พี่น้องที่รัก
สัปดาห์นี้พ่อขอใช้พื้นที่ประชาสัมพันธ์งานของวัดอย่างเป็นทางการหน่อย
เพราะทุกครั้งใช้การประกาศในวัด มักจะได้รับทราบไม่ทั่วถึงกัน
บางท่านอาจจะไม่สะดวกในการฟังจึงมักโทรมาถามพ่อบ่อยๆทางโทรศัพท์ของวัด
แต่ก็ทราบดีว่าทุกอย่างถามได้ตอบได้
กระนั้นก็ดีควรมีตัวหนังสือเอาไว้บ้างเพื่อช่วยกันจำ อันไหนถูกก็บอกต่อ
อันไหนผิดก็บอกแก้ไขได้
วันอาทิตย์ที่
26 พฤศจิกายน เป็นวันสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลและวันพระกระแสเรียก
บ้านเณรเล็กยอแซฟ สามพราน คณะเณรจะมาประชาสัมพันธ์เรื่องกระแสเรียก
พร้อมๆกันกับสัปดาห์สุดท้ายเรื่องการอภิบาลสุขภาพแบบภูมิปัญญาไทยของนักศึกษาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์
ก็ดีที่มีสถานที่เป็นโถงเอนกประสงค์ จะได้ใช้กันอย่างเต็มพื้นที่
ขอทุกท่านได้รับความเอาใจใส่กันและกัน
และในวันอาทิตย์ดังกล่าวนี้
มิสซารอบ 10.00 น.จะเป็นมิสซาโปรดศีลมหาสนิทครั้งแรกให้กับนักเรียนคำสอนกับนักเรียนจากโรงเรียนเซนต์หลุยส์และอัสสัมชัญประถม(ชาย)ด้วย
นับตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป
ขอพี่น้องวัดเซนต์หลุยส์ช่วยกันเพื่อเตรียมงานคริสต์มาสประจำปี
ทั้งงานรื่นเริงและงานประกอบกิจเมตตาช่วยทุนน้ำใจคาทอลิกเพื่อกิจงานของพระศาสนจักรไทย ใครที่พอช่วยอะไรได้ขอให้ช่วยกัน แรงกาย
แรงใจและปัจจัยเงินรวมทั้งสิ่งของด้วย
พ่อต้องขอบคุณอย่างแรงๆหลายๆครั้งที่พี่น้องช่วยกันอย่างเต็มที่
ในปลายเดือนนี้เอง
พระสันตะปาปาฟรังซิสจะเสด็จเยือนที่ประเทศเมียนมาร์
พระศาสนาจักรไทยปรารถนาช่วยเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับพระศาสนจักรเพื่อนบ้าน
จึงขอมอบเงินถวายจากมิสซาทั้งหมดในสัปดาห์นี้คือ มิสซาทั้ง 6
รอบให้กับจุดประสงค์ดังกล่าว
ทั้งนี้จะได้เป็นเครื่องหมายของพระศาสนจักรสากลเดียวกัน
งานการใดๆไม่ว่า
หากเราไม่มีการประชุมตกลงกัน มักทำให้งานการนั้นไม่ครบเครื่องเรื่องการทำงาน
และงานการใดๆหากไม่ทำตามการที่ตกลงไว้ ก็มักจะไม่ราบรื่น
จึงขอให้สมาชิกสภาภิบาลของวัดโปรดร่วมประชุมในวันนี้กับคุณพ่อเจ้าวัดของท่านในเวลา
13.45 น. ณ อาคารวันทามารี วาระสำคัญคือการเตรียมงานคริสต์มาสและแผนปฏิบัติงาน ปี
2018
สุดท้ายนี้
(เขียนแบบจดหมายเอาคะแนนสอบจากคุณครู) เรากำลังมาถึงช่วงท้ายๆของปีพิธีกรรมของพระศาสนจักร
ซิสเตอร์คณะธิดานักบุญเปาโล
นำหนังสือดีๆที่อ่านแล้วให้ข้อคิดทางด้านจิตใจกับรูปพระมากมายมาเพื่ออำนวยความสะดวกกายและจิตใจ
ใครสนใจเชิญได้ที่ประตูด้านฝั่งพระแท่นเล็ก สัปดาห์เดียวเท่านั้น
หลังจากนี้ต้องไปที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
.............................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ที่เรามีอยู่
ที่เราได้รับมาจากไหน มรดกที่คนอื่นทำไว้ให้
ของฟรีที่เราโชคดีได้รับผลตอบแทนจากการกระทำในอดีต หรือเงินกู้ให้เราไปลงทุน ตะลันต์
(Talent) ในความหมายดั้งเดิมนั้น เป็นหน่วยวัดน้ำหนัก หนึ่งตะลันต์ของกรีกมีน้ำหนัก
20.4 กิโลกรัม ส่วนตะลันต์ของฮีบรูหนักกว่าคือ 34.2 กิโลกรัม มูลค่าของหนึ่งตะลันต์
จึงขึ้นอยู่กับว่าเป็นน้ำหนักของเหรียญทอง เหรียญเงิน
หรือเหรียญทองแดงไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ซึ่งพระเยซูเจ้าต้องการหมายถึง
บรรดาคัมภีราจารย์และฟาริสี พวกคัมภีราจารย์และฟาริสี นำบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้โดยผ่านทางโมเสส
และนำคำสอนของพระองค์ที่ทรงไขแสดงผ่านทางบรรดาประกาศก ไปฝังดินไว้
โดยหวังว่าจะนำทั้งบัญญัติ และคำสอนของพระเจ้า ส่งคืนพระองค์ในสภาพเหมือนเดิม
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพยายามสร้างกำแพงป้องกันบัญญัติและคำสอนต่างๆด้วยการห้ามเปลี่ยนแปลง
แก้ไข หรือพัฒนาปรับปรุงใดๆทั้งสิ้น พวกเขาทำให้ “ศาสนา” เป็นอัมพาต ประชาชนถูกปิดกั้นให้จมอยู่ในความมืดมนไม่รู้จักพระเจ้าและความรักของพระองค์
พระองค์จึงต้องการสอนว่า “ไม่มีศาสนาใดที่ไม่ต้องเสี่ยง” เราทุกคนต้องเสี่ยง
มุ่งหน้าสู่ชีวิตที่ดีกว่าเสมอ
ไม่ใช่ทนอุดอู้อยู่ในหลุมหลบภัยระหว่างรอการเสด็จกลับมาอย่างรุ่งโรจน์ของพระองค์
นอกจากนี้ พระเยซูเจ้ายังต้องการสอนเราทุกคนอีกว่าพระเจ้าประทานพระพรแก่เราแตกต่างกัน
บางคนอาจได้ห้าตะลันต์ บางคนสอง บางคนหนึ่ง แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่เรา
“ใช้อย่างไร”
ไม่ใช่ “ได้เท่าไร” พระเจ้าไม่เคยเรียกร้องให้เรา
ทำสิ่งที่เราไม่มีความสามารถ
แต่สิ่งใดที่เรามีความสามารถ พระองค์ต้องการให้เราใช้ความสามารถนั้นอย่างเต็มที่
เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ เราอาจได้รับไม่เท่ากัน แต่ทุกคน “พยายามให้ถึงที่สุด” ได้ด้วยทุกคน และพระเจ้าทรงประทาน
รางวัลแห่งความพยายามอย่างเต็มที่ให้กับเราทุกคน แก่ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ทั้งสองคนด้วยคำชื่นชมเดียวกัน
“ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย
เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ ๆ” แม้ว่าจำนวนเงินตะลันต์
ที่คนทั้งสองนำมาคืนจะต่างกันมากถึงสองเท่าครึ่งก็ตาม รางวัลคืองานที่มากขึ้น
ดังที่ทรงตรัสกับผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ว่า “เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่
ๆ” ฟังดูเหมือนพระเจ้าไม่มีเหตุผล ทำไมพระองค์ไม่ให้พวกเขาพักเหนื่อย ใช่ ฟังเผิน
ๆ เหมือนไม่มีเหตุผล แต่ในชีวิตจริงของเรา
เราต่างต้องการแบบนี้ด้วยกันทุกคนมิใช่หรือ
เรามิได้ทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ลูกค้าเพิ่มขึ้น ใบสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น สัญญาจ้างงานเพิ่มขึ้นดอกหรือ เพราะฉะนั้น
งานที่เพิ่มขึ้นและความรับผิดชอบที่มากขึ้นจึงเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่จริง ๆ
ที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา โทษเกิดจากการไม่พยายาม
ผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ถูกลงโทษ ไม่ใช่เพราะทำเงินหนึ่งตะลันต์สูญหาย แต่เพราะเขาไม่พยายามนำเงินนั้นมาใช้ต่างหาก
หากเขาเสี่ยงนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุน แล้วขาดทุนไม่มีเงินคืนนาย นายคงไม่โกรธและลงโทษเขาหนักเท่านี้ เพราะฉะนั้น
คนที่ชอบหลีกเลี่ยงด้วย“ความพยายาม” ด้วยการออกตัวว่า
“ผมมีความสามารถนิดเดียว” “ผมจน” “ไปหาคนโน้นดีกว่า” ฯลฯ คงต้องหันกลับมาทบทวนความคิดและบทบาทของตนเองกันใหม่ หาไม่แล้วเราจะถูก
“นำไปทิ้งในที่มืดข้างนอก” ผู้ที่ทำมากจะได้รับมากขึ้น
แต่ผู้ที่ทำน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย” หลักการนี้ดูเหมือนโหดร้าย
แต่ชีวิตของเราก็เป็นอย่างนี้จริง ๆ ถ้าเรามีความสามารถในการเลี้ยงหมู จับปลา
ถักอวน เย็บเสื้อ ปรุงอาหาร สอนเรียน เล่นกีฬา พูดภาษาต่างประเทศ
ใช้คอมพิวเตอร์ ฯลฯ แล้วใช้ความสามารถนี้มากเท่าไร
เราจะยิ่งมีความเชี่ยวชาญเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามหากเราไม่ได้ใช้หรือไม่ได้ฝึกความสามารถเหล่านี้เลย คนที่เคยพูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ
ก็จะเริ่มพูดตะกุกตะกัก
คนที่เคยเป็นดาวยิงฟุตบอลก็จะเริ่มยิงลูกโทษหน้าประตูไม่เข้า หนทางเดียวในการรักษาพระพรของพระเจ้าไว้คือ
ใช้พระพรนั้น เพื่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์อย่างเต็มที่
คพ. พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น