สารวัดวันอาทิตย์ที่
26 พฤษภาคม2019
สัปดาห์ที่หกเทศกาลปัสกา
พี่น้องที่รัก...
นับแต่นี้ไป
เราคงมีงานสำคัญเพื่อให้ชีวิตคริสตชนของเรากระชุ่มกระชวยกระฉับกระเฉงเพิ่มขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา
ถึงแม้ว่าวันแต่ละวันเราก็เต้นไปกับหน้าที่การงานและความรับผิดชอบ แต่ 350
ปีมิสซังสยามจะช่วยกระตุ้นเตือนใจให้เห็นถึงความสำคัญของการมีชีวิตอยู่เพื่อใคร
บรรดามิชชั่นนารี่จากต่างประเทศ
สละบ้านช่องมาเพื่อนำพระเจ้าแห่งความรักมาเผยแผ่ความรอดพ้นสู่บ้านแท้นิรันดรสวรรค์บ้านเรา
เพื่อทำให้ทุกคนติดตามคำสอนของพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตคือนำพระธรรมความรู้ช่วยกันและกัน
กลับสู่บ้านของพระให้ได้
หลายคนคงแปลกใจ
พวกเขาเหล่านี้อยู่ที่บ้านของเขาก็สบายอยู่แล้ว
ทำไมต้องข้ามทะเลข้ามฟ้ามายังดินแดนไกลโพ้นโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก อันที่จริงก่อนมาพวกเขาก็ลา
“ตาย”จากพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแล้ว เพราะเขารู้ดีว่ายากลำบากอันอาจถึงแก่ชีวิตคือต้องตาย
สภาพความเป็นอยู่ที่ต่างกันกัน การเดินทางที่หฤโหด
และการเบียดเบียนจากความเข้าใจไม่เหมือนกัน เหมือนเป็นศัตรูตรงกันข้ามกัน
พระเยซูเจ้าบอกกับศิษย์ของพระองค์
ใครเป็นศิษย์ของพระองค์ก็ต้องติดตามพระองค์มา และเสียสละ แบกไม้กางเขน
เพราะนี่เป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ใครต้องกลับไปหาพระบิดาเจ้า
ก็ต้องผ่านทางพระองค์
350
ปีของการนำพระธรรมคำสอนของพระเยซูประกาศให้คนไทยได้รู้จัก และ 120
ปีที่กลุ่มคริสตชนเซนต์หลุยส์เริ่มเกิดขึ้นมา กับ 63
ปีที่มีวิหารบ้านของพระเจ้าให้เรามาพักพิงพึ่งพา สมควรแล้วที่ต้องจัดใหญ่
จัดหนัก
จัดเต็มเพื่อร่วมมือร่วมใจกันแบกไม้กางเขนนี้ให้เด่นตระหง่านชัดเจนในพื้นที่เซนต์หลุยส์
ใจกลางกรุงเทพมหานคร และปักลงในใจของเราแต่ละคน
เพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรักและเมตตาของพระองค์ผ่านทางชีวิตของตัวเรา
โมทนาคุณพระเป็นเจ้าสำหรับมิชชันนารี่
พระสังฆราชหลุยส์เวย์ พระสังฆราชหลุยส์โชแรง
ที่สร้างดินแดนและวิหารแห่งนี้จนกลายเป็น เซนต์หลุยส์ สาธร สายธารแห่งพระเมตตาของพระเจ้า
โดยอาศัยบ้านของพระแห่งนี้เพื่อขอบพระคุณพระเจ้า และสรรเสริญพระองค์ตลอดไป
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
"ชีวิตที่ยอมให้พระเป็นตะเกียงส่องนำทาง"
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า
“ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา
พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา..... เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย
เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน
ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย (ยน14:23,27)
สันติสุขของพระที่มอบให้เรา
ต่างจากที่โลกให้
สันติสุขของพระเพียงพอให้เรามีสุข แน่นอน เราย่อมต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยาก
ความท้าทาย
ที่สำคัญพระเยซูย้ำว่า...เราต้องกล้าเผชิญหน้า และจงอย่าหวั่นไหว
ที่เป็นได้เช่นนี้สำหรับเราคริสตชน
เราผู้มีความเชื่อและติดตามพระเยซูเจ้า
เพราะเราวางชีวิตพิงอิงไว้กับชีวิตและสันติสุขของพระเยซู
"ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารใดในนครนี้ เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพและลูกแกะทรงเป็นพระวิหารของนครนี้
นครนี้ไม่ต้องการดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพื่อส่องสว่าง เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนคร และลูกแกะทรงเป็นตะเกียงของนคร” (วว 21:22-23)
ชีวิตที่ยอมวางไว้ในพระบิดา
ยอมกล้าเผชิญหน้ากับความทุกข์ยาก ยอมมอบและแบ่งปัน ยอมตัดสละน้ำใจตน เมื่อยอมตัดสละน้ำใจเช่นนี้
ย่อมมีสิ่งที่เหลือเพียงพอ
จึงสามารถนำมาแบ่งปันให้เกิดรอยยิ้มและสันติสุข นี่แหละเป็น
"ชีวิตที่ยอมให้พระเป็นตะเกียงส่องนำทาง".
นกขุนทอง