พี่น้องที่รัก
“มหาพรตเป็นการชำระจิตใจของตนอันเป็นวิหารของพระเจ้า”
มหาพรตเป็นเวลาพิเศษเพื่อชำระตนเอง
การกลับใจ
การเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นและกล้าชำระจิตใจของตนอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อให้การเกิดใหม่ด้วยน้ำและพระจิตเจ้านับตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป
ทำให้วิหารของพระเจ้ากลับมาสะอาดและขาวบริสุทธิ์ดั่งเดิม อย่าปล่อยให้การผลัดวันประกันพรุ่ง
เพราะวันนี้คือวานนี้ของพรุ่งนี้ เราเข้าสู่สัปดาห์ที่สามมหาพรตแล้ว
ในวันศุกร์ที่ 9 และและเสาร์ที่ 10
มีนาคมก่อนสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
พระสันตะปาปาเชิญชวนให้เรามีเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า
ด้วยการนมัสการศีลมหาสนิทและการกลับใจ วัดเซนต์หลุยส์ จัดให้มีเวลาชำระจิตใจ
ด้วยการเดินทางมาวัด เฝ้าศีลชั่วโมงไหนก็ได้
และรับศีลอภัยบาปในเวลาที่กำหนดคือวันศุกร์เวลา 19.00 น. และวันเสาร์เวลา 10.00 น.
ทุกชั่วโมงเช้าสายบ่ายเย็นกลางคืนดึกดื่นเท่าไรมีเวลาเพื่อเงียบสงบและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้ โปรดดูคู่มือ “24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า”
การร่วมมิสซาประจำวัน เดินรูป 14 ภาค
เป็นเวลาที่เราสามารถทำร่วมกันได้ในวัดเซนต์หลุยส์ และเปิดวัด24ชั่วโมงที่วัดพระจิตเจ้าเพื่อสลับเวรมาเฝ้าศีลและสวดสายประคำ
และสวดแบบทำวัตรต่อหน้าศีลมหาสนิท ได้จัดกำหนดเวลาเพื่ออำนวยความสะดวกให้
เราจะเรียกกิจการเหล่านี้ว่าอะไรดี
เข้าเงียบ กลับใจ แก้บาปรับศีล เฝ้าศีล ทำพลีกรรม
แต่ทั้งหมดนี้คือเวลาพิเศษแห่งพระหรรษาทานของมหาพรตก่อนการเข้าสู่สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์และเตรียมฉลองปัสกาประจำปี
บรรยากาศชุมชนวัดเซนต์หลุยส์จะเหมือนกับคำพูดนักบุญเปโตรต่อพระเยซูเจ้าบนภูเขาสูงตามลำพังไหมว่า
“ที่นี่สบายๆน่าอยู่จริงๆ” สัตบุรุษที่มีความพร้อม บรรยากาศสถานที่
รวมทั้งทำความเข้าใจเรื่องการ “ตื่นเฝ้า 24
ชั่วโมง”ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระสันตะปาปา
ก้าวสำคัญต่อไปของการเป็นศิษย์พระคริสต์ ขณะกำลังตื่นเฝ้าอยู่กับพระองค์ในสวนมะกอก
ค่ำคืนก่อนรับพระมหาทรมานเพื่อการไถ่บาปเราทุกคน
หนังสือคู่มือ 24 ชั่วโมง เพื่อการตื่นเฝ้า
ขอมอบให้กับพี่น้องเพื่อพิจารณาคำสอนของพระสันตะปาปา และสลับเวรกันมาตื่นเฝ้า
ครั้งละ 1 ชั่วโมงที่วัดพระจิตเจ้า
ส่วนมิสซาและการเดินรูปที่วัดใหญ่จะเปิดปิดเป็นเวลาตามปกติ การรับศีลอภัยบาป
จะมีวจนพิธีกรรมที่วัดใหญ่เซนต์หลุยส์ในวันศุกร์ที่ 9 ตอนหนึ่งทุ่ม และวันเสาร์ที่
10 เวลา 10.00 น.
ในวันอาทิตย์หน้าพ่อจะมอบคู่มือเตรียมสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเราจะมีส่วนร่วมกับพิธีได้อย่างเข้าใจเพื่อใช้ควบคู่ไปกับหนังสือพิธีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ของวัด
โดยเฉพาะตั้งแต่วันอาทิตย์ใบลานและตรีวารปัสกา
ขอให้ทุกคนได้พบกับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์เทอญ
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
..................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
ในช่วงเวลาของพระคริสต์และยุคพันธสัญญาใหม่
พวกสะดูสีจัดเป็นพวกชนชั้นขุนนาง
พวกเขามีแนวโน้มเป็นผู้มั่งคั่งและดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจ
รวมทั้งตำแหน่งปุโรหิตใหญ่และมหาปุโรหิต และพวกเขาเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่ครอง 70 ที่นั่งของสภาการปกครองที่เรียกว่าศาลสูงสุด
พวกเขาทำงานหนักเพื่อรักษาความสงบสุขสอดรับกับคำตัดสินของกรุงโรม (อิสราเอลในเวลานี้อยู่ภายใต้การปกครองโดยพวกโรมัน)
และพวกเขาดูเหมือนจะเข้าเกี่ยวข้องด้านการเมืองมากกว่าด้านศาสนา เพราะพวกเขาต้องปรับตัวให้เหมาะกับกรุงโรม
และพวกเขาเป็นชนชั้นสูงที่มีความมั่งคั่ง
พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนธรรมดาทั่วไป และคนทั่วไปก็ไม่ยกย่องนับถือพวกเขามาก
คนธรรมดาทั่วไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเหล่าคนที่เป็นพวกฟาริสี
แม้ว่าพวกสะดูสีถือครองที่นั่งส่วนใหญ่ในศาลสูง
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะต้องไปเข้าร่วมกับความคิดของชนกลุ่มน้อยฟาริสี
เพราะพวกฟาริสีเป็นที่นิยมท่ามกลางฝูงชนส่วนใหญ่ ในด้านศาสนา
พวกสะดูสีเป็นพวกอนุรักษ์นิยมในหลักคำสอนอย่างหนึ่ง
พวกฟาริสีเล่าปากเปล่าขนบธรรมเนียมประเพณีถ่ายทอดสู่รุ่นต่อไปพอ ๆ
กับรักษาความน่าเชื่อถือแห่งพระวจนะของพระเจ้าที่บันทึกไว้
ในขณะที่พวกสะดูสีนับถือเฉพาะพระวจนะที่บันทึกไว้ว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า พวกสะดูสีสงวนรักษาความน่าเชื่อถือของพระคำของพระเจ้าที่บันทึกไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยโมเสส (ปฐมกาลจนถึงเฉลยธรรมบัญญัติ)
ขณะที่พวกเขาควรได้รับการยกย่องสำหรับเรื่องนี้
แน่นอนพวกเขาไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบในมุมมองหลักความเชื่อ ต่อไปนี้เป็นรายการหลักข้อเชื่อสั้น
ๆ ที่พวกเขายึดถือซึ่งขัดแย้งกับพระคัมภีร์
1.
พวกเขาพอใจที่สุดต่อประเด็นที่ปฏิเสธว่าพระเจ้าทรงเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวัน
2.
พวกเขาได้ปฏิเสธการฟื้นคืนพระชนม์จากตาย (มัทธิว 22:23; มาร์ค 12: 18-27; บารมี 23: 8)
3.
พวกเขาได้ปฏิเสธชีวิตหลังความตาย
ถือว่าจิตวิญญาณตายไปหลังจากเสียชีวิต และดังนั้นจึงปฏิเสธการลงโทษ
หรือบำเหน็จรางวัลหลังความตายฝ่ายโลก
4.
พวกเขาได้ปฏิเสธการดำรงอยู่ฝ่ายวิญญาณ เช่น ทูตสวรรค์และมารร้าย
(กิจการ 23: 8)
อะไรคือบ้านของพระบิดาอิฐและปูนปั้นเหล่านั้นน่ะหรือคือบ้านของพระบิดา
พระบิดาผู้ทรงเป็นจิต และเป็นจิตบริสุทธิ์สุดจะบรรยาย
จะยอมขังตัวของพระองค์เองให้อยู่ภายในอาคารอิฐและปูนปั้นเหล่านั้นหรือ และถ้าพระเป็นเจ้าจะประทับอยู่ในบ้านที่ทำด้วยอิฐและปูนปั้นจริงๆแล้ว
พระองค์จะยอมปล่อยให้บ้านที่ประทับของพระองค์ถูกทำลายไปครั้งแล้วครั้งเล่าเทียวหรือ
พระวิหารเป็นหัวใจของชาวยิว และที่พระเยซูทรงเรียกว่าบ้านของพระบิดา
อันทำด้วยอิฐและปูนปั้น ตกแต่งภายในและภายนอกอย่างหรูหรา ด้วยวัสดุราคาแพง
ไม่ว่าจะเป็นไม้ เงิน หรือ ทองคำ
พระวิหารเหล่านั้นได้ถูกทำลายลงและได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า “อย่าหลงไว้วางใจในคำหลอกลวงที่ว่า
“นี่เป็นพระวิหารของพระยาห์เวห์ เพราะฉะนั้นมันไม่มีวันถูกทำลาย” ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า พระวิหารนี้จะต้องสะอาด
“อย่าทำบ้านพระบิดาของเราให้เป็นตลาดสดเน่าเหม็น สกปรก
คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของโลกีย์ รกรุงรังไปด้วย ขยะของโลก รวมทั้งวิถีของโลก” เราจะยอมให้พระองค์ทำความสะอาดหรือไม่
คพ. พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น