สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8กันยายน 2019
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
พี่น้องที่รัก...
เดือนกันยายนนี้
เราจะรักการอ่านพระวาจาของพระทุกวัน แบ่งปันบทสอนจากพระวาจาด้วยตัวอย่าง
และขอบพระคุณพระเจ้าในพระวาจาที่สอนสั่ง
“แบกกางเขนของตน ติดตามพระคริสต์ บุคคลนั้นคือศิษย์ของพระองค์”
โปรแกรมเดือนนี้
หลังจากผ่านพ้นการฉลองวัดแล้ว
การระลึกถึงบรรดามิชชันนารีผู้เริ่มต้นประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้าในชุมชนละแวกวัดเซนต์หลุยส์และที่อื่นๆ
ซึ่งผ่านพ้นมาหลายร้อยปี ขอบคุณพระเจ้าที่ได้สัมผัสความรักของพระองค์
เรากำลังเดินทางต่อไปด้วยการแบกไม้กางเขนคือพันธกิจรักพระรับใช้เพื่อนมนุษย์
เพราะนี่คือศิษย์พระคริสต์ศิษย์ธรรมทูตในเวลาปัจจุบันให้การอ่านพระวาจาด้วยการแบกกางเขนของกันและกันจะทำให้
“ข่าวดี” กลายเป็นหนทางแห่งความสุขแท้จริง
งานแพร่ธรรม
สามารถทำได้แม้กระทั่งคนบ้านใกล้เรือนเคียง และออกนอกหมู่บ้านไกลโพ้น
เริ่มจากเรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้ามจนกลายเป็นกิจเมตตาอันยิ่งใหญ่
คำพูดคำเขียนให้ดีและสวยงามอย่างไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักที่แสดงออกต่อบุคคลที่เราควรจะต้องรับรักเมตตาต่อเขาคนนั้น
เขาอาจจะเป็นบุคคลในบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง คนร่วมงาน
และคนที่กำลังร่วมพิธีมิสซาใกล้ๆกับเรานี่แหละ
หันมาสนทนาเรื่องราวของพระคริสต์เหมือนกับศิษย์ที่เอมาอุส คุยกันจนจำพระองค์ได้
การคุยกันคือการมอบสันติสุขให้กับกันและกัน
ไม้กางเขนคือพันธกิจรักเพื่อนผู้อื่น
พระเจ้าสอนเรารักเพื่อนบ้าน พระองค์สอนเราด้วยไม้กางเขนและแบกให้เราจนถึงวันสุดท้าย
ก็เพื่อให้ความรักที่มีต่อพระเจ้าปรากฏแจ้งให้เราเห็นกันตลอดไป
การเข้าใจกัน
การมองหน้ากันและรู้ใจกัน การหันหน้ามาร่วมงานกัน การหยิบยื่นน้ำใจดีต่อกัน
และการคืนดีกัน เป็นไม้ “กางเขน” ที่ “กางแขน”ออกพร้อมมอบสันติสุขให้กับกันและกัน
เมื่อเดินเข้ามาในวัด
ให้มองที่กางเขนเพื่อยอมศิโรราบกราบนมัสการพระองค์ และก่อนจะเดินออกจากวัด
ก็ให้มองและคุกเข่าอีกสักครั้ง เพื่อนำความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไปสู่ทุกคนที่ต้องการรับความรักผ่านทางชีวิตคริสตชน
“ศิษย์พระคริสต์ ศิษย์ธรรมทูต”ของพระองค์
ขอพระอวยพร
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
"เหตุผลที่ฉันรักและเลือกหนทางพระ
มากกว่าน้ำใจตน"
ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า
พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา
ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง
ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้
ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา
ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้”
(ลก14:25-27)
คำที่น่าสนใจในพระวรสารสัปดาห์นี้ "ติดตามพระเยซูเจ้า
รักพระองค์มากกว่าสิ่งอื่นใด" ไม่ได้หมายความว่า "พระห้ามเรารักสิ่งใดใดในโลกเลย" แต่พระเน้นย้ำให้เราเอาใจใส่
"น้ำพระทัยพระองค์" เราจำเป็นต้องให้ "พระเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งในชีวิตเรา"
การ "ให้พระเป็นอันดับแรกในชีวิต"
ย่อมต้องผ่านการ "เขี่ยชีวิตตนเอง ตัดสละน้ำใจตนเอง"
เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายง่ายเลยที่เราจะฝ่าด่านนี้ไปได้
เพราะเราก็ย่อมต้องรักตนเองสนใจน้ำใจตนเอง และความยากมากมากในการ "เขี่ยชีวิตตนเอง
ตัดสละน้ำใจตนเอง" ด้วยความยากลำบากนี้
ก็นับเป็นเรื่องเดียวกันกับพระวาจาของพระเยซูเจ้า ในเรื่อง "ตัดสละน้ำใจตนเอง
แบกกางเขนของตนและติดตามเรา (พระเยซู)"
"มนุษย์
ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้พระประสงค์ของพระเจ้าได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานพระปรีชาญาณให้เขาถ้าพระองค์ไม่ทรงส่งพระจิตศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากเบื้องบน วิถีทางของชาวโลกถูกดัดให้ตรงเช่นนี้
มนุษย์ได้รับการสั่งสอนให้รู้ถึงสิ่งที่พอพระทัย
เขาได้รับความรอดพ้นก็อาศัยพระปรีชาญาณนี้เอง”
(ปชญ 9:17-18)
คำแนะนำของผู้รู้
ผู้มีประสบการณ์มากกว่าเรานัก ในหนังสือปรีชาญาณ มีคุณค่ากับชีวิตของเรามาก ประสบการณ์ของพวกท่านเตือนสอนเราว่า
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่มากมายนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเราที่ช่างเล็กน้อยนัก และมีข้อจำกัดมากมาย
เราอาศัยพระปรีชาญาณของพระ
คอยช่วยสอนเรา แนะนำเรา เติมเต็มข้อบกพร่องข้อจำกัดให้เรา
เราจึงค่อยค่อยเติบโตขึ้น "วิถีทางของพระเจ้าช่างยิ่งใหญ่ เมื่อเปรียบกับมนุษย์ผู้มีความสามารถกระจิดริด" จึงเป็นเหตุผลที่เรา เลือกที่จะเดินตามเสียงเรียกของพระ
เลือกที่จะ "ตัดสละน้ำใจของตน แบกกางเขนของตนและติดตามเรา (พระเยซู)" และวางใจในพระปรีชาญาณของพระองค์
วางใจว่าพระองค์ทรงรักเรา และจะเติมเราให้เต็มในสิ่งที่เราขาด
พระปรีชาญาณสอนพ่อ นำทางพ่อ
ให้เห็นผลอันชื่นบานที่จะตัดสละน้ำใจตนเอง ฟังเสียงพระ
ให้น้ำพระทัยพระองค์เป็นอันดับแรกเสมอ และติดตามพระองค์ ผลนั้นคือ พระองค์จะทรงนำทางเรา
เป็นพลังสำหรับเรา เติมเต็มในสิ่งที่ชีวิตคริสตชนของเราขาด ที่สำคัญ
ทุกครั้งที่เราติดตามพระองค์ เราจะมีพระพรมากมายเหลือเพียงพอที่จะแบ่งปันให้สันติสุขกับพี่น้องรอบกายเรา
นกขุนทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น