วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22กันยายน 2019
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

พี่น้องที่รัก...
        เดือนกันยายนนี้ เราจะรักการอ่านพระวาจาของพระทุกวัน แบ่งปันบทสอนจากพระวาจาด้วยตัวอย่าง และขอบพระคุณพระเจ้าในพระวาจาที่สอนสั่ง
       “แบกกางเขนของตน ติดตามพระคริสต์ บุคคลนั้นคือศิษย์ของพระองค์”
        หลังจากคำประกาศของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยโดยพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ยืนยันชัดเจนว่า “พระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จเยือนประเทศไทยในวันที่ 20-23 พฤศจิกายนนี้แน่นอน หลายคนก็รอดูหมายกำหนดการว่าพระองค์จะเสด็จไปไหนบ้าง จะได้เข้าร่วมเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด  บางคนเคยเห็นพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สอง(นักบุญ)เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ปีนี้ฉันจะมีโอกาสได้เห็นพระสันตะปาปาฟรังซิสอย่างใกล้ชิดหรือไม่ และอย่างไร
        เวลานี้ดีที่สุดคือเตรียมตัวและเตรียมใจ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไว้ เพราะต้องอยู่กับผู้คนมากมายและใช้เวลารอคอย อาจจะต้องยืนคอยนานๆ ร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ  การเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเท่าที่พกพาได้และได้รับอนุญาตก็ใส่กระเป๋าไว้ และที่สำคัญคือเอกสารประจำตัว เพราะเดี๋ยวระบบความปลอดภัยต้องมีการตรวจสอบ บัตรและสำเนาเตรียมๆไว้เพื่อนำมาลงทะเบียนเข้าไปสถานที่ที่เขาอนุญาต ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเหมือนกับประเทศอื่นๆ เมื่อพระองค์เสด็จไปไหนก็ต้องถวายความปลอดภัยและเรียบร้อย  แม้แต่กรุงโรมก็ยังมีระบบความปลอดภัยเช่นกัน
        จึงขอให้พี่น้องท่านใดที่ต้องการร่วมพิธีมิสซาที่สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน หรือแม้แต่รอรับเสด็จรอบๆวัดเซนต์หลุยส์ ก็ให้เตรียมสำเนาบัตรประจำตัวไว้ เพื่อใช้ลงทะเบียน เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว  ส่วนเด็กๆก็ควรเตรียมๆไว้เช่นกัน  พระองค์รักเด็กๆจะเป็นโอกาสที่ทำให้พระองค์ได้ใกล้ชิดเด็กไทยที่วันหนึ่งเขาจะจดจำไปอีกนาน เหมือนกับหลายๆคนที่เคยมีโอกาสเมื่อ 35 ปีที่แล้วกับพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สอง
        ขอให้เราทุกคนภาวนาเพื่อการเสด็จเยือนครั้งนี้ เป็นการประกาศข่าวดีด้วยชีวิตและพันธกิจของพระองค์สำเร็จไปด้วยดี
       
ขอพระอวยพร
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


"ใช้พระพรที่มีเพื่อช่วยดึงพี่น้องที่ทนทุกข์และจมอยู่ในฝุ่นดิน"

ท่าน​ทั้งหลาย​ที่​เหยียบ​ย่ำ​คน​ขัด​สน และ​ทำลาย​คน​ยากจน​ของ​แผ่นดิน จง​ฟัง​ถ้อยคำ​นี้​เถิด..... องค์พระผู้เป็นเจ้า​ทรง​สาบาน​ต่อ​ศักดิ์ศรี​ของ​ยา​โคบว่า “​เรา​จะ​ไม่​ลืม​การ​กระทำ​ของ​เขา​เลย” (อมส 84,7)
          มีคนเคยพูดไว้  "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน"  วันนี้ขอแนะนำประโยคใหม่ให้กำลังใจว่า  "ค่าของคน (จน) อยู่ที่เขาเป็นลูกของพระ...แล้วพระสัญญาจะปกป้องคุ้มครองเขา...เสมอ
          สิ่งที่พบได้จากพระวาจาตอนนี้  เรื่องแรก...มีคนจนมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือกำลังทนทุกข์ทรมาน,เจ็บปวดอยู่ทุกยุคทุกเวลา  ประการที่สอง...ในช่วงเวลาที่เขากำลังเจ็บปวดทุกข์ทนอยู่นี้ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์  เหยียบย่ำพวกเขาเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของตนเอง 
          ประการสุดท้าย...เราพบว่า พระเจ้าสัญญาจะปกป้องผู้กำลังทนทุกข์เจ็บปวด จะคุ้มครองเขาและแน่นอน พระองค์จะเอาผิดกับคนที่ทอดทิ้งไม่ช่วยเหลือเขา รวมทั้งเหยียบย่ำ และเอาเปรียบพวกเขาที่เป็นลูกของพระองค์.
 นาย​นึก​ชม​ผู้จัดการ​ทุจริต​คน​นั้น  ว่า​เขา​ทำ​อย่าง​เฉลียว​ฉลาด ทั้งนี้​ก็​เพราะ​บุตร​ของ​โลก​นี้​มี​ความ​เฉลียว​ฉลาด​ใน​การ​ติดต่อ​กับ​คน​ประเภท​เดียวกัน​มากกว่า​บุตร​ของ​ความ​สว่าง  ‘​ดังนั้น เรา​บอก​ท่าน​ทั้งหลาย​ว่า จง​ใช้​เงิน​ทอง​ของ​โลก​อธรรม​นี้  เพื่อ​สร้าง​มิตร​ให้​ตนเอง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เงิน​ทอง​นั้น​หมด​สิ้น​แล้ว ท่าน​จะ​ได้รับ​การ​ต้อนรับ​สู่​ที่​พำนัก​นิรันดร  (ลด 16:8-9)
          พระเยซูทรงชมผู้จัดการทุจริตคนนี้ ชมที่เขาใช้ความคิดความอ่าน ไม่ได้ชมที่พฤติกรรมที่ไม่ดีของเขา
         ผู้จัดการคนนี้ใช้ความทุจริต เป็นเครื่องมือช่วยให้เขาได้รอดพ้นจากความยากลำบาก  แต่ความรอดพ้นนี้เป็นเพียงความรอดพ้นชีวิตประจำวันในโลกเท่านั้น  พระเยซูเจ้าแนะนำเราให้ใช้จิตารมณ์ที่สูงขึ้น ให้เราใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร
 "พระเจ้า ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ เพื่อให้เขานั่งร่วมกับบรรดาเจ้านาย กับเจ้านายแห่งประชากรของพระองค์  (สุด 113:7-8)
          พระเจ้าปรารถนาให้เราร่วมมือกับพระองค์ เพื่อช่วยบรรดาเพื่อนพี่น้องของเราที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ให้เขาได้พบกับสันติสุข  เรามีพระพรของพระเจ้าในสิ่งใดก็ใช้พระพรของพระในเรื่องนั้นที่เรามี ใช้เพื่อบรรเทาให้แก่กันและกัน "ใช้พระพรที่มีเพื่อช่วยดึงพี่น้องที่ทนทุกข์และจมอยู่ในฝุ่นดิน"

                                                        นกขุนทอง

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15กันยายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15กันยายน 2019
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

พี่น้องที่รัก...
        เดือนกันยายนนี้ เราจะรักการอ่านพระวาจาของพระทุกวัน แบ่งปันบทสอนจากพระวาจาด้วยตัวอย่าง และขอบพระคุณพระเจ้าในพระวาจาที่สอนสั่ง
       “แบกกางเขนของตน ติดตามพระคริสต์ บุคคลนั้นคือศิษย์ของพระองค์”
        โปรแกรมเดือนนี้การนำพระวาจาแบ่งปันให้เกิดสันติสุข บรรดาเด็กๆเริ่มทำหน้าที่ “ยุวธรรมทูต”ช่วยพระเยซูประกาศพระวาจา บริเวณสนามหญ้าข้างวัด บรรดาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำหน้าที่กิจเมตตาดูแลสุขภาพที่หน้าวัดพระจิต และจิตอาสาช่วยกันบอกต่อไปแสวงบุญทำบุญอารามคาร์แมล นครสวรรค์ และคำนับหลุมศพพระคุณเจ้ามิเชลลังเยร์ ที่อาสนวิหารอันนา นครสวรรค์ การช่วยซื้อข้าวเพื่อแม่ปอนผ่านซองแม่ปอน การส่งเสริมกิจกรรมการเดินและวิ่งการกุศลของอาสนวิหารอัสสัมชัญ  พ่อถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันคือประกาศข่าวดีเรื่องราวของพระเยซูเจ้ามีความรักชาวเรา
        ขอช่วยกันสนับสนุน เด็ก วัยเยาว์ และผู้ใหญ่ ร่วมใจแบ่งปันให้กับเพื่อนพี่น้องของเรา
        ขอแนะนำเพิ่มเติม บรรดาเด็กๆกำลังตื่นตัวด้วยบทบาทยุวธรรมทูต เพื่อเริ่มจากเครื่องมือเล็กๆตัวน้อยๆก็เป็นกำลังอันมีค่าเพื่อช่วยพระเยซูเจ้าได้
        กิจเมตตาเพื่อการดูแลสุขภาพ การมีเมตตาและเอาใจใส่กัน ด้วยการรักตัวเองและผู้อื่น ถือเป็นบทบัญญัติรักที่พระเจ้าสอนเรา
        การเดินทางไปบำรุงพระศาสนจักรผ่านการฉลองอารามคาร์แมล นครสวรรค์
        การมีส่วนร่วมประกาศข่าวดีกับเพื่อนบ้านอาสนวิหารอัสสัมชัญ 100 ปีเดินวิ่งการกุศล
        การให้อาหารผ่านศูนย์แม่ปอนด้วยข้าวสาร ทำบุญหนึ่งกระสอบก็ดูแลชีวิตเด็กน้อยได้ทั้งปี
        ขอขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีโอกาสได้แชร์ ได้ช่วย ได้แบ่งปัน ถือเป็น “ความรัก” ที่พระเจ้าสอนเราให้เอาใจใส่และดูแลกันและกัน
        บัดนี้เรา “พบแล้ว” พระเจ้าพบเรา เราพบพระเจ้า อาแมน
       
ขอพระอวยพร
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม



"พระเมตตาของพระ มาถึงเราก่อน ก่อนที่เราจะรู้ตัวว่าผิด ก่อนที่เราจะกลับใจเสียอีก."

"ลูกคนเล็กกลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา" (ลก 15:20)
          นี่แหละ คือหัวใจของพระบิดาแท้จริง ทรงรู้สึกรัก, รู้สึกสงสาร และเป็นผู้เริ่มก่อน เป็นผู้เริ่มคนแรกเสมอที่จะมอบความรักและความเมตตา อีกทั้งการให้อภัยให้กับเราทุกคน  สิ่งแรกที่พระบิดามองมาในชีวิตของเรามิใช่ความดีหรือความเลวร้ายที่เราได้เคยทำมา  แต่พระองค์มองดูตัวเรา มองเราที่เป็นลูกของพระองค์เป็นเรื่องแรก
            ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา”  พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ   เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว   เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ” (ลก 15:2-7)
          พระเยซูเจ้าเชื้อเชิญเราทุกคนให้มองกันและกัน มองเพื่อนพี่น้องของเรา แบบเดียวกับที่พระบิดาทรงมองเรา แบบเดียวกับที่พ่อในเรื่องเปรียบเทียบได้มองดูลูกชายคนเล็กที่ทำผิดพลาดและน่านักน่าจะโดนตีสอนหลายหลายทีเลยทีเดียว
"แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ" (1ทธ 1:13)
          ก่อนที่เราจะรู้ตัวว่าได้ทำผิดพลาดไป พระบิดา...ความรักห่วงใย พระเมตตารักของพระองค์ ก็เดินทางมาถึงตัวเราแล้ว เช่นเดียวกันเชิญชวนเรามองหาช่องทางที่จะมอบความรักเมตตาเช่นเดียวกันนี้ มอบให้พี่น้องรอบข้าง  เป็นพิเศษพี่น้องลูกหลานใกล้ตัวเรา ในครอบครัวของเรา และทุกคนที่เราได้พบเจอในชีวิต

                                                        นกขุนทอง

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2019



สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8กันยายน 2019

สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา


พี่น้องที่รัก...
        เดือนกันยายนนี้ เราจะรักการอ่านพระวาจาของพระทุกวัน แบ่งปันบทสอนจากพระวาจาด้วยตัวอย่าง และขอบพระคุณพระเจ้าในพระวาจาที่สอนสั่ง
        “แบกกางเขนของตน ติดตามพระคริสต์ บุคคลนั้นคือศิษย์ของพระองค์”
        โปรแกรมเดือนนี้ หลังจากผ่านพ้นการฉลองวัดแล้ว การระลึกถึงบรรดามิชชันนารีผู้เริ่มต้นประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้าในชุมชนละแวกวัดเซนต์หลุยส์และที่อื่นๆ ซึ่งผ่านพ้นมาหลายร้อยปี ขอบคุณพระเจ้าที่ได้สัมผัสความรักของพระองค์ เรากำลังเดินทางต่อไปด้วยการแบกไม้กางเขนคือพันธกิจรักพระรับใช้เพื่อนมนุษย์ เพราะนี่คือศิษย์พระคริสต์ศิษย์ธรรมทูตในเวลาปัจจุบันให้การอ่านพระวาจาด้วยการแบกกางเขนของกันและกันจะทำให้ “ข่าวดี” กลายเป็นหนทางแห่งความสุขแท้จริง
        งานแพร่ธรรม สามารถทำได้แม้กระทั่งคนบ้านใกล้เรือนเคียง และออกนอกหมู่บ้านไกลโพ้น เริ่มจากเรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้ามจนกลายเป็นกิจเมตตาอันยิ่งใหญ่ คำพูดคำเขียนให้ดีและสวยงามอย่างไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับความรักที่แสดงออกต่อบุคคลที่เราควรจะต้องรับรักเมตตาต่อเขาคนนั้น เขาอาจจะเป็นบุคคลในบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง คนร่วมงาน และคนที่กำลังร่วมพิธีมิสซาใกล้ๆกับเรานี่แหละ หันมาสนทนาเรื่องราวของพระคริสต์เหมือนกับศิษย์ที่เอมาอุส คุยกันจนจำพระองค์ได้ การคุยกันคือการมอบสันติสุขให้กับกันและกัน
        ไม้กางเขนคือพันธกิจรักเพื่อนผู้อื่น พระเจ้าสอนเรารักเพื่อนบ้าน พระองค์สอนเราด้วยไม้กางเขนและแบกให้เราจนถึงวันสุดท้าย ก็เพื่อให้ความรักที่มีต่อพระเจ้าปรากฏแจ้งให้เราเห็นกันตลอดไป
        การเข้าใจกัน การมองหน้ากันและรู้ใจกัน การหันหน้ามาร่วมงานกัน การหยิบยื่นน้ำใจดีต่อกัน และการคืนดีกัน เป็นไม้ “กางเขน” ที่ “กางแขน”ออกพร้อมมอบสันติสุขให้กับกันและกัน
        เมื่อเดินเข้ามาในวัด ให้มองที่กางเขนเพื่อยอมศิโรราบกราบนมัสการพระองค์ และก่อนจะเดินออกจากวัด ก็ให้มองและคุกเข่าอีกสักครั้ง เพื่อนำความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไปสู่ทุกคนที่ต้องการรับความรักผ่านทางชีวิตคริสตชน “ศิษย์พระคริสต์ ศิษย์ธรรมทูต”ของพระองค์
       
       
ขอพระอวยพร
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


"เหตุผลที่ฉันรักและเลือกหนทางพระ มากกว่าน้ำใจตน"

ประชาชน​จำนวน​มาก​กำลัง​เดิน​ไป​กับ​พระ​เยซู​เจ้า พระองค์​ทรง​หัน​พระ​พักตร์​มา​ตรัส​กับ​เขา​ทั้งหลาย​ว่า  “​ถ้า​ผู้ใด​ติดตาม​เรา​โดย​ไม่​รัก​เรา​มากกว่าบิดา​มารดา ภรรยา บุตร พี่​น้องชาย​หญิง และ​แม้กระทั่ง​ชีวิต​ของ​ตนเอง ผู้​นั้น​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา​ไม่ได้  ผู้ใด​ไม่​แบก​กางเขน​ของ​ตน​และ​ติดตาม​เรา ผู้​นั้น​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา​ไม่ได้”  (ลก14:25-27)
          คำที่น่าสนใจในพระวรสารสัปดาห์นี้ "ติดตามพระเยซูเจ้า รักพระองค์มากกว่าสิ่งอื่นใด" ไม่ได้หมายความว่า "พระห้ามเรารักสิ่งใดใดในโลกเลย"  แต่พระเน้นย้ำให้เราเอาใจใส่ "น้ำพระทัยพระองค์" เราจำเป็นต้องให้ "พระเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งในชีวิตเรา"
          การ "ให้พระเป็นอันดับแรกในชีวิต" ย่อมต้องผ่านการ "เขี่ยชีวิตตนเอง ตัดสละน้ำใจตนเอง" เป็นเรื่องธรรมดา  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายง่ายเลยที่เราจะฝ่าด่านนี้ไปได้ เพราะเราก็ย่อมต้องรักตนเองสนใจน้ำใจตนเอง และความยากมากมากในการ "เขี่ยชีวิตตนเอง ตัดสละน้ำใจตนเอง" ด้วยความยากลำบากนี้ ก็นับเป็นเรื่องเดียวกันกับพระวาจาของพระเยซูเจ้า ในเรื่อง "ตัดสละน้ำใจตนเอง แบกกางเขนของตนและติดตามเรา (พระเยซู)"
"มนุษย์ ผู้ใดเล่าจะล่วงรู้พระประสงค์ของพระเจ้าได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานพระปรีชาญาณให้เขาถ้าพระองค์ไม่ทรงส่งพระจิตศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากเบื้องบน  วิถีทางของชาวโลกถูกดัดให้ตรงเช่นนี้ มนุษย์ได้รับการสั่งสอนให้รู้ถึงสิ่งที่พอพระทัย  เขาได้รับความรอดพ้นก็อาศัยพระปรีชาญาณนี้เอง”  (ปชญ 9:17-18)
          คำแนะนำของผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์มากกว่าเรานัก ในหนังสือปรีชาญาณ มีคุณค่ากับชีวิตของเรามาก  ประสบการณ์ของพวกท่านเตือนสอนเราว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่มากมายนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเราที่ช่างเล็กน้อยนัก และมีข้อจำกัดมากมาย
          เราอาศัยพระปรีชาญาณของพระ คอยช่วยสอนเรา แนะนำเรา เติมเต็มข้อบกพร่องข้อจำกัดให้เรา เราจึงค่อยค่อยเติบโตขึ้น "วิถีทางของพระเจ้าช่างยิ่งใหญ่ เมื่อเปรียบกับมนุษย์ผู้มีความสามารถกระจิดริด"  จึงเป็นเหตุผลที่เรา เลือกที่จะเดินตามเสียงเรียกของพระ เลือกที่จะ "ตัดสละน้ำใจของตน แบกกางเขนของตนและติดตามเรา (พระเยซู)"  และวางใจในพระปรีชาญาณของพระองค์ วางใจว่าพระองค์ทรงรักเรา และจะเติมเราให้เต็มในสิ่งที่เราขาด
          พระปรีชาญาณสอนพ่อ นำทางพ่อ ให้เห็นผลอันชื่นบานที่จะตัดสละน้ำใจตนเอง ฟังเสียงพระ ให้น้ำพระทัยพระองค์เป็นอันดับแรกเสมอ และติดตามพระองค์  ผลนั้นคือ พระองค์จะทรงนำทางเรา เป็นพลังสำหรับเรา เติมเต็มในสิ่งที่ชีวิตคริสตชนของเราขาด ที่สำคัญ ทุกครั้งที่เราติดตามพระองค์ เราจะมีพระพรมากมายเหลือเพียงพอที่จะแบ่งปันให้สันติสุขกับพี่น้องรอบกายเรา

                                                        นกขุนทอง