สารวัดวันอาทิตย์ที่
17 กุมภาพันธ์2019
สัปดาห์ที่หกเทศกาลธรรมดา
พี่น้องที่รัก
ใครที่เพลินเพลิน
ก็เริ่มคล้อยตามกับเวลาที่เดินไปเรื่อยๆหนึ่งเดือนกับอีก
16 วันแล้ว
หากนับวันเดินหน้าว่าเหลืออีกกี่วันจะหมดอายุขัยคงอยากให้เดินช้าๆอีกหน่อย
เพราะรวดเร็วจริงๆ นี่ไม่ต้องคิดอะไรอื่นดูเพียงปฏิทินฉีกทิ้งไปหนึ่งผ่าน
อีก 12 วันก็ต้องถูกฉีกอีกแล้ว
อย่ามัวเผลอไผลหลับม่อยไป ตรงตามที่พระเยซูเจ้าบอกกับศิษย์ที่ให้รอพระองค์
ขณะเข้าไปในสวนมะกอกเพื่อตื่นเฝ้าภาวนาต่อพระบิดาเจ้า
ขอโอกาสให้กับเด็กๆ เพื่อฝึกเขาขึ้นมามีส่วนร่วมในพิธีกรรม
ต้องอยู่หน้าเพื่อนำทาง ด้านหลังเพื่อประคับประคอง ด้านข้างเพื่อร่วมด้วยช่วยกัน
อย่าปล่อยให้เดินตามลำพัง
เพราะพระเยซูเจ้าในปฐมวัยต่างได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและญาติพี่น้องผู้ใหญ่ ขอบคุณสำหรับบรรดาสภาภิบาลของวัดและบรรดาผู้ใหญ่ใจดีที่ให้ความสำคัญและเป็นผู้ดูแลและประสานสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจระหว่างรอยต่อเชื่อมโยงและความเข้าใจที่ดีต่อกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กๆ
และผู้คุ้นเคยกับบรรยากาศเดิมๆที่คุ้นชิน
วันที่เราเป็นเด็ก เราคิดเหมือนเด็ก
จนเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็เลิกคิดแบบเด็ก คำสอนของนักบุญเปาโลยังคงเป็นปัจจุบันเสมอๆ
และยังคงใช้ได้กับการส่งเสริมให้เด็กๆเริ่มหัดเดินเองในที่ลึกๆของสถานที่ที่จะไปประกาศข่าวดีกับพระเยซูเจ้า
ตามที่พระสันตะปาปาและเสียงเรียกร้องของพระศาสนจักรที่ผ่านพ้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
หากเรานั่งลงกับพระเยซูเจ้าที่เนินเขาเหมือนเมื่อสองพันปีที่แล้ว และสูดลมหายใจกับความสดชื่นกับอากาศแจ่มใสในวันนั้น
พร้อมมีผู้คนมากมาย คงอดแปลกใจไม่ได้ว่า “ชายผู้นี้ไม่ธรรมดา”
เอาทุกอย่างมาจัดไว้เพื่อมอบความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องการโฆษณาชวนเชื่อ
เบอร์หมายเลขประจำตัว ภูมิหลังว่าสำเร็จอย่างไร หรือเอาตัวเองเป็นส่วนชักนำว่าฉันสำคัญอย่างไร
แต่ประกาศข่าวดีอย่างมีชีวิตชีวา ยากจน หิว ร้องไห้
ถูกรังแกก็มีความสุขได้หากชีวิตกล้าเปลี่ยนแปลงกลับใจนำพระประสงค์ของพระเจ้าใส่ไว้ในจิตใจมากขึ้น
และเริ่มออกเดินทางติดตามพระองค์ไปกับพระองค์ รับรองได้ถึงบำเหน็จรางวัลในสวรรค์ด้วยความชื่นชมโลดเต้นยินดี
ในวันนั้น
บรรดาหญิงชายทั้งผู้ใหญ่และคนหนุ่มสาวต่างพิศวงอัศจรรย์ใจ
รวมทั้งเด็กเล็กมากมายที่มากับพ่อแม่ผู้ใหญ่ หากในวันนี้เรากระทำเช่นเดียวกัน
อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคืออิ่มอกอิ่มใจ คือสุขกายสบายใจเมื่อได้อยู่กับพระองค์
แสนสุขใจเมื่อใกล้พระองค์
พวกเขาไม่ได้นั่งฟังอย่างเดียว
เอาอาหารที่ติดตัวมาเล็กๆน้อยๆออกมาแบ่งปันกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสทำให้เกิดการทวีขนมปังด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวที่รับประทานกันจนเหลือถึงสิบสองกระบุงหากเราแต่ละคนลองย้อนกลับไปด้วยการมอบสิ่งที่มีให้กันบ้าง รับรองได้ว่ายากจน หิว ร้องไห้
และการถูกรังแกจะเปลี่ยนไปเป็นการร้องรำทำเพลง “แสนสุขใจเมื่อใกล้พระองค์”
คือการมอบให้ความสุขแก่กัน
ขอพระเจ้าอวยพร
พ่อชาญชัย
ทิวไผ่งาม
บอกกล่าว
เล่าเรื่อง
“เสียดาย
ถ้าไม่ได้อ่าน”
เมื่อเดือนที่ผ่านมามีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The top five regrets of dying คงจะแปลเป็นภาษาไทยประมาณว่า 5
เรื่องที่น่าเสียดายเมื่อความตายกำลังจะมาเยือนของนักเขียนชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อ
Bronnie Ware ซึ่งเธอเป็นพยาบาลวิชาชีพซึ่งทำงานกับผู้ป่วยในระยะสุดท้าย
เธอมีโอกาสพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะสุดท้ายหลายๆคนในเรื่องดังกล่าว
ซึ่งมีหลายๆเรื่องที่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายรู้สึกเสียดายเมื่อเขาและเธอกำลังจะจากไปในระยะเวลาอันใกล้นี้
ซึ่งเธอได้รวบรวมและสรุปเป็น 5 เรื่องที่สำคัญและเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้
พ่อมีโอกาสได้อ่านและได้แบ่งปันในพิธีมิสซาปลงศพไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา
หลังจากจบมิสซาก็มีคนมาขอให้พ่อช่วยเขียนสิ่งที่พ่อได้แบ่งปันไปสักครู่นี้ให้เขาซึ่งก็ได้เขียนให้กับสัตบุรุษท่านนั้นไป
จึงอยากนำสิ่งนี้มาแบ่งปันกับพี่น้องอีกครั้ง น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเราทุกๆคน
แม้เราอาจจะบอกว่าเรายังมีเวลาอยู่บนโลกพอสมควรแต่คงพูดไม่ได้ทีเดียวนักว่าจะอยู่กันไปอีกนานแค่ไหน
เพราะเราไม่สามารถรู้เวลานั้นได้เลย แต่พ่อคิดว่า
5เรื่องที่แบ่งปันนี้น่าจะช่วยให้เราแต่ละคนย้อนมองชีวิตของเราได้บ้างว่า
เราใช้เวลากับเรื่องเหล่านี้ดีหรือยัง ถ้ายังก็อาจพอมีเวลา
เราจะได้ไม่เสียดายกับเรื่องเหล่านี้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเราแต่ละคน
เสียดายแรก เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองอยากเป็น
เราอาจจะใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น จนลืมความฝัน หรือความตั้งใจที่เรามี
และก็ทำให้ความสุขในชีวิตที่ควรมีมันน้อยลงไป
เสียดายที่สองเสียดายที่ทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาให้คนใกล้ตัว
เป็นสิ่งที่หลายๆคนก็อาจจะกำลังเผชิญ เราไม่ปฏิเสธความสำคัญของการทำงาน เพราะจุดประสงค์ก็เพื่อคนใกล้ตัวเราจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป
แต่หลายครั้งเราอาจจะลืมสิ่งสำคัญกว่านั่นคือ การอยู่ของเรา ตัวของเรา เวลาของเรา ที่มีกับคนใกล้ตัวเป็นพิเศษ
คนในครอบครัว
เสียดายที่สามเสียดายที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกดีๆต่อกันออกมา
คนเรามักเสียดายเมื่อคนหนึ่งจากไปเพราะเรายังไม่ได้พูดกับเขาดี ทำดีๆกับเขา
หรือแสดงความรู้สึกดีๆที่มีออกมา ทำสิ่งเหล่านี้ในขณะที่ยังมีเวลาเหลือ
เสียดายที่สี่เสียดายที่ไม่ได้ติดต่อกับคนรู้จักกับเพื่อนเท่าที่ควร
เวลาที่คนเราโตขึ้น บางทีเวลาที่จะมาพบกันพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันแบบในวัยรุ่นมันก็น้อยลง
และเราก็อาจจะไม่เคยคุยไม่เคยพูดกับเพื่อนอีกหลายๆคน รู้อีกทีเพื่อนตายละ มีเวลาไปพบเพื่อนคนที่รู้จักบ้าง
เสียดายที่ห้าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตให้มีความสุข
เป็นความเสียดายที่น่าเสียดายจริงๆ ถ้าทั้งชีวิตเราเคร่งเครียดกับบางเรื่อง
จริงจังกับหลายๆเรื่อง แต่ขาดความสุขกับสิ่งที่ทำ เราก็กำลังพลาดเรื่องสำคัญ
พ่อคิดว่าในชีวิตจริงที่ผ่านมาของเราแต่ละคนเราก็อาจจะเสียดายกับหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
ที่เรายังทำได้ไม่ดีไม่เต็มที่ เท่าที่ควรจะเป็น แต่ที่แน่ๆคือ เรายังพอมีเวลาที่จะจัดการกับความเสียดายนี้ได้อยู่
ตั้งแต่เวลานี้
เวลาที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็เกิดความรู้สึกว่าเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน
แต่มาคิดอีกทีคงเสียดายกว่าถ้ายังไม่ได้ทำอะไรกับความเสียดายเหล่านี้บ้าง
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น