วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2014

พี่น้องที่รัก
                อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สมโภชนักบุญเปโตร และ เปาโลอัครสาวก ผู้เป็นผู้นำของพระศาสนจักรในยุคแรกและประดุจเสาหลักของพระศาสนจักร ท่านนักบุญทั้งสองได้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางรากฐานและเผยแผ่พระศาสนจักรในยุคแรก วันนี้พระศาสนจักรทั่วโลกจึงรำลึกถึงพระสันตะปาปาสืบทอดอำนาจหน้าที่ของนักบุญเปโตร ในการปกครอง ดูแล สั่งสอน และคอยนำพระศาสนจักรไปสู่หนทางแห่งความรอดพ้นสำหรับมวลมนุษย์  ในวันนี้พระศาสนจักรทั่วโลกจึงร่วมใจกันรวบรวมเงินบริจาคที่เรียกว่า St.Peter's Pence เพื่อพระสันตะปาปาจะนำไปทำประโยชน์สำหรับส่วนรวมตามพระประสงค์ของพระองค์

คุณพ่อสุพจน์
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
นักบุญหลุยส์ และ พิธีบูชาขอบพระคุณ
                กษัตริย์หลุยส์แห่งประเทศฝรั่งเศส อาจถือได้ว่าท่านเป็นกษัตริย์ที่น่ายกย่องที่สุดที่ปกครองประเทศฝรั่งเศส ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง หลายครั้งท่านอุทิศเวลาในการร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณถึงวันละสองหรือสามครั้งทุกวัน
                ชาวเมืองบางคนถึงกับถามว่า ท่านเรียกเก็บภาษีตัวท่านเองด้วยการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณมากเกินไปหรือเปล่า กษัตริย์หลุยส์ให้คำตอบว่า "ถ้าฉันใช้เวลาหมดไปกับการมุ่งแสวงหาความสนุกสนานเพลิดเพลิน เจริญใจ ด้วยการชักชวนเพื่อนมางานจัดเลี้ยงหรูหรา ราคาแพง หรือ ใช้เวลาวันละหลายๆชั่วโมงในท้องพระโรงเพื่อชมการแสดงละครทุกวัน หรือไปร่วมแต่งานสังสรรค์ เพื่อความสนุกสนาน พวกท่านก็คงไม่มีใครเอ่ยปาก ว่าฉันใช้เวลาสิ้นเปลืองไปกับการแสวงหาความสนุกสนานใส่ตัวเอง แต่ท่านคงลืมไปว่า ด้วยการไปร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณนั้น นอกเหนือไปจากพระพรมากมายที่เราจะได้รับอันจะทำให้ชีวิตวิญญาณของเราปลอดภัยแล้ว ฉันยังสามารถที่จะวอนขอพระเจ้าเพื่อสิ่งที่จำเป็นและดีที่สุดสำหรับอาณาจักรของฉันได้อีก ซึ่งดีกว่าจะไปทำโดยวิธีอื่น"
                คำตอบของนักบุญหลุยส์ข้างต้น น่าจะสื่อความไปถึงผู้คนอีกหลายพัน หลายหมื่นคน ที่ใจเย็นเฉย ละเลย ไม่สนใจที่จะไปร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณประจำวัน ทั้งที่เขาสามารถทำได้แต่ก็เฉยเมยเสีย
                การไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณประจำวัน มีคุณค่าอย่างสูงส่งสำหรับทุกคน เพราะเขาจะได้รับพระพร และ ผลดีมากมายต่อชีวิตของเขา เพราะไม่ใช่เรื่องของการเสียเวลา แต่พระเจ้าจะตอบแทนเขา ให้เขามั่งคั่ง และ ให้เขาบรรลุถึงขีดขั้นแห่งความสุขสันติ ที่เขาเองคาดไม่ถึงว่าจะได้รับ (ต่อคราวหน้า)
................................................................................................................

พี่น้องที่รัก
ขอร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อเปโตรสุพจน์ เจ้าอาวาส บรรดาคุณพ่อทั้งหลาย ที่มีศาสนนามนักบุญเปโตร และเปาโลทุกๆท่าน ท่านทั้งสองได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโร (ค.ศ. 54-68) เปโตรถูกตรึงกางเขนเอาหัวลงในปี ค.ศ. 64 บนเนินวาติกันอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรในปัจจุบัน ส่วนเปาโล ในฐานะพลเมืองโรมัน ถูกตัดศีรษะด้วยดาบประมาณปี ค.ศ. 67 บนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม ที่กลายเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมืองในปัจจุบัน นักบุญเอากุสตินกล่าวไว้ในบทเทศน์ของท่านว่า “อัครสาวกทั้งสองมีวันฉลองวันเดียวกัน เพราะว่าท่านทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะพลีชีพเป็นมรณสักขีคนละวันก็ตาม”  ดังนั้นพระศาสนจักรจึงเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกัน ในฐานะที่เป็น “ศิลารากฐาน” ของพระศาสนจักร ซึ่งท่านทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความเชื่อถึงพระคริสตเจ้าสืบต่อมา อีกทั้งยังสอนหลักความจริงของพระคริสตเจ้า และสละชีวิตของตนเป็นพยานยืนยันความจริงนั้นด้วย ซีโมนแม้จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอาชีพ แต่ก็ยังอ่อนแอ พลาดพลั้ง ท้อถอย ปฏิเสธพระเยซูเจ้าถึง 3 ครั้ง เคยหนีจากกรุงโรม จนได้พบกับพระเยซูเจ้า พระองค์จึงถามว่า “Quo vadis? “ ท่านกำลังจะไปไหน เปโตรสำนึกได้ แล้วกลับไปกรุงโรม ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ร้อนรนที่จะเป็นพยานถึงองค์พระเยซูด้วยการพลีชีพอย่างพระองค์
ท่านเซาโล เกิดที่เมืองทาร์ซัส ในแคว้นซิเลียเซีย อยู่ในตระกูลเบนยามิน เป็นฟาริสีชั้นแนวหน้าในการตามล่าศิษย์ของพระเยซู ท่านคิดว่าจะต้องกำจัดพวกมิจฉาทิฐิให้หมดสิ้นไป แต่เมื่อพระองค์ได้สำแดงองค์แก่ท่าน ท่านได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บรรดาคริสตชนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ได้กลับใจรับศีลล้างจากอานาเนีย และกลายเป็นอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ ท่านเดินทางออกไปประกาศข่าวดีกับบาร์นาบัส ข่าวดีแพร่สะพัดตลอดการเดินทางแพร่ธรรมทั้งสามครั้ง ได้ประกาศพระนามของพระเยซูแก่ทั้งยิวและต่างศาสนา ได้ตั้งกลุ่มคริสตชนในเมืองต่างๆทำให้ท่านเป็น “อัครสาวกของคนต่างศาสนา” เป็นเครื่องมือนำพระนามของพระเยซูไปประกาศทั่วทุกแห่งหน แก่คนต่างศาสนา (กจ.9:15)  ขอขอบคุณท่านทั้งสองที่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อที่ได้หว่านลงในใจของพวกเรา ในวันรับศีลล้างบาป และโปรดบำรุงรักษาความเชื่อนี้ให้มั่นคงต่อๆไป

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น