สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
ในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้ เราภาวนาและทำกิจศรัทธาพิเศษด้วยการเดินรูป 14
ภาค เพื่อรำลึกถึงพระธรรมล้ำลึกแห่งการรับทรมาน
สิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระเยซูเพื่อไถ่บาปเรามนุษย์ พ่อขอนำเอาประวัติ "การเดินรูป 14 ภาค" มาให้พี่น้องได้อ่านเพื่อจะทราบความเป็นมาดั้งเดิมของกิจศรัทธาประการนี้ครับ
พ่อสุพจน์
เดินรูป 14 ภาค
เทศกาลมหาพรต
เป็นเทศกาลที่พวกเราคริสตชนจะต้องเอาใจใส่พระวาจาของพระเป็นเจ้า
และอุทิศตนเองเพื่อการอธิษฐานภาวนาบำเพ็ญกิจเมตตาปรานีต่อเพื่อนมนุษย์
เพื่อเตรียมสมโภชปัสกาที่พระเยซูเจ้าผู้ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ
พูดถึงการอุทิศตนเพื่อการรำพึงภาวนา
คริสตชนสามารถปฏิบัติได้หลายวิธี เป็นต้น ทางกางเขน (Way of the Cross) ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ”เดินรูป 14 ภาค” หรือ
“มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเรากระทำกันในวันศุกร์ระหว่างเทศกาลมหาพรต
คริสตชนสมัยแรกๆ
นิยมการเดินรูป 14 ภาค
เข้าใจว่าธรรมเนียมนี้เกิดจากการพยายามเลียนแบบแม่พระที่เดินทางไปเยี่ยมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆ
หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ (ตามคำบอกเล่าของนักบุญบริจิต
ที่ได้รับการไขแสดง) คริสตชนพวกนี้นิยมจาริกแสวงบุญไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ
ที่มีความสัมพันธ์ในชีวิตของพระเยซูเจ้า เช่น สวนเกทเสมนี
สถานที่ตัดสินพระเยซูเจ้า ฯลฯ
เมื่อคริสตชนจำนวนมากได้ไปเยี่ยมนครศักดิ์สิทธิ์
(กรุงเยรูซาเล็ม) และเดินตามสถานที่ต่างๆ
ก็ได้มีการเขียนบันทึกประสบการณ์
และไม่ช้าก็กลายเป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง
ต่อมามีการกำหนดเส้นทางการเดินตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
ที่มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์
นอกจากนี้
พวกเขาปรารถนาที่จะระลึกถึงชีวิตทั้งครบของพระเยซูเจ้ารวมทั้งคำสั่งสอนของพระองค์
ในระหว่างสงครามครูเสด
(Crusade) การเดินทางไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งอันตราย
ทั้งนี้เนื่องมาจากภาวะสงครามในสมัยกลางระหว่างศตวรรษที่ 12-13 คริสตชนในยุโรปมีความศรัทธาต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้ามาก
โดยเฉพาะพวกทหารผ่านศึกในสงครามครูเสดได้สร้างแบบจำลองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตนได้เคยเห็นมาไว้ในบ้านของตน
ในปี 1342 คณะฟรังซิสกันได้รับหน้าที่ให้ดูแลสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเยรูซาเล็ม
ซึ่งพวกท่านถือเป็นเกียรติและหน้าที่ที่จะเผยแพร่ความศรัทธาต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
โดยเริ่มครั้งแรกในอารามก่อน และคริสตชนก็สามารถเข้าร่วมพิธีเดินรูป 14 ภาคโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานะทางการเมืองในขณะนั้น
การแพร่หลายของพิธีเดินรูป
14 ภาคเกิดจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
นักบุญเลียวนาร์ดแห่งปอร์ตมอริส ได้อุทิศชีวิตของตนเพื่อการสอนและการเดินรูป 14
ภาค ประการที่สอง สมเด็จพระสันตะปาปาได้ประกาศประทานพระคุณการุณย์แก่ผู้เข้าในพิธีเดินรูป
14 ภาค เป็นต้นปี 1731 พระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่
12 ทรงประกาศสนับสนุนมรรคาศักดิ์สิทธิ์ หรือ การเดินรูป 14
ภาค จึงเป็นกิจศรัทธาที่ได้รับพระคุณการุณย์อย่างมากมาย
เป็นที่สังเกตว่า การเดินรูปนี้เป็นการรำพึงไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งต่อมาก็มีการใช้รูปภาพหรือรูปปั้น
และที่สำคัญทุกรูปจะมีกางเขนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งอาจะสันนิษฐานได้ว่า
ในกรุงเยรูซาเล็ม สถานที่สำคัญต่างๆ มีกางเขนเป็นเครื่องหมาย อีกประการหนึ่ง
“มรรคาศักดิ์สิทธิ์” หรือ “ทางกางเขน” ปัจจุบันมักเพิ่มสถานที่ 15 พระเยซูทรงกลับคืนพระชนม์เข้าไปด้วย
เพื่อทำให้เราเข้าใจปัสกาของพระเยซูเจ้าสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทางกางเขน
คือ การเดินจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง มิใช่การนั่งและรำพึงอยู่กับที่
ยกเว้นผู้ที่ไม่สบายหรือมีปัญหาด้านสุขภาพ หรือ มีผู้เข้าร่วมมากจนไม่อาจเคลื่อนที่ได้โดยสะดวก
อาศัยการรำพึงภาวนา “ทางกางเขน” หรือ
พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าในระหว่างเทศกาลมหาพรตนี้ น่าจะช่วยให้เราเข้าใจ
“ความจริงแห่งชีวิต” ของเรามากขึ้น
“จงละทิ้งบาปทั้งปวงที่เจ้าได้กระทำต่อเราเสีย
จงเปลี่ยนแปลงนิสัยและแก้ไขจิตใจเสียใหม่”
(จากหนังสือ
ปัสกากับคริสตชนบาทหลวง มิเกล กาไรซาบาล, SJ.)
..............................................................................................................................................
“Prayer is the oxygen of soul”
(Saint Padre Pio)
สวัสดีพี่น้องที่รัก
เราได้เดินทางมหาพรตมาสู่สัปดาห์ที่
4 แล้ว ระยะเวลาแห่งการชำระจิตใจด้วยการภาวนา การอดอาหาร และการทำบุญทำทาน
เป็นอย่างไรกันบ้าง
“ก่อนการตัดสินใจครั้งสำคัญ
พระองค์ทรงแยกตัวออกไปอธิษฐานภาวนา” พี่น้องครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ
ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวกรุงเทพฯ และต่อประเทศไทย ส่วนในพระศาสนจักรเอง
ในยุคสมัยของเรานี้นับว่าได้มีโอกาสเห็นการเลือกตั้งพระสันตะปาปาถึง 2 องค์
ไม่ห่างกันนัก (ส่วนบางคนอาจ 3-4 องค์ ตามแต่วัย)
ซึ่งการเลือกตั้งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่จะเริ่มอีกไม่นานนี้
มีการเลือกตั้งหรือพิจารณาอะไรที่สำคัญอีก พ่อนึกถึงพระศาสนจักรไทยของเราเช่นกัน
เมื่อมีการเลือกพระสังฆราชใหม่เป็นต้น
หรือแม้แต่เมื่อคณะกรรมการสงฆ์ทำการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายพระสงฆ์ในโอกาสที่จะมาถึง
คือเดือนเมษายนนี้ เพราะพ่อก็รอคอยคำสั่งจากการเลือกอันสำคัญครั้งนี้อยู่เหมือนกัน
ยังมีการพิจารณาเช่นนี้อยู่ในบ้านเณรด้วย
เมื่อผู้ใหญ่ในบ้านเณรจะอนุมัติให้ใครผ่านเกณฑ์และสามารถก้าวเข้าไปรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ได้นั้น
ก็ต้องมีการคิดพิจารณาอย่างหนักเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่เหมือนกันในทุกการเลือกหรือพิจารณาก็คือ
“การอธิษฐานภาวนา”
ดังนั้นเมื่อมีการประชุมลับเพื่อเลือกตั้งพระสันตะปาปานั้น
เหล่าพระคาร์ดินัลจะสวดภาวนา เฝ้าศีลมหาสนิท ขอการส่องสว่างของพระจิตเจ้านำทาง
เช่นเดียวกับการเลือกให้เณรคนหนึ่งผ่านหรือไม่ผ่านนั้นก็ต้องเริ่มต้นด้วยการภาวนาทั้งนั้น
พระเยซูเจ้าเองทรงอธิษฐานภาวนาเสมอ
ตั้งแต่มหาพรตสัปดาห์แรกเราก็ได้ยินเรื่องที่พระองค์ทรงเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร 40
วัน 40 คืน ก่อนจะทรงถูกผจญและเริ่มงานเทศน์สอนของพระองค์ มหาพรตสัปดาห์ที่ 2
พระเยซูเจ้าก็ขึ้นภูเขาไปภาวนาพูดคุยกับพระบิดาอีก
ก่อนจะเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระบิดาสำเร็จไปด้วยการสิ้นพระชนม์ที่เขากัลวารีโอ
มหาพรตสัปดาห์ที่สาม พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราอภัยกัน
ให้โอกาสกับคนอื่นเหมือนที่พระให้โอกาสเรา
ยิ่งต้องการคำภาวนาอย่างมากเพื่อจะทำสิ่งกล้าหาญเช่นนั้นได้ สัปดาห์ที่ 4
ในเทศกาลมหาพรตนี้ คงเป็นชีวิตของคนเป็นพ่อเป็นแม่เลยล่ะ ที่แม้ลูกจะทำผิด
เดินหลงทางไป แต่ก็เฝ้าคอยสวดภาวนาทุกวี่วันให้ลูกได้กลับบ้าน สวดให้เกิดความเข้าใจอันดีในครอบครัวของตนด้วย
(ลูกคนไหนที่รู้ตัวว่าทำให้พ่อแม่หนักใจ หันกลับมาคิดได้แล้วนะครับ
ว่าถึงเวลาที่เราต้องกลับใจแล้ว)
พี่น้องครับ
ชีวิตของเรามีเรื่องราวให้ต้องเลือกต้องตัดสินใจอยู่เสมอ
บางคนอาจต้องตัดสินใจแทบทุกวินาที คำโปรยหัวเรื่องข้างต้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเราคริสตชนเลย
หากเราจะมีการภาวนาเป็นประดุจลมหายใจเข้า-ออก
ไม่ทราบเหมือนกันว่าก่อนไปเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ
ครั้งที่ผ่านมานั้น พี่น้องได้ภาวนาขอพระจิตเจ้าก่อนไปเลือกหรือเปล่า?
อยากให้พี่น้องทุกคนมีการอธิษฐานภาวนาเป็นออกซิเจนของจิตวิญญาณอย่างแท้จริงครับ
คุณพ่อปลัดองค์เล็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น