พี่น้องที่รัก
วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ใบลาน
ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันฉลองเทศกาลสงกรานต์พอดี
การเฉลิมฉลองทางพิธีกรรมในวันนี้เป็นวันที่เราระลึกถึงการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าของพระเยซูเจ้า
ก่อนที่พระองค์จะทรงรับทนทรมานแบกกางเขนและถูกตรึงตายบนไม้กางเขนถวายองค์เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าเพื่อไถ่บาปของมวลมนุษย์ให้ได้รับความรอดพ้น
นอกจากนี้วันนี้ยังเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
เพราะในช่วงสัปดาห์นี้เป็นช่วงสำคัญแห่งการระลึกถึงการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายของพระเยซูซึ่งเราจะกระทำพิธีฉลองนี้ในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์
และ เราจะระลึกถึงการถูกพิพากษาประหารชีวิตด้วยการตรึงบนไม้กางเขนของพระเยซูในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
และที่สุดเราสมโภชการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์
และวันอาทิตย์ถัดไปก็เป็นวันสมโภชปัสกา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า
ถ้าปราศจากกางเขน ศาสนาคริสต์คงไม่ถือกำเนิดขึ้น ถ้าปราศจากกางเขน
มลทินบาปในชีวิตของเราคงไม่ได้รับการชำระล้าง
กางเขนนั้นไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องประดับบนพระแท่น
แต่กางเขนคือธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้าที่ทรงแบกรับเอาบาปของเรามนุษย์ไว้ พระสันตะปาปาตรัสอีกว่า เรามนุษย์ไม่สามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากมลทินบาปได้
คริสตศาสนาไม่ใช่สารบบทางความคิดแบบปรัชญา ไม่ใช่ระบบทางการศึกษา
เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอด หรือ เป็นช่องทางในการสร้างสันติสุข
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลตามมาภายหลังเท่านั้น
แต่ศาสนาคริสต์เป็นเรื่องราวของบุคคลที่ถูกยกขึ้นบนไม้กางเขน บุคคลที่ยอมสละละตนเองจนถึงที่สุดเพื่อช่วยเรามนุษย์ให้รอดพ้นจากมลทินของบาป
เป็นเรื่องของพระเจ้าที่มารับสภาพมนุษย์ที่ต้องอยู่ในข้อจำกัดของธรรมชาติที่ต้องเสื่อมสลายไปที่ถูกยกขึ้น
เราจะไม่มีทางเข้าใจศาสนาคริสต์ได้อย่างลึกซึ้งถ้าไม่เข้าใจเรื่องของความนอบน้อมถ่อมตนอย่างถึงที่สุดขององค์พระบุตรของพระเจ้าผู้ยอมรับสภาพอันต่ำต้อยยอมรับความตาย
โดยเฉพาะความตายบนไม้กางเขนเพื่อที่จะช่วยเราให้รอดพ้น
และนี่แหละคือที่มาของคำสอนของนักบุญเปาโลที่ว่า แท้ที่จริงแล้ว
เรามนุษย์ไม่มีอะไรจะโอ้อวดได้ นอกจากบาปทั้งมวลของเรา และนี่แหละสิ่งที่น่าสงสารของเรา
แต่โดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้า
เราคริสตชนจึงได้รับความชื่นชมยินดีผ่านทางองค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน
เพราะโดยผ่านทางบาดแผลของพระองค์ มลทินบาปของเราได้รับการชำระล้างจนหมดสิ้น
พี่น้องที่รัก
ให้เราเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความตั้งใจที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตของเรา
โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูเป็นแรงบันดาลใจ ความยากลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้น
จะไม่ใช่อุปสรรคที่บั่นทอนกำลังใจของเราอีกต่อไป
แต่จะเป็นพลังเสริมช่วยให้เราแน่วแน่ในการครองตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรอบข้างต่อไปโดยไม่ย่อท้อ
คุณพ่อสุพจน์
................................................................................................................................................
วันอาทิตย์ใบลาน
ในวันนี้
คริสตชนฉลองพระมหาทรมาน (อาทิตย์ใบลาน) พระคริสตเจ้า “ได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์
เพื่อรับทนทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ” (พิธีแห่)
การเข้าอย่างผู้ชนะที่เราทำการฉลองในตอนต้นของอาทิตย์พระมหาทรมานเน้นว่า
องค์ประกอบสามประการ คือพระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์
และการกลับคืนพระชนม์ชีพรวมเป็นความจริงเดียว
การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าไม่ใช่เป็นความพ่ายแพ้แต่เป็นชัยชนะ
นักบุญอันดรูว์
แห่งครีต ได้กล่าวถึงวันอาทิตย์ใบลานไว้อย่างน่าจับใจว่า:
“เราจงออกไปต้อนรับพระคริสตเจ้าพร้อมกัน บนภูเขามะกอก
วันนี้พระองค์เสด็จจากเบธานี ด้วยพระทัยอิสระของพระองค์
ดำเนินไปรับพระทรมานศักดิ์สิทธิ์
เพื่อให้ธรรมล้ำลึกแห่งความรอดของเราสำเร็จบริบูรณ์ พระองค์ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์
เพื่อฉุดเราออกจากขุมบาป และยกขึ้นมากับพระองค์ ตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “เหนือความยิ่งใหญ่ อำนาจและฤทธิ์เดชทั้งหลาย
และเหนือนามทั้งหลายที่อาจตั้งขึ้น”
พระองค์เสด็จมาด้วยพระทัยอิสระของพระองค์ สู่นครเยรูซาเล็ม
พระองค์เสด็จมาโดยปราศจากความหรูหราและการแสดงตัวให้เด่น
ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีกล่าวว่า “พระองค์จะไม่ทรงโต้เถียง
ไม่ส่งเสียให้ได้ยินตามทาง” พระองค์จะเป็นคนอื่นโยน
และสุภาพและเสด็จเข้ามาอย่างเรียบๆ
พวกเราจงรีบไปต้อนรับพระองค์เหมือนพระองค์ทรงรีบมารับการทรมาน
จงเอาอย่างประชาชนที่ได้มาต้อนรับพระองค์เมื่อครั้งกระโน้น
แต่ไม่ใช่โดยการเอาเสื้อผ้ากิ่งมะกอกหรือใบลานปูตามทางที่พระองค์เสด็จ
แต่โดยพยายามดำเนินชีวิตอย่างที่พระองค์ทรงปรารถนา โดยวิธีนี้แหละเราจะสามารถต้อนรับพระวจนาตถ์เมื่อพระองค์เสด็จมา
พระเจ้าที่ไม่มีขอบเขตใดสามารถบรรจุพระองค์ พระองค์จะสถิตอยู่ในตัวเรา
ด้วยความสุภาพถ่อมตัว พระคริสตเจ้าได้เสด็จมายังถิ่นที่มืดมนของโลกที่ตกต่ำ
พระองค์ทรงมีความยินดีที่ได้กลับเป็นผู้สุภาพถ่อมตน เพราะเห็นแก่เรา ทรงมีความยินดีที่ได้เสด็จมาเจริญชีวิตอยู่ท่ามกลางเรา
มีส่วนในธรรมชาติของเรา เพื่อจะยกเราขึ้นไปหาพระองค์
แม้ว่าพระองค์ได้เสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว แน่นอนที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า
พระองค์ทรงมีอำนาจและเป็นพระเจ้า
แต่ความรักของพระองค์ต่อมนุษย์ไม่หยุดยั้งจนกว่าจะได้ยกธรรมชาติของเราที่ผูกพันอยู่กับโลกให้สูงเกียรติขึ้นเป็นลำดับ
จนกว่าจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในสรวงสวรรค์
เราจะปูแทบพระบาทของพระองค์
ไม่ใช่เสื้อผ้าหรือกิ่งมะกอกที่ไม่มีชีวิตที่น่าดูอยู่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็เหี่ยวแห้ง
แต่เอาตัวของเราเองที่สวมใส่พระหรรษทาน หรือที่ถูกต้องคือ สวมใส่พระองค์ทั้งครบ
เราที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้าแล้ว
ต้องใช้ตัวเองเป็นเสื้อผ้าปูแทบพระบาทของพระองค์
บัดนี้ความสกปรกของบาปได้รับการชำระล้างแล้ว ด้วยน้ำ นำความรอดของศีลล้างบาป
และเราได้กลับขาวสะอาดเหมือนขนแกะ ฉะนั้น เราจะนำอะไรมาถวายแด่พระองค์
ผู้ทรงพิชิตความตาย ใบลานเท่านั้นหรือ?
จงถวายสิ่งที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับชัยชนะของพระองค์เถิด
คือนำวิญญาณของเราไปต้อนรับแทนกิ่งไม้ ให้เราร่วมร้องเพลงกับเด็กที่อกมาต้อนรับว่า
“สาธุการแด่ผู้มาในพระนามของพระเจ้า
สาธุการแด่กษัตริย์ของอิสราเอล” (บทเทศน์ของนักบุญอันดรูว์
แห่งครีต)
จาก
www.catholic.or.th โดย itbkk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น