วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม 2014

พี่น้องที่รัก
                วันฉลองคริสต์มาสที่ผ่านไปเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมา ช่างเป็นวันที่น่าชื่นใจจริงๆ เพราะในรอบหนึ่งปี เรามีโอกาสนี้เพียงโอกาสเดียวที่จะได้แสดงออกถึงความรักและการแบ่งปัน อย่างที่พระเจ้าทรงสอนเรา ออกมาเป็นกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม ผู้คนมากมายที่ได้มาร่วมงานรื่นเริงในช่วงหัวค่ำ ผ่านทางกิจกรรมการละเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมสนุกสนาน ที่เรียกเสียงหัวเราะ พร้อมการลุ้นรางวัลจากการเอาชนะความท้าทายที่เกมแต่ละเกมตั้งเงื่อนไขไว้ การจับสลากสอยดาว ที่มีรางวัลน้อยใหญ่มอบให้เป็นของขวัญ และ การบิงโกที่สร้างสรรค์บรรยากาศของความสุขสมถ้าเกิดลุ้นแล้วเป็นไปตามเป้าประสงค์ สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเพียงบรรยากาศภายนอก ส่วนที่สำคัญคือ การที่เราได้มาร่วมกันในคำภาวนาในพิธีบูชาขอบพระคุณเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของการมาบังเกิดของพระเยซูกุมาร ที่นำความสว่างมาสู่โลกของเรา เพื่อนำพาเราไปสู่ความรอดพ้นที่พระเจ้าประทานให้กับเรา
                ขอพระกุมารเยซูที่มาบังเกิดโปรดประทานพระพรอันอุดมบริบูรณ์ให้กับพี่น้องทุกท่าน ขอพระองค์ประทานแสงสว่าง การคุ้มครองพิทักษ์รักษา และ พระพรแห่งความบรรเทาใจเราในความทุกข์ยากต่างๆ ขอให้ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้เป็นปีแห่งความก้าวหน้า ความเจริญ และ ความสุขอันยั่งยืนสำหรับพี่น้องทุกๆท่าน

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
จงอย่าละเลยในการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเลย

                ข้อบัญญัติของพระศาสนจักรที่กำหนดให้คาทอลิกทุกคนไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์และวันฉลองบังคับนั้นเป็นข้อบัญญัติที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นผู้ที่ขาดการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์โดยไม่มีเหตุผลที่สมควรจึงเป็นบาปหนัก ซึ่งผู้ที่ขาดการมาร่วมพิธีในวันอาทิตย์นอกจากจะไม่ได้รับพระพรหลายประการที่สำคัญแล้ว ถ้าเขามีจิตใจเย็นเฉยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นี้ติดต่อกันเป็นเวลานานแล้ว เขายังอาจถูกพระเจ้าลงโทษอย่างหนักเสียด้วย
                ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง
                เรื่องที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่งใกล้ๆกับกรุงโรม นักธุรกิจสามคนเดินทางไปชมงานแสดงสินค้าที่เมืองซิสแตร์โน เมื่อได้ตกลงเจรจาธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว นักธุรกิจสองคนเตรียมตัวจะเดินทางกลับบ้านในเช้าวันอาทิตย์ ส่วนอีกคนท้วงว่าอย่าทำเช่นนั้นเลยเพราะเขาทั้งสองจะพลาดโอกาสไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในเช้าวันอาทิตย์ สองคนนั้นหัวเราะคำทักท้วงของเพื่อนคนนี้ พร้อมกับกล่าวว่าไม่เป็นไรหรอกวันหลังค่อยไปร่วมพิธีก็ได้ แล้วเขาก็ออกเดินทางไป ส่วนเพื่อนอีกคนที่เหลือตัดสินใจจะไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเสียก่อนแล้วค่อยเดินทางตามไปทีหลัง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขามาทราบภายหลังด้วยความเสียใจว่า เพื่อนของเขาสองคนนั้นต้องเสียชีวิตลงในอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง..........(ยังมีต่อ)
                    ....................................................................................................................

พี่น้องที่รัก
สัปดาห์สุดท้ายของปีพระศาสนจักรให้เราฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ที่ประกอบด้วยพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญยอแซฟ ในวันนี้ให้เราได้มอบถวายครอบครัวของเราและสมาชิกทุกคนในครอบครัวและหมู่คณะ บนพระแท่นบูชาเพื่อขอพระพรจากครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ฉลองนี้เตือนใจเราถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรสากล แต่ละครอบครัวได้รับการเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เริ่มแรกของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม การหนีไปประเทศอียิปต์ การหายไปของพระเยซูเจ้าขณะไปนมัสการที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม บทอ่านและการฉลองในวันนี้พูดถึงครอบครัวในฐานะที่เป็นของประทานจากพระเจ้า เป็นแผนการของพระเจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลก ที่ไม่ทรงประสงค์ให้มนุษย์อยู่โดยลำพัง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นครอบครัว อีกทั้งตั้งใจให้บุตรของพระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัว ในสภาพที่เหมือนเราทุกอย่างเว้นแต่บาป พระเยซูเจ้าจึงได้เสด็จมาในโลกที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงบังเกิดมาในครอบครัวที่มีแม่พระและนักบุญยอแซฟที่นาซาเร็ธ เป็นการระลึกถึงชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้าซึ่งดำเนินชีวิตในความรัก ความเห็นอกเห็นใจ และเคารพซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความยินดี ความรับผิดชอบและการร่วมทุกข์ร่วมสุขในครอบครัว พระศาสนจักรจึงยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย นอกนั้น การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ยังเรียกเราให้มุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว และวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับเรา ครอบครัวของเราแต่ละคน และเรียกร้องเราให้เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้าเหมือนยอแซฟ ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นบุคคลที่มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟังและพร้อมจะเผชิญความยากลำบากทุกอย่าง เพื่อปกป้องพระกุมารและแม่พระให้ได้รับความปลอดภัย จึงได้ชื่อว่าเป็น ผู้ชอบธรรมที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ขณะที่แม่พระเป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัวและมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ บิดา-มารดาต้องเป็นครูคนแรกที่สอนลูกให้มีความรู้และรู้จักพระเจ้าเป็นประการสำคัญที่สุด ต้องมีความรับผิดชอบในการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรของตน และต้องทำให้ครอบครัวของตนเป็น ครอบครัวดี เป็นคนดี สร้างสังคมดี

คพ.พงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2014

   พี่น้องที่รัก
                งานฉลองคริสต์มาสมาอยู่เบื้องหน้าเราแล้วครับ คริสต์มาสคือการฉลองการมาบังเกิดของพระเยซู ซึ่งนำความสุข ความชื่นชมยินดีมาสู่ชีวิตของเราทุกคนอย่างแท้จริง เราสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความสุขนี้รอบ ๆ ตัวเราได้จริง ๆ จากเสียงเพลงของเทศกาลคริสต์มาสที่บรรเลงขับกล่อมจิตใจของผู้คนทั่วโลกให้บังเกิดความชื่นชมยินดี  จากของขวัญ เกม การละเล่น การตกแต่งบ้าน ประดับประดาสถานที่ด้วยแสงไฟประดับประดา ระยิบระยับ ซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ สิ่งต่างๆเหล่านี้ คือ เครื่องหมายภายนอกที่สื่อให้เห็น บรรยากาศแห่งความสุขนั้นปรากฏอยู่รอบๆตัวเรา
                สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คงจะไม่มีหรือเกิดขึ้นได้อย่างที่เราเห็น ถ้าพระเยซูไม่ลงมาบังเกิดเมื่อสองพันปีก่อน การมาบังเกิดของพระองค์จึงนำความสุขความชื่นชมยินดีมาสู่โลกอย่างแท้จริง

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
พิธีบูชาขอบพระคุณช่วยให้เราสิ้นใจในศีลในพรของพระเจ้า
                เป็นบุญยิ่งนักสำหรับชีวิตของเรา ถ้าเราได้สิ้นชีวิตจากโลกนี้ไปอย่างศักดิ์สิทธิ์และมีความสุข จะมีประโยชน์อะไรจากการที่เรามีอายุที่ยืนยาว ได้เพลิดเพลินเจริญใจกับความสะดวกสบาย เท่าที่เกียรติยศ  และความมั่งคั่งของโลกปรนเปรอให้กับชีวิตเราได้ แต่กลับไม่ได้สิ้นใจตายในศีลในพรของพระเจ้า ความตายเช่นนี้เป็นความตายที่ไม่มีความสุข เพราะหมายความถึงชีวิตจบลงด้วย ความทุกข์โศก และ การถูกสาปแช่งตลอดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
                มนุษย์เราตายได้เพียงครั้งเดียว แต่ถ้าเราตายไม่ดี ถือเป็นความผิดพลาดที่เราไม่มีโอกาสแก้ไขได้อีกแล้ว เพราะการตายไม่ดีนั้นจะนำมนุษย์เราไปยังไฟนรกที่ไม่รู้จักดับตลอดไป
                ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องพยายามอย่างที่สุด ในทุกวิถีทาง เพื่อเราจะบรรลุถึงบั้นปลายชีวิตที่เราจะได้ตายดี ในศีลในพรของพระเจ้า
                ผู้เขียนหนังสือศรัทธาหลายคนให้คำแนะนำหลายๆวิธีที่จะช่วยเราให้บรรลุถึงความรอดพ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเราทุกคนควรพยายามอย่างยิ่งยวดตามแนวทางเหล่านั้น แต่ทุกคนมีความเห็นร่วมกันว่า หนทางที่ดีที่สุด และ ง่ายที่สุดคือ การไปร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณให้บ่อยที่สุด
                นักบุญ Mechtilde ได้รับการยืนยันจากพระเยซูเจ้าที่ประจักษ์มากับเธอว่า พระองค์จะบรรเทา และ ปลอบโยน ทุกคนที่มาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณด้วยความศรัทธา และ พระองค์จะส่งนักบุญจำนวนมากมาเพื่อช่วยเราในยามที่ความตายมาถึงเรา
                มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งมีนามว่า Penellas เป็นคนมีความเชื่อความศรัทธาเป็นอย่างมาก เขามั่นใจว่าพิธีบูชาขอบพระคุณมีคุณประโยชน์ต่อเรามนุษย์มากมาย เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเสมอ ๆ เท่าที่สามารถ ต่อมาชายผู้นี้ป่วยและสิ้นใจในสันติสุขในศีลในพรของพระเจ้า คุณพ่อเจ้าอาวาสรู้สึกเศร้าใจมากที่วัดแห่งนั้นต้องสูญเสียสมาชิกผู้เป็นแบบอย่างดีคนนี้ไป ท่านจึงถวายประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณอุทิศให้กับวิญญาณของเขาเสมอ ๆ วันหนึ่งคุณพ่อเจ้าอาวาสผู้นี้ต้องประหลาดใจเป็นอันมาก ที่ได้รับนิมิตว่าชายผู้นี้ปรากฏมาพร้อมกับรัศมีเจิดจ้า เพื่อขอบคุณคุณพ่อที่มีจิตเมตตาคิดถึงเขาอยู่เสมอ เขายังบอกว่าตัวเขานั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับคำภาวนาอุทิศให้แล้ว เนื่องด้วยผลบุญของการมาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณบ่อย ๆ นั้นส่งผลให้เขาได้รับความสุขในสวรรค์นิรันดรแล้ว
                มงซิยอร์ Nautier พระสังฆราชแห่ง เบรสเลา ท่านเป็นผู้ที่ขยันขันแข็งในการงาน และมีความรับผิดชอบสูง  ท่านไม่ละโอกาสที่จะปรากฏอยู่ในพิธีบูชาขอบพระคุณในอาสนวิหารบ่อยครั้งเท่าที่โอกาสอำนวย ในวาระสุดท้ายของชีวิตของท่าน วิญญาณของท่านถูกยกขึ้นสู่สวรรค์ แวดล้อมด้วยหมู่เหล่าเทวดาที่คอยขับประสานบทเพลงไพเราะเพื่อสรรเสริญสดุดีด้วยความชื่นชมยินดี
                คริสตชนที่ดีทุกคน จึงควรที่จะเจริญรอยตามแนวทางของแบบอย่างชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวข้างต้น และวิงวอนองค์พระเจ้าในทุกครั้งที่มาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณโปรดประทานพระพรแห่งการสิ้นใจอย่างศักดิ์สิทธิ์ ในศีลในพรของพระเจ้า และ พ้นจากการชำระมลทินบาปในไฟชำระ   (ยังมีต่อ)
..................................................................................................................................

พี่น้องที่รัก
เราได้สร้างที่ประทับอะไรให้พระเจ้าของเรา จะไม่มีใครรบกวนท่าน ไม่มีคนชั่วคอยข่มเหงท่านแต่ท่านจะมั่นคงและดำรงอยู่ตลอดไป คําสอนของพระสันตะปาปา ฟรังซิสเกี่ยวกับแม่พระ
            1. หาเวลาเงียบๆในช่วงคริสต์มาสเพื่อฟังเสียงของพระเจ้าบ้าง สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ ทรงย้ำเทศกาลคริสต์มาสคือช่วงเวลารื่นเริงที่มีเสียงอึกทึกครึกโครมมาก มันจึงเป็นการดีที่เราจะเตรียมตัวรับเสด็จ นี่แหละคือท่วงทํานองของภาษาของพระเจ้า ซึ่งเราทุกคนต้องเตรียมตัวฟังเสียงนี้อย่างดี การจะฟังเสียงของพระเจ้านั้น โดยปกติแล้ว คริสต์มาสจะเป็นเทศกาลวันหยุดที่เสียงดังวุ่นวายมาก ดังนั้น จึงเป็นการดีที่เราจะมีช่วงเวลาเงียบๆและฟังเสียงแห่งความรักของพระเจ้า ฟังเสียงแห่งความอ่อนโยนของพระองค์เหมือนแม่พระที่ฟังเสียงเทวดา
            2. เด็กๆที่เตรียมตัวรับเสด็จพระกุมารด้วยการไม่ดื้อต่อพ่อแม่ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส บุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ทรงสอนเด็กๆให้เตรียมตัวรับเสด็จพระกุมารอย่างดีด้วยการไม่ดื้อกับพ่อแม่และคนที่ดูแลเรา เราต้องทําตัวเหมือนพระเยซูที่ไม่ดื้อกับนักบุญโยเซฟและแม่พระ ทรงขอบใจเด็กๆที่นําของขวัญมามอบให้ล่วงหน้า นี่ก็ใกล้วันคริสต์มาสเข้ามาแล้ว พ่อขอให้พวกหนูเตรียมตัวต้อนรับพระกุมารเยซูเป็นอย่างดี เตรียมตัวอย่างไร เตรียมตัวด้วยการเป็นเด็กดีกับคุณพ่อคุณแม่ และเชื่อฟังบรรดา คุณหมอ พยาบาล ซิสเตอร์ และบรรดาพี่ๆที่คอยดูแลเรา อย่าดื้อนะ พระกุมารเยซูไม่ดื้อกับนักบุญโยเซฟและแม่พระ เราก็ต้องอย่าดื้อ เพราะการเป็นเด็กดื้อที่ไม่ฟังใครจะทําให้ถูกปีศาจล่อลวงไปทําสิ่งที่ผิดได้นะ
      พวกเธอจงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าเถิด จงอย่ากลัวเลย เพราะพวกเธอเป็นลูกของพระที่เกิดมาเพื่อรับใช้พระเป็นเจ้า จงอย่าทำให้เสียชื่อ เพราะไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้ ถ้าพวกลูกเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า จงหมั่นฟังเสียงของพระเจ้าที่ประทับอยู่ในตัวพวกลูก อย่าทำตามใจตัวเองเลย ความยินดีและความสุขใจจงมีแก่พวกลูกทุกคนในโอกาสคริสต์มาสที่ใกล้จะมาถึงนี้

คพ.พงษ์เกษม

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2014

พี่น้องที่รัก
                เป็นที่น่ายินดีที่เรามีพระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์แล้ว ตามที่พี่น้องทราบจากการประชาสัมพันธ์ของพ่อในช่วงเวลาที่ผ่านมา พ่อดีใจที่พี่น้องสนใจและจัดหาพระคัมภีร์เล่มนี้ไว้เป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตคริสตชนกันอย่างเห็นได้ชัด จนพระคัมภีร์ที่จัดหามานั้นไม่เพียงพอกับความต้องการของพี่น้อง สัปดาห์นี้เราได้จัดหาพระคัมภีร์มาเพิ่มเติมแล้ว หวังว่าคงจะเพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องนะครับ
                อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์พระคัมภีร์ สภาพระสังฆราชอยากให้เราร่วมใจกันบริจาค เพื่อจุดประสงค์ในการจัดการส่งเสริมการศึกษาพระคัมภีร์ในเชิงลึกสำหรับกลุ่มคริสตชนชาวไทย ขอพี่น้องโปรดร่วมใจกันบริจาคเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวด้วยครับ

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
คุณประโยชน์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ

                นักบุญ ยอห์นมารีย์ เวียนเนย์ ครั้งหนึ่งท่านป่วยหนักมาก แม้ว่าจะไปหาหมอรักษาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอาการจะทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ทุกคนคิดว่าท่านคงไม่มีโอกาสหายป่วยกลับมามีชีวิตปกติดังเดิมได้อีก
                ท่านนักบุญ ขอให้มีการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณบนพระแท่นของนักบุญฟีโลมีนา เพื่ออาการป่วยของท่าน เมื่อพระสงฆ์ถวายพิธีบูชาขอบพระคุณเสร็จสิ้นตามคำร้องขอ อาการป่วยของท่านนักบุญ ยอห์นมารีย์ เวียนเนห์ ก็หายเป็นปกติ
                ในเมืองลิสบอน มีสตรีผู้หนึ่งกำลังจะตายเพราะป่วยหนัก หมอลงความเห็นว่าเธอคงไม่สามารถหายเป็นปกติได้อย่างแน่นอน สตรีผู้นี้ป่วยเป็นมะเร็ง ในส่วนที่ไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ พระสงฆ์วิญญาณรักษ์แนะนำให้เธอขอมิสซาเพื่อการบำบัดรักษา สตรีผู้ป่วยหนักผู้นี้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระสงฆ์วิญญาณรักษ์ของเธอ พระคุณเอนกอนันต์ของพิธีบูชาขอบพระคุณนั้นส่งผลให้เธอมีอาการดีขึ้นตามลำดับ และในที่สุดอาการเจ็บป่วยของเธอก็หายอย่างอัศจรรย์ นำความยินดีมาสู่เพื่อนๆ ญาติพี่น้อง รวมถึงสร้างความประหลาดใจให้กับแพทย์ที่รักษาเธอเป็นอย่างมาก
                บ่อยครั้งมีสมาชิกในครอบครัวคริสตชนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องพาไปหาแพทย์ที่มีชื่อเสียงมีความชำนาญในการรักษา ต้องเสียค่ายารักษาโรคมากมาย เพื่อช่วยให้ผู้เป็นที่รักของเราหายจากอาการเจ็บป่วย เพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าของเขาไว้ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่หลายครั้ง เรากลับละเลยเช่นกันที่จะนึกถึง พระคุณเอนกอนันต์แห่งการบำบัดรักษาที่เราสามารถได้รับจากพิธีบูชาขอบพระคุณ
                คงจะมีผู้คนมากมายที่คงไม่ต้องลงไปนอนในหลุมฝังศพ และยังดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข ถ้าเขาเหล่านั้นได้รับพระคุณเอนกอนันต์จากการพึ่งพาพระพรที่ได้รับจากพิธีบูชาขอบพระคุณ อย่างที่สตรีผู้นั้นที่กรุงลิสบอนได้รับ
                เคราะห์หามยามร้าย อุบัติภัย มากมายที่แคล้วคลาดได้ ถ้ามนุษย์เรามีความเชื่อและมั่นใจในพระพรอันไม่มีที่สิ้นสุดของพิธีบูชาขอบพระคุณ
                ถ้าเราคาทอลิก เข้าใจถึงพระคุณเอนกอนันต์ของพิธีบูชาขอบพระคุณเช่นนี้อย่างทั่วถึงแล้ว เชื่อได้เลยว่า วัดต่างๆคงไม่มีที่ว่างเพียงพอจะรองรับคริสตชนที่มาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันเป็นแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หวังว่า ผู้เป็นแม่บ้าน พ่อบ้านของครอบครัวคริสตชน จะปลูกฝังให้ลูกๆของตน ได้เห็นคุณค่าของการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบใหญ่เขาจะได้ทำสิ่งนี้เป็นกิจวัตร (ยังมีต่อ)
.........................................................................................................................

  
พี่น้องที่รัก
เมื่อถูกพวกโรมันยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ชาวยิวต่างรอคอยผู้นำทางการเมืองและศาสนาที่เข้มแข็ง เพื่อไถ่กู้และปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ การมาของผู้นำที่เป็นทั้งผู้ไถ่กู้และผู้ปลดปล่อยเช่นว่านี้ ได้รับการกล่าวถึงล่วงหน้าจากบรรดาประกาศก เมื่อยอห์นบัปติสต์เริ่มงานของท่านในถิ่นทุรกันดาร จึงกลายเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว และถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะส่งคนไปถามท่านว่า ท่านเป็นใครใช่พระผู้ไถ่หรือผู้ปลดปล่อยที่พวกเขากำลังรอคอยหรือเปล่า ท่านเป็นพยานแห่งแสงสว่าง ในพระวรสารวันนี้ ยอห์นบัปติสต์ได้บอกประชาชนว่า ท่านไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่างที่แท้จริงซึ่งกำลังจะมาสู่โลก ยอห์นยืนยันว่าท่านไม่ใช่พระคริสตเจ้า ไม่ใช่เอลียาห์และไม่ใช่ประกาศก แต่เป็นเสียงร้องในถิ่นทุรกันดาร ที่ชี้บอกคนที่มาหาท่านให้เตรียมต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระเจ้า ท่านได้ประกอบพิธีล้างด้วยน้ำ เพื่อเตือนให้ระลึกถึงการกลับใจและการให้อภัยบาปของพระเจ้า
ในเวลาเดียวกันยอห์นได้เป็นพยานด้วยความสุภาพถ่อมตน สำนึกว่าตนเองไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของพระองค์ซึ่งถือเป็นงานของทาส แม้ท่านจะเป็นผู้เตรียมทางขององค์พระเจ้า แต่ท่านไม่ได้คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่อะไร เป็นแต่เพียงเสียงร้องให้เตรียมทางของพระเจ้าให้ตรง ความปรารถนาเดียวของท่านคือ ต้องการให้ประชาชนได้ยินเสียงร้องของท่าน และเปิดใจของตนต้อนรับผู้ที่มาภายหลังท่าน
ยอห์น ได้ประกาศข่าวสำคัญแก่ชาวยิวซึ่งกำลังรอคอยผู้ไถ่กู้ด้วยความกระวนกระวายว่า แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก” (ยน1:26) เหตุผลที่ทำให้ผู้คนในสมัยพระเยซูเจ้าไม่รู้จักพระองค์ เพราะพวกเขาต่างคิดว่าพระคริสตเจ้าจะเสด็จจากสวรรค์ด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า และสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ด้วยการทำลายศัตรูของชนชาติอิสราแอลให้พินาศ เมื่อพระองค์เสด็จมาบังเกิดจากหญิงชาวยิวธรรมดาคนหนึ่งเหมือนคนอื่นทั้งหลาย พวกเขาจึงไม่รู้จักพระองค์ การเป็นพยานของยอห์นบัปติสต์ ช่วยปลุกเร้าจิตใจเราให้เตรียมฉลองการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในหนทางที่ถูกต้อง จงเป็นพยานแห่งแสงสว่าง เมื่อถูกถามว่าท่านเป็นใคร ยอห์นสำนึกว่าท่านเป็นพยานแห่งแสงสว่าง ผู้เตรียมทางสำหรับองค์พระเจ้า แล้วเราละเป็นใคร เราจะต้องเป็นพยานแห่งแสงสว่างของพระเจ้าที่เราเชื่อและติดตามพระองค์เช่นเดียวกัน เราจะต้องรักในกระแสเรียกในการเป็นผู้นำสารของพระคริสตเจ้าไปสู่ผู้อื่นในโลก นี่คือ พันธกิจของพระศาสนจักรและหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่กัน เป็นต้นในครอบครัว สังคมและหมู่คณะของเราและเสมอไป
            จงชี้ไปที่พระคริสตเจ้า ยอห์นไม่พูดถึงตัวท่านเองเลย แต่ชี้ไปที่พระคริสตเจ้าผู้ซึ่งเสด็จมาภายหลังท่าน ท่านตระหนักในความต่ำต้อยของตน พระองค์จะต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนข้าพเจ้าจะต้องด้วยลง”(ยน3:30) ท่านได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่โดยไม่หวังประโยชน์อะไร นอกจากพระคริสตเจ้า เราจะต้องไม่ชี้ไปที่ตัวเองหรือสำคัญผิดว่าเราคือความถูกต้องและสำคัญที่สุด แต่จะต้องชี้ไปที่พระคริสตเจ้า เราเป็นแต่เพียงเครื่องมือของพระองค์เท่านั้น ดังนั้นพระองค์จะต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา จงแสวงหาพระคริสตเจ้า และยืนยันว่า พระคริสตเจ้าเสด็จมาแล้ว ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราและเป็นผู้ที่เราไม่รู้จัก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซ่อนเร้น บ่อยครั้งการประทับอยู่ของพระองค์ อยู่เหนือการรับรู้และความเข้าใจของเรา เราจะต้องจำพระองค์ให้ได้ เป็นต้นในผู้ที่ต่ำต้อยและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ นั่นคือ พระคริสตเจ้าที่ประทับอยู่ท่ามกลางเรา จึงจะทำให้ชีวิตของเราและหมู่คณะมีคุณค่าและความหมายที่แท้จริง


คพ.พงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2014

พี่น้องที่รัก
            เราก้าวเข้ามาสู่สัปดาห์ที่สองของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าแล้ว วันคริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว พระเจ้าปรารถนาให้เราเตรียมจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการรับศีลอภัยบาป เพื่อเราจะพร้อมที่จะต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เพื่อให้พระพรที่พระองค์นำมาให้เรานั้น บังเกิดผลในผืนดินที่อุดมในจิตใจของเราอย่างแท้จริง
            วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม จะมีพิธีศีลอภัยบาปรวม เวลา 17.00 . ขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านรับศีลอภัยบาปเพื่อชำระจิตใจสำหรับเตรียมตัวฉลองคริสต์มาส
            สำหรับอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมนี้ จะมีพิธีต้อนรับผู้เตรียมเป็นคริสตชน ในระหว่างพิธีมิสซารอบ 17.30 .

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
คุณประโยชน์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ

                นักบุญMechtilde ได้รับนิมิตพระเยซูประจักษ์มาหาเธอและกล่าวกับเธอว่า "ในพิธีบูชาขอบพระคุณ เราเสด็จมาด้วยความถ่อมตนโดยไม่ถือว่ามนุษย์คนใดเป็นคนบาป ไม่ว่าเขาจะได้ทำผิดมามากขนาดไหน ก็ไม่เป็นสาเหตุขัดขวางที่เขาจะเข้ามาหาเราได้ถ้าเขาปรารถนาเช่นนั้น และ แสดงความเสียใจในบาปที่เขาได้กระทำ เราเสด็จมาด้วยความใจกว้าง ไม่มีใครที่มาพบเราแล้วจะกลับไปมือเปล่า โดยไม่ได้รับความรักจากเราอย่างเต็มเปี่ยม เรามาเพื่อประทานอาหารจากสวรรค์ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้อ่อนแอ ที่จะมอบความสว่างให้กับผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมน ที่จะให้พระพรมากมายอย่างสมบูรณ์เพื่อบรรเทาความโศกเศร้า ที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจที่แข็งกระด้างยึดมั่นถือมั่นในทางที่ผิดหลง และขจัดความหวาดเกรงต่างๆ ออกไปเสีย"
                คงไม่มีถ้อยคำใดๆอีกแล้ว ที่ทำให้เราอิ่มเอมเปรมใจเท่ากับ สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสสัญญากับเราเช่นนี้ด้วยพระองค์เอง ถ้อยคำนี้แหละที่ช่วยเราให้เข้มแข็งในความเชื่อ และวางไว้ใจในพระธรรมล้ำลึกของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม
                ในประวัตินักบุญ เกรโกรี่ แห่ง นาซีอันเซน กล่าวเอาไว้ว่า บิดาของท่านป่วยหนักและกำลังจะสิ้นใจ ท่านอ่อนกำลังลงอย่างมาก จนแทบไม่มีแรงขยับตัวเองเลย ลมหายใจของท่านค่อยๆแผ่วลง และไม่สามารถรับประทานอาหารใดๆบำรุงร่างกายให้สดชื่นขึ้นได้ ในที่สุดท่านก็เข้าสู่ภาวะตรีทูต
                ญาติๆของท่าน ต่างตระหนักดีว่าคงไม่มีวิธีใดๆที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นอีกแล้ว เขาได้แต่วางไว้ใจในความเชื่อในองค์พระเจ้า จึงไปที่วัดเพื่อขอให้คุณพ่อถวายพิธีบูชาขอบพระคุณเพื่อผู้ป่วย เมื่อพวกเขากลับไปบ้านก็พบว่าสถานการณ์เลวร้ายนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ป่วยมีอาการกระเตื้องขึ้นและค่อยฟื้นตัวสู่สุขภาพที่เป็นปกติในที่สุด
..................................................................................................


  
พี่น้องที่รัก
ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลพระจักรพรรดิทิเบรีอัสปอนทิอัสปีลาต เป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย กษัตริย์เฮโรด ทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปพระอนุชา ทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนีย เป็นเจ้าปกครองแคว้นอาบีเลน อันนาสและคายาฟาส เป็นหัวหน้าสมณะ พระวาจาของพระเจ้า มาถึงยอห์น บุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร  เขาจึงไปทั่วแม่น้ำจอร์แดน เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบันทึกของประกาศกอิสยาห์ว่าคนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด  หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ต่ำลง ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง ทางขรุขระจะถูกทำให้ราบเรียบ 
            แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้าดังนั้น ยอห์นพูดกับประชาชนที่มารับพิธีล้างจากเขาว่าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำท่านให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง  จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด และอย่ามาอ้างว่า เรามีอับราฮัมเป็นบิดา ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของอับราฮัมได้  บัดนี้ ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่ออกผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ(ลูกา 3:1-9) ชาวยิวไม่ได้ยินเสียงของประกาศก เป็นเวลานานสี่ร้อยปีแล้ว แต่เมื่อยอห์นปรากฏตัวเทศน์สอน และทำพิธีล้าง ประชาชนกลับเชื่อและยอมรับว่าท่านเป็น ประกาศก  คำเทศน์สอนของท่านมีลักษณะพิเศษท่านติเตียนคนผิดโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์เฮโรด ที่เอานางเฮโรเดียส ภรรยาของฟิลิปพระอนุชา มาเป็นภรรยา ท่านก็ทูลว่า ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี (มธ14:4)หรือพวกฟาริสีและสะดูสี ซึ่งเป็นถึงผู้นำทางศาสนาไม่วายถูกตำหนิว่าเป็น เจ้าสัญชาติงูร้าย (มธ3:7) เพราะปล่อยให้ประชาชนจมมืด อยู่ในกฎเกณฑ์และจารีตพิธีต่าง ๆ เมื่อประชาชนดำเนินชีวิต ราวกับไม่รู้จักพระเจ้า ท่านก็ไม่ลังเลเลยที่จะเตือนพวกเขา ให้หันกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้อง บ่อยครั้งทีเดียว ที่เราระมัดระวังตัวเกินกว่า จะกล้าตักเตือนผู้กระทำผิดเฉกเช่นที่ยอห์นได้กระทำท่านสั่งสอนประชาชนให้เป็นผู้ชอบธรรม  นอกจากติเตียนความผิดที่พวกเขาได้กระทำแล้ว ท่านยังเชิญชวนและท้าทายพวกเขา ให้กระทำทั้งสิ่งที่ ควรทำ (should) และสิ่งที่ ทำได้ (could) ด้วย  เสมือนเสียงที่กระตุ้นประชาชนให้ทำในสิ่งที่สูงส่งกว่าน่าเสียดายที่หลายครั้ง เรามัวสาละวนอยู่กับ การห้ามประชาชนทำผิด แต่ใส่ใจเพียงนิดเดียว ที่จะทำให้พวกเขาดำเนินชีวิต ตามจิตตารมณ์อันสูงส่งของพระเยซูเจ้าสำหรับพระเยซูเจ้า การไม่ทำความผิดอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ แต่ต้องทำทุกสิ่ง ให้ดีที่สุดด้วย !

คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2014

พี่น้องที่รัก
                สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งจะยาวต่อเนื่องกันไปตลอดสี่สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาที่พระศาสนจักรจัดให้เราเตรียมจิตใจของเราสำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ดังนั้นตลอดระยะเวลาในเทศกาลนี้ ให้เราแต่ละคนมุ่งมั่นที่จะฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างเกิดผล และ ชำระดวงใจของเราให้ใสบริสุทธิ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองการมาบังเกิดขององค์พระผู้ไถ่
                ในวันที่ 3 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันฉลองนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ซึ่งเป็นวันฉลองนามนักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระคุณเจ้าเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ประมุขของสังฆมณฑลของเรา ให้เราร่วมใจกันภาวนาเป็นพิเศษเพื่อพระคุณเจ้า จะมีพละกำลังที่เข้มแข็งทั้งกายและใจ ในการปฏิบัติหน้าที่นำพาสังฆมณฑลของเราไปสู่เป้าหมายที่ดีงาม ตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างดี

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
คุณประโยชน์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ

                นักบุญโทมัส นักเทววิทยาผู้ยิ่งใหญ่ เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องพิธีบูชาขอบพระคุณไว้อย่างงดงามว่า "พิธีบูชาขอบพระคุณ ประทานพระพรแห่งการคืนดี ให้กับคนบาปที่จมอยู่ในบ่วงบาศของบาปหนัก  ประทานพระพรชำระล้างบาปเบาและอภัยโทษที่สืบเนื่องมาจากบาปนั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มพระหรรษทาน และ พระพรมากมายที่จำเป็นสำหรับแต่ละคน"
                ครั้งหนึ่ง นักบุญพอล ฤาษี ยืนอยู่ที่หน้าประตูวัด ในระหว่างที่ผู้คนกำลังหลั่งไหลเข้ามาในวัด ท่านเห็นวิญญาณของชายหนุ่มที่จมปลักอยู่ในบาปคนหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏแก่ตาของท่านคือสภาพของชายหนุ่มผู้นี้อยู่ในสภาวะที่มัวหมองอย่างน่าสมเพช ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังเห็นปีศาจตนหนึ่งยืนอยู่ข้างชายหนุ่มคนนี้ที่ตกอยู่ภายใต้การบงการของมัน แต่เมื่อพิธีบูชาขอบพระคุณจบแล้วทุกคนกำลังเดินออกจากวัด ท่านเห็นชายหนุ่มคนเดิมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ท่านจึงเรียกชายหนุ่มผู้นี้มาสอบถามเป็นการส่วนตัวว่า เขาได้เสียใจในบาปที่เขาได้ทำมาแล้วใช่ไหม ชายผู้น่าสงสารผู้นั้นสารภาพว่า เขาได้ทำบาปหนักผิดต่อพระเจ้ามากมาย แต่ในระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณ เขาได้อ่านในหนังสือคู่มือภาวนาของเขามีข้อความเขียนไว้ว่า "ถ้าบาปของเจ้านั้นมีสีแดงเข้ม เราจะชำระให้กลายเป็นสีขาวราวกับหิมะผมจึงถือโอกาสนี้ขอโทษพระเจ้าแสดงความเสียใจในบาปที่ผมได้กระทำและวอนขอพระองค์โปรดอภัยให้กับผม แล้วนั้นผมก็เกิดความตั้งใจที่จะไปสารภาพบาปในทันที"
                นักบุญพอล มีความเห็นว่า ที่ชายผู้นั้นได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอันเนื่องมาจากบาปที่เขาได้กระทำนั้น เป็นผลมาจากพระพรมากมายที่พิธีบูชาขอบพระคุณประทานให้กับเขา แล้วที่สุดเขาก็ได้รับการอภัยบาปทั้งหลายที่เขาได้กระทำมานั่นเอง


 ................................................................................................................................................

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

ขอสวัสดีปีใหม่ของพระศาสนจักรแด่พี่น้องทุกท่าน เพราะวันนี้เป็นวันที่เราเริ่มต้นปีพิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักรคาทอลิก นั่นคือ เราเข้าสู่สัปดาห์ที่ 1 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

พระศาสนจักรเชื้อเชิญเราให้พร้อมที่จะต้อนรับองค์พระเยซูเจ้าที่กำลังจะเสด็จมา ดังนั้น น่าจะเป็นความหมายที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนทุกคนก็คือ เราจำเป็นต้องเตรียมตัว เตรียมพร้อม เปิดหัวใจของเราต้อนรับองค์พระผู้ไถ่ที่กำลังจะเสด็จมา ให้การฉลองคริสต์มาสได้เป็นเวลาแห่งพระพรสำหรับเรามนุษย์ทุกคน
บอกได้เลยว่าบรรยากาศช่วงนี้น่าจะเป็นบรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดี ที่เราควรทำให้เป็นช่วงเวลาที่มีความหมาย ทำให้เรามีความสุขครับ ทั้งความสุขฝ่ายกายและความสุขฝ่ายจิตใจ  ขออย่าให้ความวุ่นวายฝ่ายโลกได้มาทำให้เราไกลห่างจากพระ หรือ ทำให้เราปิดประตูหัวใจไม่เปิดรับพระ  เพราะเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดีใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้เราได้รู้จักเตรียมตัวของเราดีดี
ดังนั้น โอกาสนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เรามารื้อฟื้น ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า
·        สิ่งที่เราต้องเตรียมคงไม่ใช่แค่สิ่งภายนอก
·        แต่ต้องเป็น  ชีวิตของเรา  ที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
o   เราสวดภาวนาบ้างหรือไม่  ในวันๆ หนึ่งของเรา
o   เราเข้าวัดสม่ำเสมอหรือไม่
o   เราไม่ได้แก้บาปรับศีลนานแล้วหรือไม่
o   เราได้ทำกิจการดีดีบ้างหรือไม่ เป็นต้น ช่วยเหลือผู้อื่น  ทำบุญ  ทำกิจเมตตา

เพราะความหมายในเทศกาลนี้ คือ การเตรียมตัวต้อนรับองค์พระคริสตเจ้า  ความหมายของเทศกาลนี้คือ ความรักถ้ารักก็ต้องให้ และให้ด้วยความจริงใจ

เพราะ ความรักจะเกิดขึ้นได้  ถ้าเราเริ้มต้นที่จะให้

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาิทตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2014


พี่น้องที่รัก
                อาทิตย์นี้ วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีโอกาสได้ต้อนรับ พระคุณเจ้า ปัญญา กฤษเจริญ เนื่องในโอกาสที่พระคุณเจ้ามาเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ วันกระแสเรียก โดยการจัดงานของมูลนิธิกระแสเรียก ซึ่งรวบรวมเงินบริจาคจากพี่น้องสำหรับสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาสำหรับสามเณรในบ้านเณรต่างๆ
                กระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ นักบวชชายหญิง นับวันยิ่งหายากขึ้นทุกวัน ในสภาพสังคมปัจจุบันที่ครอบครัวมีลูกน้อย และ กระแสนิยมของโลกวัตถุนิยม บริโภคนิยม เป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กเยาวชน คนหนุ่ม คนสาว ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิมไปกับโลกของวัตถุ จนไม่สามารถมีเวลาที่จะพิจารณาเรื่องเสียงเรียกของพระเจ้าที่ คอยเรียกหาผู้อุทิศตนที่จะทำงานเพื่อชีวิตฝ่ายวิญญาณของหมู่มวลสัตบุรุษ ประชากรของพระเจ้า ดังนั้น วันนี้ให้เราสวดภาวนาเป็นพิเศษเพื่อพระกระแสเรียกของพระเจ้าจะได้รับการตอบรับจาก เยาวชน คนรุ่นใหม่ที่จะมาทำงานในท้องนาของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และให้เราร่วมใจกันสนับสนุนทุกวิถีทางที่จะให้ผู้ที่สมัครตนเป็นผู้ฝึกฝนชีวิตเพื่อทำงานในท้องนาของพระองค์แล้วจะได้มีความมั่นคง และได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถเพื่อจะทำงานให้กับพระเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 4
คุณพ่อ MATEO CRAWLEY

                คุณพ่อ Mateo Crawley เป็นมิสชันนารีที่มีความสุภาพถ่อมตน ท่านปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความใจดี และ มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่กระนั้นท่านเคยเล่าเรื่องที่น่าเศร้าใจที่ค้างคาอยู่ในใจของท่านเป็นเวลานานมาแล้ว เราได้ยินเรื่องนี้จากปากของท่านเอง ท่านบอกว่า "บิดาของข้าพเจ้าเคยเป็นโปรแตสตันท์มาก่อน ท่านเป็นคนดีที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ส่วนมารดาของข้าพเจ้าเป็นคาทอลิก คุณแม่จัดการให้ลูกๆทุกคนได้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก จิตใจส่วนลึกของคุณแม่นั้นอยากเห็นคุณพ่อได้มานับถือแบบคาทอลิกเหมือนกับสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว เธอพยายามด้วยความสุขุมรอบคอบ เธอวางความหวังของเธอไว้ในคำภาวนาและการถือปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อชักจูงจิตใจของพ่อ ทีละเล็กทีละน้อยเธอพบหนทางที่จะทำให้พ่อได้รู้ถึงความจริงในศาสนาคาทอลิกโดยที่คุณพ่อไม่รู้สึกอึดอัดใจอย่างใดเลย"
                “ในที่สุด ความหวังของเธอก็ใกล้จะบรรลุความสำเร็จ เพราะคุณพ่อสัญญาว่าจะไปร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณพร้อมกับครอบครัว และคุณพ่อก็ไปจริง โชคร้ายตรงที่พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี ทำด้วยความเร่งรีบ และขาดความศรัทธา ทำให้คุณพ่อกลับมาบ้านด้วยความผิดหวัง และกล่าวว่าจะไม่คิดมาเป็นคาทอลิกอีกต่อไป"
                “ทุกคนในบ้านผิดหวังมาก เพราะนับแต่นั้นมาคุณพ่อปฏิเสธที่จะรับฟังเรื่องราวอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อในแบบคาทอลิก เวลาผ่านไปหลายปี เรายังคงสวดภาวนาเสมอมา"
                “เย็นวันหนึ่ง พระสงฆ์มิสชันนารีในคณะ Passionist Order มาที่บ้านของเรา คุณพ่อของเราซึ่งเป็นคนชอบต้อนรับผู้มาเยือน เอ่ยปากเชิญชวนให้ท่านเข้ามาสนทนาในบ้าน จะด้วยพระญาณสอดส่องหรือย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายได้ การสนทนานั้นประทับใจคุณพ่อมาก ท่านถึงกับแสดงความปรารถนาที่จะร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณที่พระสงฆ์มิสชันนารีผู้นั้นเป็นผู้ประกอบพิธี"
                “พระสงฆ์มิสชันนารีผู้นั้นประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ อย่างเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยความเชื่อศรัทธา  ครอบครัวของเราต้องขอบพระคุณพระเจ้าจากใจของเรา เพราะภายหลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ขอเรียนคำสอนและเข้ามาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรคาทอลิกในที่สุด"
.................................................................................................................

สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
เราเข้าสู่อาทิตย์สุดท้าย ในปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร  พระวาจาของพระเจ้าได้พูดถึงพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย
ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า  มีความหมายแตกต่างจากบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย ทั้งปวง คือ
o   พระองค์ไม่มีพระราชวัง
o   พระองค์ไม่มีข้าทาสบริวาร
o   พระองค์ไม่มีไม้คฑา หรือ ตราประจำสัญลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
·     พระองค์มีแต่มงกุฎ และเป็นมงกุฎหนาม
·     พระองค์ถูกทอดทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว บรรดาศิษย์ก็ปฏิเสธ ลูกศิษย์ก็หายกันไปหมด
·     และสุดท้ายพระองค์ก็ต้องตายบนไม้กางเขน อย่างกับนักโทษที่ทำผิดมหันต์

ความหมายที่แท้จริงในวันสมโภชวันนี้ คือ การที่องค์พระเยซูเจ้าให้บทสอนเราถึง การเป็นกษัตริย์แห่งผู้รับใช้ เพราะ อาณาจักรของพระองค์ คือ อาณาจักรแห่งความรัก การรับใช้  และการให้อภัย
o   อำนาจในการปกครอง ของพระองค์ คือ ความรัก
o   และเป็นความรักที่พร้อมจะให้อภัยเราทุกคนที่เป็นมนุษย์ผู้อ่อนแอ
·     พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่สอนเราถึง ความรัก. รักแม้กระทั่งศัตรู
·     พระองค์สอนเราถึงการให้อภัย. ให้อภัยแม้กระทั่งคนที่กำจัดพระองค์
·     และพระองค์ทรงสอนให้เรารับใช้กันและกัน. เหมือนดังที่พระองค์ทรงรับใช้เราทุกคน

  ดังนั้น ขอให้เราทุกคนมีความรัก ความเมตตา และให้อภัยกันและกัน ต่อเพื่อนพี่น้องของเรา เหมือนดังที่พระเจ้าทรงรัก เมตตา และให้อภัยเราทุกคน


คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2014

พี่น้องที่รัก
                สัปดาห์นี้วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ต้อนรับ พระอัครสังฆราช ซาวีโอ ฮอน ไต ไฟ เลขาธิการสมณกระทรวงเผยแผ่ข่าวดีสู่ปวงชน  และ  บรรดาพระสังฆราชจากสังฆมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยของเรา รวมไปถึงตัวแทนคณะนักบวชชายหญิง และ องค์กรฆราวาส ที่มาร่วมกันในพิธีบูชาขอบพระคุณพระเจ้าในรอบ 10.00 . ของวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน
                พ่อในนามของสภาภิบาล และ พี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ขอต้อนรับบรรดาพระคุณเจ้า พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง และพี่น้องสัตบุรุษจากองค์กรฆราวาสทุกท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้เป็นวันที่เราทุกคนได้มีโอกาสหวนกลับมารำลึกถึงบทบาทหน้าที่ที่สำคัญที่พระเยซูได้ทรงมอบให้ไว้กับศิษย์ของพระองค์ทุกคนนั่นก็คือ การประกาศข่าวดีของพระเจ้าไปทั่วทุกแห่งหน ทุกมุมโลก ภารกิจสำคัญประการนี้พระอาจารย์เจ้าของเราทรงมอบให้กับศิษย์ของพระองค์ทุกคนไม่เว้นใครเลย ดังนั้นการมาร่วมชุมนุมกันภาวนาในพิธีบูชาขอบพระคุณครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเราทุกคนที่เป็นสมาชิกของพระศาสนจักรท้องถิ่น พร้อมใจกันประสานร่วมมือกันกับพระศาสนจักรส่วนกลางในการเผยแผ่ข่าวดีของพระเจ้าในทุกมิติ และทุกโอกาส เพื่อพระนามของพระเจ้าจะได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทุกหนทุกแห่ง

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 4
โปรแตสแตนท์คนหนึ่งกลับใจเพราะพิธีบูชาขอบพระคุณ

                มีเรื่องเล่าว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นโปรแตสแตนท์ทั้งหมด เดินทางมาเที่ยวชมอาสนวิหารแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งตอนนั้นในอาสนวิหารพิธีบูชาขอบพระคุณกำลังดำเนินอยู่ พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีประกอบพิธีด้วยความตั้งใจเปี่ยมด้วยความศรัทธา โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เวลาผ่านไปสักครู่นักท่องเที่ยวบางคนเริ่มหันเหความสนใจไปดูการตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรม จึงเดินออกจากบริเวณพระแท่นไปยังมุมอื่นๆของวิหาร มีเพียงคนเดียวที่ยังคงสนใจสังเกต อากัปกิริยาทุกท่วงท่าของพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี จนกระทั่งพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง
                นักท่องเที่ยวผู้นี้ประทับใจอย่างลึกซึ้งกับอากัปกิริยาที่เปี่ยมด้วยความเชื่อและความชื่นบานที่ปรากฏบนใบหน้าของพระสงฆ์ผู้นั้น ที่เขาสังเกตเห็นในขณะที่พระสงฆ์ผู้นั้นเดินจากพระแท่นบูชากลับไปยังห้องแต่งอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนักท่องเที่ยวผู้นี้เดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษ เขาไปขอเรียนคำสอนและกลับใจมาเป็นคาทอลิกที่ศรัทธา
                ในยามที่พี่น้องต่างความเชื่อศรัทธา ต่างจารีตนิกาย ได้มีโอกาสเข้ามาในวัดและร่วมอยู่ในพิธีบูชาขอบพระคุณที่ถวายด้วยความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมของพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี เราเชื่อมั่นว่า คงมีหลายคนทีเดียวที่มีความประทับใจเหมือนกับความประทับใจที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษผู้นั้นที่เรากล่าวถึงข้างต้น (ยังมีต่อ)
...............................................................................................................................................

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
เงินตะลันต์  >  “พระพร พรสวรรค์”
                       
               
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้  ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป”

พี่น้องครับพระวาจาของพระเจ้าวันนี้พูดถึง เงินตะลันต์  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวละครเอกในอุปมาเรื่องนี้อยู่ที่ ผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ ซึ่งพระเยซูเจ้าต้องการหมายถึง บรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี    ธรรมาจารย์และฟาริสี นำบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้โดยผ่านทางโมเสส และนำคำสอนของพระองค์ที่ทรงสอนผ่านทางบรรดาประกาศกไปฝังดินไว้  โดยหวังว่าจะนำทั้งบัญญัติและคำสอนของพระเจ้าส่งคืนพระองค์ในสภาพเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงพยายามป้องกันบัญญัติและคำสอนต่างๆ ด้วยการห้ามเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือพัฒนาปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ประชาชนจึงถูกปิดกั้น ไม่รู้จักพระเจ้าและความรักของพระองค์

ดังนั้น อุปมาเรื่องนี้พระเยซูเจ้าต้องการสอนเราว่า  พระเจ้าประทานพระพรแก่เราแตกต่างกัน  บางคนอาจได้ห้าตะลันต์ บางคนสองตะลันต์ บางคนหนึ่งตะลันต์ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราได้ใช้ตะลันต์ หรือ พระพร หรือ พรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้กับเราอย่างไร “ใช้อย่างไร ไม่ใช่ ได้เท่าไร
เพราะพระเจ้าไม่เคยเรียกร้องให้เราทำสิ่งที่เราไม่มีความสามารถ  แต่สิ่งใดที่เรามีความสามารถ พระองค์ต้องการให้เราทำและใช้ความสามารถนั้นอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์  ดังนั้น เราอาจมีพรสวรรค์ไม่เท่ากัน แต่สิ่งที่เรามีนั้น เราได้ใช้มันออกมาเต็มความสามารถของเราหรือไม่ นั่นแหละที่สำคัญครับ

“จงใช้..ในสิ่งที่เรามีและเป็น.. อย่ามองว่าคนอื่นมีดีกว่าเรา รวยกว่าเรา เก่งกว่าเรา
แต่จงมองว่าเราได้ใช้ในสิ่งที่เรามีและเป็น..เต็มที่แล้วหรือยัง”


คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2014

พี่น้องที่รัก
                ลมหนาวเริ่มพัดโชยมาบ้างแล้ว แต่ฤดูฝนก็ยังคงอ้อยอิ่งไม่อยากจากพวกเราไป ฝนยังคงตกอยู่เรื่อยๆ ราวกับว่าฟ้าและผืนดินกระหายหาความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์เราก็จะฉลองพระคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลแล้ว ซึ่งหมายความว่าเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้ากำลังจะเริ่มขึ้น และ เทศกาลคริสต์มาสก็คืบคลานใกล้เราเข้ามาเรื่อยๆ
                วันเวลาผ่านไปรวดเร็ว ถ้าเราไม่หลงลืมไปว่า วันเวลาในโลกของเรามีจำกัด สิ่งใดที่เป็นคุณงามความดีเราต้องเร่งกระทำ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาที่ผ่านไปแล้วจะไม่หวลกลับมาหาเราอีก

พ่อสุพจน์
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 4
พิธีบูชาขอบพระคุณโดยพระสันตะปาปาเลโอที่13

                พระสงฆ์ท่านหนึ่งบันทึกประสบการณ์การร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่พระสันตะปาปาเลโอที่13 เป็นผู้ถวายเอาไว้ว่า "ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณที่พระสันตะปาปาเลโอที่13 เป็นผู้ถวาย ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจในพิธีอันงดงาม อย่างที่ไม่มีหนังสือบำรุงความศรัทธา หรือ บทเทศน์ใดๆทำให้รู้สึกซาบซึ้งได้มากขนาดนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยมาแล้วถึง 50 ปี แต่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมวันวันนั้นเลย พระสันตะปาปาเวลานั้นมีอายุได้ 85 ปีแล้ว แม้ว่าภายนอกดูเหมือนจะเชื่องช้าแต่ก็เปี่ยมด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ ในยามที่พระองค์ก้าวเข้ามาในวัดน้อย และ เดินตรงไปยังพระแท่น พระองค์ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระชุ่มกระชวย และ สดใส พระองค์เริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์ ด้วยท่าทางที่สง่างาม อิริยาบทของพระองค์ค่อยเป็นค่อยไป ทุกคำพูดที่พระองค์กล่าวออกมาแสดงให้เห็นชัดว่า พระองค์ตระหนักว่าพระองค์อยู่ต่อหน้าพระเจ้า ในช่วงของการเสกศีล พระองค์เงยหน้าขึ้นมองไปยังแสงที่ส่องลงมาจากเบื้องบน สายตาของพระองค์สื่อออกถึงความประทับใจของบุคคลที่ได้ยลความยิ่งใหญ่ของพระอานุภาพของพระเจ้า
                พระองค์ประคองแผ่นศีลไว้ในมือของพระองค์ด้วยความเคารพอย่างสูงส่ง และ ค่อย ๆ เปล่งคำภาวนาบทเสกศีล ด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมด้วยความเข้าใจถึงกิจการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระองค์กำลังประกอบพิธีอยู่นั้น แล้วพระองค์ก็ย่อเข่าลง ราวกับว่าพระองค์อยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้าในสวรรค์ และพระองค์ก็ชูแผ่นศีลขึ้นสูง พร้อมกับสายตาที่จดจ้องอยู่กับการประทับอยู่นั้น แล้วค่อยๆวางแผ่นศีลลงในจานรองศีลนั้น จากนั้นพระองค์ก็ทำเช่นเดียวกันกับถ้วยพระโลหิตที่บรรจุอยู่ในถ้วยกาลิกส์นั้นด้วยความเชื่อที่มีชีวิตชีวา ทุกอากัปกิริยานั้นช่างน่าประทับใจ ในช่วงของการกล่าวบทลูกแกะพระเจ้านั้น พระองค์เปล่งคำภาวนาออกมาด้วยความตระหนักรู้ว่าพระองค์อยู่ต่อหน้าองค์พระเจ้าเอง สุดท้าย ข้าพเจ้าเองไม่สามารถบรรยายถึงรายละเอียดของอากัปกิริยาว่าพระองค์รับพระกายและพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วยความรักอย่างสุดซึ้งนั้นมีลักษณะอย่างไร พิธีทั้งหมดไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก และ ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่น่าประทับใจที่สุด เหตุการณ์ครั้งนั้นข้าพเจ้ายังจดจำได้ดีแม้เวลาจะผ่านไปถึง 50 ปีแล้วก็ตาม (ยังมีต่อ)
............................................................................................................

               
เกร็ดความรู้ - วันอาทิตย์
วันนี้เราฉลองวันครบรอบการถวายพระวิหารลาเตรัน  โอกาสนี้จึงอยากจะฝากความรู้เล็กๆน้อยๆ ว่าทำไมจึงเรียกวัดบางแห่งว่ามหาวิหาร (Basilica)

ในยุคแรกเริ่มของพระศาสนจักร บรรดาคริสตชนมาชุมนุมกันเพื่อสวดภาวนาและถวายบูชามิสซาในห้องธรรมดาๆ เหมือนใน ห้องชั้นบน ที่ซึ่งหลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว บรรดาสาวกและผู้ติดตามทั้งชายและหญิง และพร้อมกับแม่พระ ทุกคนร่วมอธิษฐานภาวนาสม่ำเสมอเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (กจ 1:12-14)
จากนั้น หลังจากพระจักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ฟื้นฟูให้เสรีภาพทางศาสนาแก่บรรดาคริสตชน จึงสามารถจัดชุมนุมถวายนมัสการพระเจ้าได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ดังนั้นบรรดาคริสตชนจึงเริ่มจัดหาอาคารเพื่อถวายนมัสการพระเจ้าซึ่งเรียกว่า บ้านแห่งการภาวนา โบสถ์น้อยประจำอารามหรือวัด จึงใช้กันมากขึ้น และในต้นศตวรรรษที่ 4 คำว่ามหาวิหารจึงได้เริ่มเรียกสำหรับวัดบางแห่ง
มหาวิหารเป็นชื่อเรียกหอประชุมใหญ่ของชาวโรมันที่สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ทางโลก เป็นต้น การถ่ายโอนธุรกิจหรือการจัดศาลยุติธรรม และเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินได้ให้เสรีภาพในการถือศาสนา และทางรัฐก็ให้ความคุ้มครองบรรดาคริสตชน มหาวิหารบางแห่งจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของทางราชการโดยให้คริสตชนดูแล และได้เปลี่ยนเป็นสถานที่ให้คริสตชนถวายนมัสการพระเจ้า แต่คำว่ามหาวิหารนั้นยังคงไว้เหมือนเดิม เช่น มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน วัดที่เป็นอาสนวิหารของพระสังฆราชแห่งโรม
คำว่า “มหาวิหาร” จึงถือว่าเป็นเกียรติพิเศษ และได้เริ่มใช้เรียกวัดต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างโดดเด่น ทรงเกียรติ มหาวิหารที่ใหญ่โต และเป็นที่รู้จักอย่างดีในกรุงโรม คือ
o    มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน   
o    มหาวิหารนักบุญเปโตร   
o    มหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงเมือง             และอื่นๆ
ทุกวันนี้พระศาสนจักรคาทอลิกยังคงใช้คำว่ามหาวิหาร เรียกชื่อวัดในที่ต่างๆ ของคาทอลิกด้วยเหตุผล เพราะเป็นสักการสถานที่มีชื่อเสียง มีความสำคัญ และเพื่อให้วัดเป็นสถานที่บรรดาสัตบุรุษมาร่วมแสดงความเชื่อ ความศรัทธาและสำหรับการนมัสการพระเจ้า


คพ.วิทยา