วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2014

พี่น้องที่รัก
            เราก้าวเข้ามาสู่สัปดาห์ที่สองของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าแล้ว วันคริสต์มาสใกล้จะมาถึงแล้ว พระเจ้าปรารถนาให้เราเตรียมจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการรับศีลอภัยบาป เพื่อเราจะพร้อมที่จะต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เพื่อให้พระพรที่พระองค์นำมาให้เรานั้น บังเกิดผลในผืนดินที่อุดมในจิตใจของเราอย่างแท้จริง
            วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม จะมีพิธีศีลอภัยบาปรวม เวลา 17.00 . ขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านรับศีลอภัยบาปเพื่อชำระจิตใจสำหรับเตรียมตัวฉลองคริสต์มาส
            สำหรับอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมนี้ จะมีพิธีต้อนรับผู้เตรียมเป็นคริสตชน ในระหว่างพิธีมิสซารอบ 17.30 .

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 5
คุณประโยชน์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ

                นักบุญMechtilde ได้รับนิมิตพระเยซูประจักษ์มาหาเธอและกล่าวกับเธอว่า "ในพิธีบูชาขอบพระคุณ เราเสด็จมาด้วยความถ่อมตนโดยไม่ถือว่ามนุษย์คนใดเป็นคนบาป ไม่ว่าเขาจะได้ทำผิดมามากขนาดไหน ก็ไม่เป็นสาเหตุขัดขวางที่เขาจะเข้ามาหาเราได้ถ้าเขาปรารถนาเช่นนั้น และ แสดงความเสียใจในบาปที่เขาได้กระทำ เราเสด็จมาด้วยความใจกว้าง ไม่มีใครที่มาพบเราแล้วจะกลับไปมือเปล่า โดยไม่ได้รับความรักจากเราอย่างเต็มเปี่ยม เรามาเพื่อประทานอาหารจากสวรรค์ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้อ่อนแอ ที่จะมอบความสว่างให้กับผู้ที่ตกอยู่ในความมืดมน ที่จะให้พระพรมากมายอย่างสมบูรณ์เพื่อบรรเทาความโศกเศร้า ที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจที่แข็งกระด้างยึดมั่นถือมั่นในทางที่ผิดหลง และขจัดความหวาดเกรงต่างๆ ออกไปเสีย"
                คงไม่มีถ้อยคำใดๆอีกแล้ว ที่ทำให้เราอิ่มเอมเปรมใจเท่ากับ สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสสัญญากับเราเช่นนี้ด้วยพระองค์เอง ถ้อยคำนี้แหละที่ช่วยเราให้เข้มแข็งในความเชื่อ และวางไว้ใจในพระธรรมล้ำลึกของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม
                ในประวัตินักบุญ เกรโกรี่ แห่ง นาซีอันเซน กล่าวเอาไว้ว่า บิดาของท่านป่วยหนักและกำลังจะสิ้นใจ ท่านอ่อนกำลังลงอย่างมาก จนแทบไม่มีแรงขยับตัวเองเลย ลมหายใจของท่านค่อยๆแผ่วลง และไม่สามารถรับประทานอาหารใดๆบำรุงร่างกายให้สดชื่นขึ้นได้ ในที่สุดท่านก็เข้าสู่ภาวะตรีทูต
                ญาติๆของท่าน ต่างตระหนักดีว่าคงไม่มีวิธีใดๆที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นอีกแล้ว เขาได้แต่วางไว้ใจในความเชื่อในองค์พระเจ้า จึงไปที่วัดเพื่อขอให้คุณพ่อถวายพิธีบูชาขอบพระคุณเพื่อผู้ป่วย เมื่อพวกเขากลับไปบ้านก็พบว่าสถานการณ์เลวร้ายนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ป่วยมีอาการกระเตื้องขึ้นและค่อยฟื้นตัวสู่สุขภาพที่เป็นปกติในที่สุด
..................................................................................................


  
พี่น้องที่รัก
ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลพระจักรพรรดิทิเบรีอัสปอนทิอัสปีลาต เป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย กษัตริย์เฮโรด ทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปพระอนุชา ทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนีย เป็นเจ้าปกครองแคว้นอาบีเลน อันนาสและคายาฟาส เป็นหัวหน้าสมณะ พระวาจาของพระเจ้า มาถึงยอห์น บุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร  เขาจึงไปทั่วแม่น้ำจอร์แดน เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบันทึกของประกาศกอิสยาห์ว่าคนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด  หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ต่ำลง ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง ทางขรุขระจะถูกทำให้ราบเรียบ 
            แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้าดังนั้น ยอห์นพูดกับประชาชนที่มารับพิธีล้างจากเขาว่าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำท่านให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง  จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด และอย่ามาอ้างว่า เรามีอับราฮัมเป็นบิดา ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของอับราฮัมได้  บัดนี้ ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่ออกผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ(ลูกา 3:1-9) ชาวยิวไม่ได้ยินเสียงของประกาศก เป็นเวลานานสี่ร้อยปีแล้ว แต่เมื่อยอห์นปรากฏตัวเทศน์สอน และทำพิธีล้าง ประชาชนกลับเชื่อและยอมรับว่าท่านเป็น ประกาศก  คำเทศน์สอนของท่านมีลักษณะพิเศษท่านติเตียนคนผิดโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์เฮโรด ที่เอานางเฮโรเดียส ภรรยาของฟิลิปพระอนุชา มาเป็นภรรยา ท่านก็ทูลว่า ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี (มธ14:4)หรือพวกฟาริสีและสะดูสี ซึ่งเป็นถึงผู้นำทางศาสนาไม่วายถูกตำหนิว่าเป็น เจ้าสัญชาติงูร้าย (มธ3:7) เพราะปล่อยให้ประชาชนจมมืด อยู่ในกฎเกณฑ์และจารีตพิธีต่าง ๆ เมื่อประชาชนดำเนินชีวิต ราวกับไม่รู้จักพระเจ้า ท่านก็ไม่ลังเลเลยที่จะเตือนพวกเขา ให้หันกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้อง บ่อยครั้งทีเดียว ที่เราระมัดระวังตัวเกินกว่า จะกล้าตักเตือนผู้กระทำผิดเฉกเช่นที่ยอห์นได้กระทำท่านสั่งสอนประชาชนให้เป็นผู้ชอบธรรม  นอกจากติเตียนความผิดที่พวกเขาได้กระทำแล้ว ท่านยังเชิญชวนและท้าทายพวกเขา ให้กระทำทั้งสิ่งที่ ควรทำ (should) และสิ่งที่ ทำได้ (could) ด้วย  เสมือนเสียงที่กระตุ้นประชาชนให้ทำในสิ่งที่สูงส่งกว่าน่าเสียดายที่หลายครั้ง เรามัวสาละวนอยู่กับ การห้ามประชาชนทำผิด แต่ใส่ใจเพียงนิดเดียว ที่จะทำให้พวกเขาดำเนินชีวิต ตามจิตตารมณ์อันสูงส่งของพระเยซูเจ้าสำหรับพระเยซูเจ้า การไม่ทำความผิดอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ แต่ต้องทำทุกสิ่ง ให้ดีที่สุดด้วย !

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น