สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
บัดนี้เราเข้ามาสู่ช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเฉลิมฉลองวันที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม
หรือที่เราเรียกกันอย่างเคยว่า วันอาทิตย์ใบลาน
ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองพระธรรมล้ำลึกแห่งการรับทนทรมาน
การถูกตรึงตายบนไม้กางเขน และ การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า
นี่คือการสมโภชที่สำคัญที่สุดของปีพิธีกรรมในพระศาสนจักร การเฉลิมฉลองนี้ทำให้เรามองเห็นว่า
พระเจ้าทรงห่วงใยเรามนุษย์จริงๆ
พระองค์ทรงประทานพระบุตรแต่พระองค์เดียวมาตายเพื่อไถ่บาปของเรามนุษย์
ดังนั้นให้เรามอบถวายความไว้วางใจทั้งสิ้นไว้กับพระองค์
โอกาสนี้พ่อขอนำเรื่องเล่าเกี่ยวกับการวางใจในพระเจ้ามาให้พี่น้องได้อ่านครับ
หลายร้อยปีก่อน
ทูตชาวอังกฤษคนหนึ่ง ขณะเดินทางเพื่อไปทำหน้าที่ที่ประเทศสวีเดน
เขามีความกังวลใจในภารกิจนี้มากถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ระหว่างการเดินทางเขาแวะเข้าไปพักในโรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับที่ปรึกษาของเขา
อาการนอนไม่หลับนั้นทำให้เขาต้องกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาตลอดเวลา
เตียงที่เขานอนก็ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด
เมื่อได้ยินอย่างนี้
ที่ปรึกษาของเขาจึงไปเคาะประตูห้องที่เขานอนอยู่
เมื่อทูตคนนี้มาเปิดประตูให้ ที่ปรึกษาหนุ่มกล่าวกับเขาว่า “ผมขออนุญาตถามคำถามท่านสักหนึ่งข้อเถิด?”
“ว่าไปเลย” ท่านทูตตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ขออภัยนะครับท่าน ท่านคิดใช่ไหมครับว่า
พระเจ้าได้ทรงเอาใจใส่ดูแลโลกนี้มาอย่างดีตลอดเวลาก่อนที่ท่านจะเกิดมา?”
“โอ้ว แน่นอนที่สุด”
“แล้วท่านคิดใช่ไหมครับว่า
พระองค์จะทรงดูแลโลกนี้อย่างดีต่อไปเช่นเดียวกันในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่?”
คำถามนี้ไม่ต้องการคำตอบใดๆ ทูตผู้นั้นเข้าใจประเด็นแล้ว
เขากล่าวกับที่ปรึกษาว่า “ราตรีสวัสดิ์” ปิดประตูห้อง
แล้วกลับไปนอนหลับสนิทเหมือนกับเด็กๆที่ไม่มีความกังวลใจใดๆอีก
“ผู้ที่วางใจในพระเจ้าก็เป็นสุข” (สดุดี 40:4)
คุณพ่อสุพจน์
...........................................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์มหาทรมานของพระเยซูเจ้าหรือที่เราเรียกกันว่าอาทิตย์ใบลาน
เป็นการฉลองที่เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนการสมโภชปัสกาของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงเสด็จเข้ามาที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อมาร่วมงานฉลองปัสกาของชาวยิวเป็นประจำทุกปี
และในครั้งนี้พระองค์ก็ทรงรู้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายของพระองค์แล้ว
เวลาของพระองค์มาถึงแล้วที่พระองค์จะกระทำพันธกิจของพระบิดาให้สำเร็จลุล่วงไป พระองค์ทรงรู้ตัวดีทุกอย่างว่าพระองค์กำลังทำอะไร
ซึ่งแสดงให้เราเห็นถึงความสมัครใจที่จะปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
นอกจากนี้พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราทุกคนให้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของเรา
โดยร่วมส่วนในพระทรมานของพระองค์หากเราต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก และการถูกผจญ
ความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ในระหว่างทางเดินไปยังเนินเขากัลป์วารีโอ
พระเยซูเจ้าทรงได้รับความช่วยเหลือจากซีโมน ชาวไซรีน
ซึ่งเป็นตัวแทนของศิษย์ทุกคนของพระเยซูเจ้า
ผู้ช่วยแบ่งเบาภาระของเพื่อนมนุษย์ที่กำลังต่อสู้กับการแบกกางเขนในชีวิตของตน
มีประชาชนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป
ในจำนวนนั้นมีสตรีกลุ่มหนึ่งที่เห็นใจพระเยซูเจ้าและเข้ามาปลอบโยนพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับพวกนางว่า “จงร้องไห้สงสารตนเองและลูกๆ เถิด”
เพราะการเดินทางสู่เขากัลวารีโอของพระองค์จะเกิดขึ้นซ้ำอีกในความทุกข์ทรมานของคนทุกรุ่นที่ติดตามพระองค์
คริสตชนมองว่าความทุกข์ทรมานของตนเป็นการเข้าร่วมในพระทรมานของพระเยซูเจ้า
ดังนั้นพระทรมานของพระเยซูเจ้าเตือนใจเราคริสตชนว่า...
1.
เราต้องสมัครใจแบกกางเขนของเราแต่ละคนและเดินไปยังเขากัลป์วารีโอ
2.
เราสามารถร่วมแบ่งเบาความทุกข์ยากลำบากของคนอื่นๆ
ได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือ และในขณะเดียวกันเราก็จะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ
ด้วยเช่นกัน
3.
ความทุกข์ยากต่างๆ
ในชีวิตของเราเป็นการร่วมส่วนในพระทรมานของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงแบกกางเขนของตนและติดตามพระองค์ไป”
เราพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระองค์แล้วหรือไม่?
คุณพ่อศวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น