วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม2019
สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา

พี่น้องที่รัก...
        พระวรสารในวันนี้ เชิญชวนให้เราเตรียมพร้อมอยู่เสมอ พระเยซูเจ้าใช้คำว่าตื่นเฝ้า หมายถึงการรอคอยอย่างตั้งอกตั้งใจ การเอาใจใส่เหมือนกำลังเตรียมรับเสด็จบุคคลสำคัญที่กำลังจะมา ความพร้อมจึงต้องเฝ้าระวัง ไม่เผลอไผลหรือปล่อยเวลาให้ผ่านไป และรีบเร่งเอาเมื่อใกล้ตัว เพราะว่าเวลานั้นเราจะไม่เหลืออะไรเลย เวลามีไม่พอ ไม่มีโอกาสและไม่ทันการ จึงสมควรที่พร้อมสรรพ ณ บัดนี้
        พ่อจึงขอใช้เวลาเตรียมฉลองวัดมาเทียบเคียงกับพระวาจาในวันนี้
        กำหนดการฉลองวัดเซนต์หลุยส์วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2019 เวลา 10.00 น.
มิสซาเช้า  06.00 น. ตามปกติ (งดรอบ 8.00 น.และ 12.00 น.)มิสซาเย็น 17.30 น. ตามปกติ
มิสซาฉลองเวลา        10.00 น.เริ่มพิธี(ประธาน คุณพ่อปีแอร์ลาบอรี่)
หมายเหตุ มิสซาฉลองภายในและมีแห่รอบวัด วันเสาร์เวลา 17.30 น.(ประธานคุณพ่อปิยะชาติ มกรครรภ์)
        เดือนสิงหาคม จะเป็นเดือนล้อมรอบพระแท่นใหญ่ โอกาสเตรียมฉลองวัดในช่วงเวลาพิเศษ 350 ปีของพระศาสนจักรในประเทศไทย(มิสซังสยาม) ทีมฉลองวัดในปีนี้คือการระลึกนึกถึงบรรดามิชชันนารี่ ผู้บุกเบิกชุมชนความเชื่อของวัดเซนต์หลุยส์
        เมื่อสัปดาห์แรก 4 สิงหาคม เราได้รำลึกถึงพระสังฆราชหลุยส์เวย์ผู้ซื้อที่ดินบริเวณเซนต์หลุยส์ทั้งหมด ขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่เรามีที่อยู่อาศัยในทำเลที่ดีมากและได้ใกล้ชิดพระเป็นเจ้ากับสถานที่ทำงาน
        สัปดาห์ที่สอง 11 สิงหาคม     รำลึกถึงพระสังฆราชหลุยส์โชแลง ผู้ก่อสร้างวัดเซนต์หลุยส์ สารวัดฉบับบนี้ได้แทรกรายละเอียดชีวิตและการเริ่มงานสำคัญของพระศาสนจักร เป็นพิเศษคือบริเวณวัดที่มีแต่ความเจริญกายและจิตใจ โดยเฉพาะวัดเซนต์หลุยส์กลายเป็นสถานที่รวมครอบครัวอันหลากหลายที่เจริญลูกหลานจวบจนถึงทุกวันนี้
        วันอังคารที่ 13 สิงหาคม เวลา 17.30 น.เรามีนัดพบกันที่วัดอัสสัมชัญเพื่อเคารพหลุมศพพระคุณเจ้าและร่วมมิสซาขอบพระคุณพระเจ้าด้วยกัน
        สัปดาห์ที่สาม 18 สิงหาคม เราจะรำลึกถึงพระสังฆราชมีแชลลังเยร์ เจ้าอาวาสวัดเซนต์หลุยส์องค์แรก ผู้เริ่มสถานศึกษาทั้งเด็กชายและเด็กหญิง เพื่อเห็นแก่ความรอดทางด้านวิญญาณพร้อมๆกับความเจริญทางด้านสติปัญญา มีหลายคนที่ได้ประสบความสำเร็จก็เพราะสถานศึกษาแห่งนี้

        จึงเชิญชวนทุกท่านเตรียมตัวและเตรียมใจสำหรับการฉลองวัดตั้งแต่บัดนี้

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม

บอกกล่าว เล่าเรื่อง
                จะ ด่า ไปทำไม
            พ่อมีโอกาสได้ฟังนักพูดคนหนึ่งพูดถึงประเด็น การด่า ฟังแล้วก็ทำให้ฉุกคิดและอยากนำมาแบ่งปันในฉบับนี้ พ่อเชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับคำด่าไม่มากก็น้อย ทั้งในบทบาทที่เราสวมบทเป็นผู้ด่า ซึ่งอาจมาจากความไม่ถูกใจกับเรื่องต่างๆ กับเหตุการณ์ต่างๆ จนทำให้เราต้องสวมบทบาทผู้ด่า หรืออีกมุมหนึ่งเราอาจเป็นผู้ถูกด่า จากความไม่รู้บ้าง จากความผิดพลาดในเรื่องต่างๆ หรือสถานการณ์ต่างๆจนตกเป็นจำเลยของการถูกด่าไปโดยปริยาย
            นักพูดท่านนี้ก็ได้พูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่า จะด่า ไปทำไม ได้อะไรจากการด่า นอกจากการได้ระบาย หรือการได้ระเบิดอารมณ์ของการที่ไม่ถูกใจออกมา อาจได้ความสะใจ แต่ผลที่ตามมามันอาจเยอะกว่า นั่นคือ มันอาจทิ้งบาดแผลในใจให้คนใดคนหนึ่งที่เป็นผู้รองรับคำด่านั้น มันอาจทำลายความสัมพันธ์ มันอาจบั่นทอนจิตใจและกำลังใจของผู้ถูกด่า ฯลฯ อีกหลากหลายที่จะตามมาจากคำด่าเพียงไม่กี่คำ ไม่กี่นาทีนั้น
            การด่าทำให้คุณดูฉลาดน้อยลง ดูจะเป็นวลีเด็ดที่ผู้พูดได้กล่าวไว้ ที่บอกอย่างนั้นมันเพราะว่าเมื่อเราด่า คำด่าเกิดจากอารมณ์ที่เหนือเหตุผล มันมาจากความโกรธ ยิ่งเราโกรธมาก สติเราก็ลดลง เมื่อเราเป็นคนที่ด่าบ่อยขึ้น ด่าเก่งขึ้น เอะอะด่ามันยิ่งเป็นเครื่องหมายว่าเรากำลังฝึกตัวเองให้มีสติน้อยลง เรากำลังปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและนี่เป็นเหตุให้เราดูฉลาดน้อยลง
            การด่า ทำให้อะไรดีขึ้นไม่ได้ เปลี่ยนใครไม่ได้จากการด่า มีงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นกล่าวไว้ว่า โดยธรรมชาติมนุษย์จะปิดกั้นตัวเองทันทีจากเรื่องนั้นเมื่อมีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ถูกใจ ไม่สบายใจ และผลที่ตามมาคือความรู้สึกต่อต้านที่เกิดขึ้นและมันไม่ส่งผลดีนัก เราไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดความไม่ถูกใจด้วยอารมณ์ได้ แต่เราจะแก้ไขและทำให้คนหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยสติและความเข้าใจ เมื่อไหร่ที่เราใช้สติ สิ่งที่ตามมาคือ เราจะใช้เหตุผลและความเข้าใจมากขึ้น เราจะช้าที่จะใช้ปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา และจะใช้เหตุผลที่ควรจะเป็นมากขึ้น เราจะเข้าใจว่า ไม่มีใครที่อยากทำผิดพลาด อยากโดนด่า แต่มันมีเหตุผลของเรื่องนั้น ๆ เสมอ ที่ทำให้เป็นแบบนั้น และเมื่อเราเห็นและเข้าใจ เราจะใช้วิธีการที่ดีกว่าการด่า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น จากที่จะด่าอาจจะเปลี่ยนเป็นการพูดที่ทำให้เขาได้คิด จากที่จะด่าเปลี่ยนเป็นถ้อยคำที่เสริมสร้างแรงบวก จากที่จะด่าเปลี่ยนเป็นความหวังดีที่ส่งให้ และแม้ว่าสิ่งที่เราทำจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แต่สิ่งที่เราจะได้แน่ ๆ จากการทำสิ่งนี้ นั่นก็คือ เราจะมีสติมากขึ้น และสติจะไม่ทำให้เราโง่ลง และที่ตามมาคือ เหตุผลและความเข้าใจจะทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น
            มันง่ายที่จะระเบิดอารมณ์ด้วยคำด่า หรือได้ความสะใจจากคำด่า แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรจากการด่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะเสียไป อาจมีหลายสถานการณ์ หลายปัจจัย ทำให้เราง่ายที่จะด่า แต่จะด่าไปทำไม ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นและไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แต่ถ้าคำพูดดี ๆ จะทำให้เกิดอะไรดีขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดเกิดผลกับตัวเราเองนั่นคือทำให้เรามีสติ ให้เรามีใจที่สูงขึ้นมันย่อมดีกว่ามิใช่หรือ

                                                                                                                        ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น