้นไปจากข้อจำกัดของโลกและธรรมชาติ พระองค์คือกษัตริย์ที่จะปกครองจิตใจเราเสมอไป พระองค์ตรัสว่า "อาณาจักรของเราไม่ใช่อาณาจักรของโลกนี้...ที่ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้น ถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา"
            นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่วัดของเรามีการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกของนักเรียนชายจากโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมจำนวน 24 คน เขาเหล่านั้นคือลูกแกะที่อยู่ในความคุ้มครองของนายชุมพาบาลใหญ่ของเราคือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า เยาวชนน้อยๆเหล่านี้กำลังเติบโตขึ้นในวิถีทางแห่งความเชื่อเยี่ยงคริสตชน เขาได้เปิดหัวใจดวงน้อยๆที่บริสุทธิ์ของเขาให้กับพระเยซูได้เข้ามาครองจิตใจของเขาแล้ว ให้เราช่วยกันดูแลปกป้อง พิทักษ์รักษาให้ดวงใจน้อยๆที่บริสุทธิ์เหล่านี้ได้มีพระเจ้าทรงครองในจิตใจของเขาเสมอไปด้วยเถิด
            อีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึงคงไม่พ้นไปจาก การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ความรุนแรงได้ก่อตัวขึ้น เพื่อสร้างให้เกิดความเกลียดชัง นำความหวาดผวามาสู่สังคมโลก เมื่อมนุษย์ตกอยู่ในความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ก็จะนำมาซึ่งการใช้ความรุนแรงตอบโต้กันเรื่อยไป และที่สุดความสันติสุขก็จะจางหายไปในสังคมโลกของเรา เหลือไว้แต่ความหวาดกลัว ความทุกข์ยาก ความเคียดแค้นชิงชัง และ การล้างแค้นเอาคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสอนไว้ พระองค์สอนให้เรารักกันและกัน พระองค์สอนให้เรามอบสิ่งที่ดีให้กับกันและกัน พระองค์สอนให้เรายับยั้งชั่งใจ และไม่ตอบโต้กันด้วยความรุนแรง พระองค์ตรัสว่า "อย่าตอบโต้คนชั่ว ถ้ามีใครที่ตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย" (มธ.5:40) และเหนือสิ่งอื่นใดพระองค์สอนเราให้อภัยกับผู้อื่นแม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรูของเรา พระองค์ตรัสว่า "จงรักศัตรู และ ภาวนาให้กับผู้ที่เบียดเบียนท่าน" (มธ.5:43) ภาษิตไทยกล่าวว่า เวรย่อมระงับได้โดยไม่จองเวร ดังนั้นสันติสุขจะเกิดได้ในแนวทางแห่งความรักเท่านั้น
            พระเยซูเจ้าทรงสอนเรื่องความรักเป็นบัญญัติเอกของเราคริสตชน ดังนั้นพระองค์จึงเป็นผู้นำพาสันติสุขที่แท้จริงมาสู่ชีวิตของเราอย่างแน่นอน ขอให้เราทุกคนเปิดใจต้อนรับพระองค์มาเป็นกษัตริย์ในจิตใจของเราอย่างแท้จริงเถิด ให้พระองค์มาปกครอง พิทักษ์รักษา บำบัดเยียวยา และนำพาชีวิตของเราให้ผ่านหนทางในโลกนี้ไปสู่สันติสุขที่เที่ยงแท้ในความเป็นนิรันดรกับพระองค์ด้วยเถิด

คพ.สุพจน์

......................................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : ความจริง เป็นเหมือนรอยสัก

บางที  ความจริง เป็นเหมือนรอยสัก
รอยสัก  เจ็บปวด  แต่งดงาม
(เพลงปรากฎการณ์ : อาพารต์เม้นท์คุณป้า)

ความจริง  บางทีอาจเจ็บปวด
แต่อย่างน้อย  มันก็ไม่เคยโกหก

ใครหลอก  ใครลวงเรา เราเจ็บ
แต่คงไม่เจ็บเท่า  เราลวง  เราหลอก  ตนเอง

คำพระวันนี้บอก  ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา

เราอยากอยู่ฝ่ายความจริง
แต่บางที  เราไม่ยอมรับความจริง

เราชอบหลอกตัวเองว่า  ที่เราทำนั้นถูกต้อง  เหมาะสม  และเป็นของจริง
ทั้งที่แท้จริงแล้ว  หลายครั้ง  หลายหน  หลายที  เราก็รู้ว่า  เราหลอกตนเองอยู่

เราไม่กล้าเผชิญกับความจริง  เพราะเรากลัวเจ็บ  กลัวการไม่ยอมรับ  กลัวอ่อนแอ
ความจริงที่ว่า  เราอ่อนแอและเป็นคนบาป  เราล้มเหลวในการติดตามพระ
เราไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไร  เราพยายามแล้วแต่ก็สะดุดล้มแบบซ้ำซ้ำซากซาก

เราจึงหลอกตัวเองอยู่เรื่อยไป  ด้วยคำว่า  ไม่เป็นไร” 
เราพลาดแล้วพลาดอีก  ย่ำอยู่กับที่  และไม่คิดจะแก้ไขอะไรจริงจัง
ที่สุด  เราจมดิ่งลงลึกอยู่ในคำโกหกชกลมของตัวเอง  ที่จะทำให้มีความสุข 
#สุขชั่วขณะหนึ่ง  แต่ไม่ถาวร

แล้วก็ไม่มีอะไรในชีวิตเปลี่ยนแปลง  แล้วก็หมดไปอีกปี
แล้วก็โกหกต่อไปว่า เราจะเริ่มต้นใหม่”  แล้วก็ไม่เริ่มอะไร แล้วก็โกหกตัวเองต่อไป

ถือเป็นความจำเป็นของทุกชีวิต  ที่จะต้องเผชิญกับความจริงของชีวิต
ที่บางที  เจ็บปวด  แต่เชื่อเถอะ  มันงดงาม
มากกว่านั้น  มันจะพาเราไปพบกับสุขแท้ถาวร  และความรอดนิรันดรในพระองค์

#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :SHUTTER  LOVER

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์รองสุดท้ายของปีพิธีกรรมแล้ว พระคัมภีร์ในพิธีกรรมสัปดาห์นี้เชิญชวนสมาชิกพระศาสนจักรให้หันมาพิจารณาเป็นพิเศษเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาสิ้นยุค หรือ ความตายของเรามนุษย์ และ ชีวิตหลังความตาย การพิพากษา การได้รับรางวัล หรือ การลงโทษ พระคัมภีร์สอนเราว่า วันเวลาของโลกนี้จะผ่านพ้นไป เมื่อถึงเวลาสุดท้ายนั้นพระเจ้าจะทรงสถาปนาสิ่งใหม่ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
            ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านไป พ่อได้รับเชิญไปโปรดศีลล้างบาปให้กับผู้ป่วยชายสูงอายุผู้หนึ่ง เขามีภรรยาเป็นคาทอลิก เขาป่วยหนักถึงขนาดต้องได้รับการรักษาพยาบาลในห้องไอซียู ตัวเขาเองไม่ได้เป็นคาทอลิก กำลังป่วยหนัก สมาชิกในครอบครัวทุกคนเป็นคาทอลิกอยากให้เขาผู้ป่วยผู้นี้ซึ่งเป็นบิดาของครอบครัวได้มาเป็นหนึ่งเดียวในความเชื่อในพระเจ้าเดียวกัน  เผื่อว่าวันหนึ่งที่ป๊าเป็นอะไรไป จะได้สามารถทำบุญกุศลอุทิศให้กับป๊าได้ พ่อจึงขอให้ลูกๆได้สอบถามกับผู้ป่วยผู้นี้ว่าถ้าป๊าประสงค์ที่จะมาเป็นคาทอลิกจริงๆ พ่อจะไปโปรดศีลล้างบาปให้ ลูกๆก็สอบถามบิดาของเขาว่าพร้อมจริงไหมที่จะมาเป็นคริสตชน ผู้ป่วยยินดีน้อมรับการเข้ามาเป็นลูกของพระเจ้า วันรุ่งขึ้นพ่อจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาล พบกับผู้ป่วยผู้นี้ และแจ้งจุดประสงค์ว่าพ่อมาตามความประสงค์ของผู้ป่วยที่ต้องการจะเข้ามาเป็นคาทอลิก และพ่อจะโปรดศีลล้างบาปให้ และเขาจะได้เป็นลูกของพระเจ้าโดยสมบูรณ์ เขาจะได้รับการล้างมลทินบาปในชีวิตของเขาจนสะอาดบริสุทธิ์ เขาจะมีส่วนได้รับมรดกซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับลูกของพระเจ้าทุกคนนั่นคือสวรรค์นิรันดร ตลอดเวลาของการประกอบพิธี ผู้ป่วยผู้นี้พนมมือด้วยความตั้งใจ แม้ว่าเสียงของเขาจะแหบแห้ง แต่พ่อก็จับความได้ว่าเขามีความสุขใจที่เขาได้ตัดสินใจมาเป็นหนึ่งเดียวกับครอบครัวโดยสมบูรณ์ เข้ามาเป็นลูกของพระเจ้าในที่สุด พ่อได้แต่ภาวนาขอให้ผู้ป่วยผู้นี้หายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ว และหวังว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือ พระเจ้าทรงจัดการให้ครอบครัวนี้มีพบกับความสันติสุขในใจแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความทุกข์ใจ กังวลใจ เพราะสมาชิกของครอบครัวต้องล้มป่วยลง ความสุขใจของครอบครัวนี้คือ การที่ทุกคนได้มาเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์พระเจ้า และคาดหวังว่าสักวันหนึ่งทุกคนโดยไม่เว้นใครเลยจะมาพบกันอีกในชีวิตหน้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา
            พระเจ้าทรงมีหนทางของพระองค์ที่จะสอนใจเราให้เข้าใจว่า วันเวลาในโลกนี้ของเราเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่เราแต่ละคนจะมีโอกาสเรียนรู้จักพระองค์ และ ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ ดังนั้นขอให้พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้สอนใจเราให้รู้ถึงสัจธรรมที่ว่า ชีวิตของเราในโลกนี้จะผ่านพ้นไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราทุกคนสมควรที่จะแสวงหาและไขว่คว้ามาครอบครองให้ได้คือ ชีวิตนิรันดรในสวรรค์

คพ.สุพจน์
........................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : มีวันของเวลา มีเวลาของวัน

เราอยากรู้หลายสิ่ง
เราอยากรู้หลายอย่าง
เราค้น  เราคว้า  เราหาความหมาย
เราทำความเข้าใจ  เราไขปริศนา
ของหลายสิ่ง  ของหลายอย่าง

เราเพียรจะรู้ทุกสิ่ง  เราเพียรจะรู้ทุกอย่าง
แต่แล้วเราล้วนรู้ว่า
สิ่งที่เราอยาก  สิ่งที่เราเพียร
ด้วยสมอง  เราหาได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่

เราจำกัดด้วยเวลาและสถานที่
#SPACEandTIME


เรารู้ของจำกัดนี้  แต่เรายังอยาก  เรายังเพียร
มนุษย์เอย  มนุษย์น้อย  ไยไม่รับรู้ความเป็นตัวของเจ้า

คำพระวันนี้บอก  เรื่องของวันและเวลา  เป็นเรื่องของพระเจ้า
ไม่มีใครรู้  แม้บรรดาทูตสวรรค์  หรือแม้แต่พระบุตร

เราอยากรู้หลายสิ่ง
เราอยากรู้หลายอย่าง

บางอย่างยังประโยชน์  ควรรู้
บางอย่างไร้ประโยชน์  ไยจึงอยากใคร่รู้

รู้แต่ควรรู้  รู้แต่จำต้องรู้  รู้แต่สิ่งที่ยังให้มีชีวิต จึงยังประโยชน์กว่า
บางอย่างรู้แล้ว  แต่ไม่ทำ ละการปฏิบัติ  รู้อย่างนี้  ไม่รู้ยังประโยชน์กว่า

ที่รู้ควรรู้ กลับไม่รู้ -ที่ไม่ควรรู้  ดันอยากรู้
เฮ้อ!!  นี่หนอคือมนุษย์

#ไม่ร้อนนอนแอร์



เรื่องและภาพ :SHUTTER  LOVER