วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2014

พี่น้องที่รัก
                เทศกาลปัสกาเพิ่งจะผ่านพ้นไปพร้อมกับวันสมโภชพระจิตเจ้า สัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของเทศกาลปัสกาก็คือ เทียนปัสกาซึ่งเราได้จุดเทียนปัสกานี้เรื่อยมาตั้งแต่ค่ำคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีตื่นเฝ้ารอคอยการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าที่ทรงพิชิตความตายมีชีวิตใหม่ เราใช้เทียนปัสกาเป็นสัญลักษณ์ของความสว่างและชีวิตใหม่ที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้กับเราตลอดช่วงเวลาแห่งการสมโภชปัสกาเป็นเวลา 50 วันจนถึงวันสมโภชพระจิตเจ้า เมื่อจบสิ้นเทศกาลปัสกาแล้ว เทียนปัสกาจะได้รับการเก็บรักษาไว้ในสถานที่เหมาะสม และจะนำเทียนปัสกานี้ออกมาจุดในพิธีสำคัญๆเช่น พิธีโปรดศีลล้างบาป เพื่อนำสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่นี้มาเป็นเครื่องเตือนใจคริสตชนว่า เด็กหรือผู้ใหญ่ที่เข้าสู่พิธีศีลล้างบาปนั้นจะได้รับชีวิตใหม่โดยทางองค์พระเยซูคริสตเจ้านั่นเอง อีกพิธีหนึ่งที่เราจะนำเทียนปัสกามาจุดด้วยก็คือ พิธีบูชาขอบพระคุณปลงศพผู้ล่วงลับ ทั้งนี้เพื่อให้เทียนปัสกาเป็นสัญลักษณ์ถึงการผ่านข้ามจากชีวิตในโลกไปสู่ชีวิตนิรันดรอันสว่างสุกใสรุ่งเรืองที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมเอาไว้ให้กับผู้ที่มีความเชื่อศรัทธาในพระองค์และได้พยายามดำเนินชีวิตยึดมั่นในพระธรรมคำสอนของพระองค์อย่างสุดกำลังความสามารถในโลกนี้นั่นเอง
            พ่อขอถือโอกาสชี้แจงเรื่องการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณของคริสตชนโดยเฉพาะการมาร่วมพิธีในวันอาทิตย์สักหน่อย ตามที่เราทราบว่าการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ของพี่น้องคริสตชนคาทอลิกนั้นเป็นหน้าที่ของคาทอลิกทุกคน ที่วัดของเราก็มีสัตบุรุษมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นภาพกลุ่มคริสตชนร่วมใจกันมาสวดภาวนา ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ฟังพระวาจาของพระองค์ และ นมัสการถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างสมเกียรติ สิ่งหนึ่งที่พ่ออยากให้ข้อสังเกตก็คือ การมาร่วมพิธีอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนนั้นเป็นสิ่งที่เราทุกคนพึงกระทำด้วยความความตั้งใจ พ่อหมายถึงการมาร่วมพิธีให้ทันเวลา และ ร่วมจิตร่วมใจในพิธีจนพิธีจบสิ้น ครบสมบูรณ์ หลายครั้งความเร่งรีบจนเกินไปก็เป็นสาเหตุให้เวลาที่เราจัดให้กับพระเจ้านั้นขาดความเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปเหมือนกัน พระเจ้าประทานเวลาให้กับเราวันละ 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 วัน เราจะอุทิศเวลาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้กับพระองค์ในการร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณจนจบสมบูรณ์ซึ่งใช้เวลาประมาณเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆเท่านั้น คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปใช่ไหมครับ
คุณพ่อสุพจน์
............................................................................................
พี่น้องที่รัก
วันนี้เรามาสมโภชพระตรีเอกภาพ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในองค์พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นองค์ศักดิ์สิทธิ์ครบครัน ปราศจากการเจือปนจากสิ่งภายนอก ทั้งไม่จำกัดอยู่ในผู้สร้างและสิ่งสร้าง หากแต่ประกอบด้วยอานุภาพสมบูรณ์ ที่จะสร้างสรรค์ และใช้พลังพระธรรมชาติของพระองค์ มั่นคงอยู่ได้เอง ไม่แบ่งแยกพลัง และกิจกรรมของพระองค์ เพราะรวมเป็นหนึ่ง เหตุว่าพระบิดาทรงสร้างสรรค์ทุกสิ่งโดยทางพระวจนาตถ์ในพระจิตเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นความจริงที่คงอยู่เสมอไป ดังนั้นพระศาสนจักรจึงประกาศพระเจ้าหนึ่งเดียวผู้ทรงเป็นอยู่ ฐานะที่ทรงเป็นพระบิดา องค์ปฐมเหตุหรือต้นกำเนิด “ทางสรรพสิ่ง” หมายความว่า “ทางพระวจนาตถ์” และที่สุดในทุกสิ่ง “คือองค์พระจิตเจ้า”  สิ่งแรกที่บิดามารดาสอนลูกเกี่ยวกับศาสนาคือการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน และสิ่งสุดท้ายที่พระสงฆ์ทำบนหลุมฝังศพของเราคือ การทำสำคัญกางเขนเหนือร่างของเรา ชีวิตของเราคริสตชนซึ่งถูกประทับตราไว้ “ในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระจิต” เราได้ยินบ่อยๆในพระคัมภีร์ว่า พระบิดาในฐานะผู้ให้กำเนิดทุกชีวิตที่ทรงสร้างโลก การส่งพระบุตรองค์พระวจนาตถ์ที่เสด็จลงมาช่วยเราให้รอด ลงมารับสภาพบาป ทรงรับทุกข์ทรมาน สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนชีพ การส่งพระจิตเจ้ามาประทับอยู่กับเราเสมอไป เพื่อการเกิดใหม่ของเราจากน้ำและโดยพระจิตเจ้า ทำให้ชีวิตของเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ สัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างบุคคลในความรู้ที่ไม่อาจจะใช้ภาษามนุษย์ใดๆมาบรรยายได้ เป็นความรู้สึก และการรู้จักพระเจ้าในแบบซึ่งที่สุดจะทำให้มนุษย์เต็มอิ่มใน “ความมั่งคั่ง ปรีชาญาณและความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าที่ล้ำลึกสุดคณา คำตัดสินของพระองค์ช่างเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เป็นทางที่ไม่อาจล่วงรู้ได้” (รม. 11:33)ดังคำกล่าววอลแตร์ที่ว่า “ใครคนหนึ่งสามารถรับรู้ถึงความมีอยู่ของพระเจ้า หากเขาเปิดตาของเขา” เราสามารถได้ยินเสียงของพระเจ้าและรับรู้ถึงการประทับอยู่ของพระองค์ หากเราเปิดตา เปิดหู เปิดใจของเราฟังเสียงของพระองค์ คนส่วนใหญ่มักได้ยินเสียงที่เขาคุ้นเคย หรืออาจจะเพิกเฉยต่อเสียงที่เขาไม่อาจเข้าใจ จึงไม่พบพระองค์ เรามาสมโภชพระตรีเอกภาพ ธรรมล้ำลึกเรื่องพระบิดา พระบุตร และพระจิต ซึ่งเป็นความเชื่อพื้นฐานสำคัญของคริสตชนที่พระเยซูทรงเปิดเผยให้เราทราบว่า พระเจ้ามิใช่ใครอื่นที่อยู่ห่างไกล แต่เป็นเหมือนพ่อ Abba ที่ใจดี ซึ่งรักและให้อภัยเราเสมอ ดังคำอุปมาเรื่อง “บิดาผู้ใจดี” แน่นอนสิ่งแรกที่บิดามารดาสอนลูกคือการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน ทำตลอดชีวิต ทำให้ความเชื่อของพวกเขาศักดิ์สิทธิ์ ทำด้วยความศรัทธา เชื่อมั่นในพระเจ้าเที่ยงแท้ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพระในชีวิต ไม่มีสิ่งใดในโลกจะเปรียบกับพระเจ้าได้เลย เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และเป็นที่หนึ่งในชีวิต ชีวิตจึงมีแต่ความเชื่อ ความวางใจ และความรัก ความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่เรามีต่อกันและกัน และเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เครื่องหมายสุดท้ายที่พระสงฆ์ทำบนร่างของเรา เพื่อยืนยันว่า ตลอดชีวิตเราถูกตราไว้ในพระนามของพระตรีเอกภาพ “พระบิดา พระบุตร และพระจิต” จะได้ไปสู้อ้อมอกของพระบิดานิรันดร์

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น