สัปดาห์ที่ 27
เทศกาลธรรมดา
เดือนตุลาคม มารีย์คือความหวังอันชื่นฉ่ำ
เมื่อเรารักกันสวดสายประคำด้วยกันกับแม่พระ
พระเยซูเจ้าสอนเราให้เข้าใจถึงความรักและย้ำว่าพระเจ้าคือความรัก
กิจการใดที่เรากระทำด้วยความรักนั้น พระเจ้าประทับอยู่ในบ้านเรา
ขอต้อนรับคุณพ่อบริซ(BRICE) คณะมิสซังต่างประเทศฯเป็นพระสงฆ์มิชชันนารี
มาอยู่และเรียนรู้ภาษาไทยกับพิธีกรรมภาคภาษไทยโดยพักที่โรงพยาบาลและมาร่วมมิสซาช่วยบริการอภิบาลศีลศักดิ์สิทธิ์ของวัดเซนต์หลุยส์เป็นระยะเวลา
6 เดือนเพื่อทำงานในประเทศไทยต่อไป
กิจกรรมเดือนนี้ให้บ้านแต่ละบ้านเป็นโรงเรียนสร้างเสียงภาวนา
ดังไปยังบ้านใกล้เรือนเคียง
ย้ำเตือนให้เพื่อนบ้านรู้ว่าเรากำลังสวดภาวนากับแม่พระและรำพึงถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้า เป็นสันติสุขของพระเจ้าประทับอยู่เป็นพิเศษ
พระองค์บอกกับลูกศิษย์ว่า “ที่ใดภาวนาร่วมกันสองสามคนขึ้นไป พระเจ้าประทับอยู่
พระพรของพระองค์ประทานมายังสมาชิกในบ้านนั้นมากมาย” ให้การรำพึงถึงพระวาจาและภาวนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ช่วยให้เรารักกันด้วยเสียงภาวนา ดีกว่าคุยกันไม่รู้เรื่องชวนกันทะเลาะกับคนในบ้าน
จนคนข้างบ้านรำคาญอีกเขาเป็นคริสตังมิใช่หรือ
พ่อประชาสัมพันธ์แบบธรรมดาเพื่อให้เกิดความเป็นปกติ เรื่องการสวดสายประคำจะเป็นที่บ้าน
ละแวกหมู่บ้านและที่วัด ทำได้หมดแล้วแต่ศรัทธา เพียงขอความร่วมมือใส่เหรียญกล่องใสในวัดเพื่อรวมจำนวนกับวัดอื่นๆทั่วประเทศไทยตามเป้าหมายเชิงปริมาณ
350,000 สายเพื่อการฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม
ใครสะดวกที่วัด
วันธรรมดาเวลา 18.00 น. ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์เวลา 17.00 น.
ทุกวันอาทิตย์ในสองเดือนนี้คือตุลาคมและพฤศจิกายน
วัดจัดเสริมความรู้พระวาจาให้กับสภาภิบาลวัด ผู้นำองค์กร บรรดาผู้อ่านพระวาจา
และบรรดาผู้ใหญ่ที่เรียนคำสอนรับศีลล้างบาป
เพื่อเพิ่มเติมส่วนที่สำคัญและจำเป็นให้เข้มแข็งขึ้น
เพื่อการเป็นผู้นำบรรดาเพื่อนผู้อื่น
ทั้งในภาระกิจการงานและพันธกิจศิษย์พระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดี
สถานที่คือห้องประชุมด้านหลังบ้านพักพระสงฆ์
ตลอดเดือนที่ผ่านมาเห็นสนามหญ้าข้างวัด มีพี่น้องสนใจเลือกซื้อหนังสือพระวาจา
หนังสือศรัทธาและเหรียญรูปพระทำให้เจ้าหน้าที่ศูนย์คำสอนมาบริการประทับใจจนหลายคนติดใจ
แต่คงเป็นครั้งๆไป ไม่ทำบ่อยเพื่อให้สนามหญ้าเป็นที่พักพิงพึ่งพาพระ
นั่งเงียบภาวนาร่วมพิธีแบบสำรวมใจได้
นอกจากนี้ยังมีครูกับนักเรียนโรงเรียนเซนต์หลุยส์มาช่วยแนะนำกิจกรรมยุวธรรมทูต
ช่วยพระเยซูเจ้าทำงานข่าวดี ทำให้เขามีรายได้เพื่อเป็นต้นทุนทำงานรักและรับใช้เพื่อนผู้อื่นได้อย่างเต็มความสามารถ
ขอสนับสนุนและส่งเสริมกิจการดีเหล่านี้
ใครหยิบยื่นน้ำเพียงแก้วเดียวก็เท่ากับทองคำ กำยานและมดยอบให้กับพระองค์แล้ว
วันเสาร์ที่ 13 อาทิตย์ที่
14 และจันทร์ที่ 15 ตุลาคม ทางวัดจัดกิจกรรมค่ายเยาวชนให้เด็กๆมีพ่อแม่ไปด้วยเพื่อทำกิจกรรมเยาวชน
ณ บ้านเพชรสำราญ หัวหิน นับเป็นกิจกรรมที่เตรียมฉลอง 350 ปีมิสซังสยามด้วย
วันพุธที่ 31
ส่งท้ายการสวดสายประคำ
มิสซาตอนเย็นจะเป็นเวลา 19.00 น.มีเวลาสวดก่อนมิสซาเวลา 18.30
น.และในเวลาหลังมิสซาแล้วมีแห่แม่พระ(โคมไฟ)รอบวัด
ขอพระเจ้าอวยพร
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
....................................................................................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
วัด = ครอบครัวเดียวกัน
“คุณพ่อช่วยอบรมลูกฉันที
เดี๋ยวนี้ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยจะมาวัด ไม่ค่อยจะสนใจแก้บาปรับศีลเลย” “ลูกไม่เอาเรื่องศาสนาเลย ฉันจะต้องทำอย่างไร
พ่อน่าจะช่วยได้” จะมีประโยคคำถาม ประโยคขอร้องอีกหลายๆประโยค ที่พ่อมักได้ยิน
หรือคุณพ่อท่านอื่นๆหลายท่านมักได้ยิน
เป็นคำถามยอดนิยมที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นพ่อเป็นแม่
เป็นญาติผู้ใหญ่ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยต่อความเชื่อของลูกๆหลานๆ
เวลามีคำถามเหล่านี้ มีประโยคขอความช่วยเหลือแบบนี้ คำตอบที่พ่อมักให้ก็คือ
พ่อไม่เตือนหรอก บอกไม่ได้หรอก โตแล้ว ถ้าไม่บอกไม่สอนตั้งแต่เล็กๆไม่ปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆด้วยการให้เขามาวัด
มาร่วมกิจกรรมของวัด มามีส่วนในงานของวัดเลยในวัยเด็ก พอโตเขาก็จะไม่มา
พอโตเขาก็จะไม่คุ้นเคย และไม่รู้สึกว่าตนเองต้องเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนวัด
ในกิจกรรมของวัดที่สามารถทำได้ พ่อบอกได้แค่ตอนเด็กๆที่พ่อแม่พาเขามาวัด
พ่อก็ไม่รู้ว่านี่เป็นคำตอบของคำถามที่อยากได้ยินหรือเปล่า
พี่น้อง
ความเชื่อของเด็กๆ ความเชื่อของลูกหลานของเรา
จะได้รับการปลูกฝังและได้รับการหล่อหลอมจากครอบครัวเป็นอันดับต้น
และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระสันตะปาปาฟรังซิสก็เน้นย้ำเมื่อพูดถึงครอบครัวเสมอๆ ใครจะสอนลูกๆ
หลานๆ ให้มาวัด ให้สวดภาวนา ให้แก้บาปรับศีล ให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของวัด
อันดับแรกก็คือ ครอบครัว พ่อแม่ อากง อาม่า พี่ป้าน้าอา
ถ้าเด็กถูกเสริมสร้างในบรรยากาศแบบนี้
เขาก็จะอยู่ในบรรยากาศแบบนี้แบบไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก หรือเป็นภาระเพิ่ม
อันดับต่อมาที่จะช่วยส่งเสริมพวกเขาได้ก็คือชุมชนวัด
คำถามนี้พ่อพอจะตอบได้ พอจะช่วยได้ว่าวัดจะส่งเสริมเด็ก หล่อหลอมเด็กอย่างไร
ทางหนึ่งก็โดยกิจกรรมต่างๆที่จะช่วยส่งเสริมพวกเขาตามบทบาทที่เป็น
การอบรมส่งเสริมบทบาทหน้าที่ที่พวกเขาสามารถทำได้ เป็นเด็กช่วยมิสซา ผู้อ่านบทอ่าน
กลุ่มเยาวชนของวัด ฯลฯ หรือแม้กระทั่งค่ายอบรมส่งเสริมความเชื่อ
ค่ายเยาวชนวัดที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม วันเสาร์ที่ 13-15 ตุลาคมนี้
เพื่อเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีเสริมสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มเด็กๆและเยาวชนของวัด
และส่งเสริมปลูกฝังความเชื่อของพวกเขา(รายละเอียดติดตามได้ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ข้างวัด)
ก็ล้วนเป็นแนวทางที่สามารถช่วยส่งเสริมและหล่อหลอมเด็กๆและเยาวชนให้ผูกพันกับวัด
แต่ทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครอง
พ่อจึงเชิญชวนพี่น้องได้ส่งเสริมสนับสนุนทั้งผลักทั้งดันๆลูกๆหลานให้มามีบทบาทมาร่วมในกิจกรรมต่างๆของวัด พ่อเชื่อว่าการได้มีโอกาสมาสัมผัส มาใกล้ชิดกับวัด
จะช่วยให้พวกเขาคุ้นเคย ช่วยให้พวกเขามีความผูกพันกับวัด กับชุมชน
กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวัด และพวกเขาจะไม่ทิ้งวัดไปเมื่อโตขึ้น
เพราะพวกเขาจะไม่รู้สึกว่าวัดเป็นที่สำหรับคนแปลกหน้าที่มาพบกันและก็แยกย้ายกันเมื่อจบมิสซา
แต่วัดจะเป็นที่ๆเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมาพบเจอกัน
พ่อเห็นภาพเยาวชนหรือสัตบุรุษหลายๆท่านในวัดเป็นเพื่อนสนิทกัน
คุ้นเคยกันก็เพราะว่าได้มาร่วมกิจกรรมของวัด
มาช่วยเหลืองานของวัดตามที่ตนเองสามารถทำได้ ทำให้ภาพของการมาวัดไม่ใช่เพียงแค่การมาทำหน้าที่คริสตชนเท่านั้นแต่กลายเป็นภาพของการมาพบเจอกันของกลุ่มเพื่อน
กลุ่มคนรู้จัก และนี่คือความหมายของชุมชนวัด
เพราะวัดคือครอบครัวใหญ่ที่เราจะมาพบกันทุกๆอาทิตย์ หรือทุกๆครั้งที่มีโอกาส
ปลัดวัดสาทร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น