พี่น้องที่รัก
คืนความเขียวให้กับสถานพักพิงกับพระองค์
ตามที่ได้บอกเล่าเก้าสิบไปแล้ว
เกี่ยวกับการปรับทัศนียภาพ เพื่อให้ความร่มรื่นกับผู้มาวัดจะได้สบายทั้งกายและใจ
ใครเข้าไปในวัดก็เย็นกายและจิตใจเพราะวัดมีเครื่องปรับอากาศให้เย็นได้
ส่วนด้านนอกก็มีร่มเงาและต้นไม้ที่คืนความสดชื่นให้เย็นลงได้บ้าง
ถึงแม้ว่าธรรมชาติมีน้อย ก็ต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยทดแทนบ้าง สวนหย่อมหญ้ารอบๆวัดก็น่าจะชวนชื่นให้อ่อนนุ่มลง
พอดีกับพื้นที่แห้งๆของวัดอันเป็นถนนคอนกรีตกับลานจอดรถ ช่วยสร้างความสมดุลกัน
ต้นไม้ทั้งหมดที่ถูกปรับใส่ไว้
พร้อมเติมแต่งต้นไม้เล็กๆให้ทันฝนที่กำลังจะหมดไปกับฤดูกาล
เพื่อฤดูหนาวที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่ช้า ต้นไม้จะได้คงความสดชื่นต่อไปได้
อาคารสถานที่ ถ้าไม่นับตัววัด ก็มีเท่านี้
เพราะพื้นที่จำกัด จะต่อเติมก็ลำบาก
เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับพื้นที่ว่างจอดรถและปลูกต้นไม้ใหญ่ ก็น่าจะลงตัวแล้ว
อะไรที่มากกว่านี้คงต้องขอร่วมด้วยช่วยกันจากโรงเรียนและโรงพยาบาล
วันอาทิตย์นี้พ่อขอเชิญกรรมการวัดทุกท่าน ประชุมสามัญตามปกติของเดือน
มีวาระสำคัญๆจะได้ถูกขับเคลื่อนต่อเนื่องกันไป งานที่ผ่านไปก็ต้องประเมินผล
งานที่ทำเป็นประจำก็เดินหน้าทำต่อ ส่วนงานตามวาระรายเดือนต้องเตรียมตัวได้แล้ว
เพราะรอใกล้เวลาไม่ได้
งานราษฎร์งานหลวงมีมากมายต้องจัดเรียงรายไว้ก่อนหลังเพื่อจะได้ทำให้แผนงานลุล่วงด้วยดี
ส่วนงานที่ต้องทำตามแผนงานใหญ่ของสังฆมณฑลก็ต้องจัดไว้ให้เข้ารูปเข้ารอยให้เข้าท่าอย่างดี
การรณรงค์น้ำท่วมและศูนย์แม่ปอน คงจบเพียงเท่านี้
เพราะพูดมากไปเดี๋ยวเพลียบุญกัน เอาเป็นว่าใครที่พอออกแรงได้อีก
อาทิตย์นี้เฮือกสุดท้ายแล้ว ปิดบัญชีคืนความช่วยเหลือเดือนนี้เพื่อส่งบุญให้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป
รูปปั้นนักบุญหลุยส์กับของที่ระลึกต่างๆ
ขอวางจนจบสิ้นเดือนนี้ ต่อไปให้ไปติดต่อที่สำนักงานวัด
เพื่อให้พี่น้องได้มาวัดอย่างจริงจัง โดยไม่มีอะไรรบกวนใจ
ต้องขอขอบคุณในความช่วยเหลือตลอดมา ขอพระอวยพร
วันจันทร์นี้ 18 กันยายน
ทางวัดมีมิสซาอุทิศให้คุณพ่อไพศาล(เขียว) อานามวัฒน์ ครบ 10 ปี โดยพระคุณเจ้าบรรจง
ไชยรา มาเป็นประธานในมิสซาพร้อมกับพระสงฆ์อื่นๆ เวลา 17.30 น.ที่วัดเซนต์หลุยส์
ขอเชิญทุกท่านที่คุ้นเคยรู้จักคุณพ่อมาร่วมมิสซาด้วยกัน ใช้พระแท่นใหญ่ของวัดถวายมิสซา
พ่อเจ้าวัด
......................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
การให้อภัย คือหนึ่งในหัวใจของพระเจ้า เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการให้อภัย
หลายคนคงคิดในใจว่า เรื่องแบบนี้ที่คริสตชนมีสอนทุกอาทิตย์ ในชั้นเรียนคำสอน
ก็มีสอนในชีวิตทุกวัน แม้แต่ชั้นเรียนเด็กอนุบาล ครูมักสอนเสมอว่า เป็นเด็กต้องรู้จักให้อภัยนะจ้ะ
เราเองได้ยินเรื่องการให้อภัยเสมอๆ ในพระคัมภีร์ก็สอนให้เราให้อภัย
การให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญ บางครั้งเราอาจจะเจ็บกับคนบางคน
คนที่ไกลตัวนี่ไม่เท่าไร แต่บางครั้งคนใกล้ตัว
หรือคนที่เรารักทำให้เราบาดเจ็บนี่สิ มันเจ็บลึกและยากที่จะให้อภัย
เราต้องรู้ว่าการไม่ให้อภัยเป็นการเปิดประตูที่กว้างให้กับซาตานเข้ามาเพื่อจะขยายอิทธิพลในชีวิตของคริสตชน
พระคัมภีร์หลายตอนให้กำลังใจและเตือนเราให้มีความรักและยกโทษให้กันและกันเพื่อป้องกันไม่ให้ซาตานเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตเรา
ในมัทธิว18:21 เป็นต้นพูดถึง คำอุปมาเรื่องเจ้าหนี้ที่ไม่ยอมให้อภัยเมื่อเปโตรถามพระเยซูว่าเมื่อมีคนทำผิดต่อเรา
เราควรยกโทษให้กี่ครั้ง เจ็ดครั้งหรือ เลขเจ็ดบ่งบอกถึงความบริบูรณ์
เจ็ดครั้งพอไหม เป็นจำนวนการยกโทษที่เปโตรคิดไว้ แต่พระเยซูตรัสตอบเปโตรว่า
ไม่ใช่เจ็ดครั้ง แต่ เจ็ดสิบคูณเจ็ด หมายความว่าเราเองไม่ควรคอยจดจำว่าเรายกโทษให้ใครไปกี่ครั้งแล้ว
แต่พระเยซูสอนเราว่า เราควรยกโทษให้คนที่พร้อมจะกลับใจและ
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จงยกโทษเสมอไป ในคำอุปมา
เมื่อกษัตริย์องค์หนึ่งจะสะสางบัญชีกับข้าราชบริพาร เมื่อคนเป็นหนี้หมื่นตะลันต์
(ราวหลายพันล้านบาท)ถูกนำตัวมาพบเพราะเขาไม่สามารถชำระหนี้
ข้อแม้คือขายสิ่งของหรือยึดทรัพย์ แต่เมื่อข้าราชบริพารคนนี้คุกเข่าขอร้อง
กษัตริย์สงสารจึงยกหนี้ให้และปล่อยตัวไป
แต่เมื่อเขาออกมาพบเพื่อนของเขาซึ่งเป็นหนี้
อยู่ร้อยเดนาริอัน เขาจับเพื่อนเค้นคอและขู่ให้ชดใช้หนี้ แม้เพื่อนคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องก็ตาม
ในสมัยก่อนการไม่ชดใช้หนี้
เจ้าหนี้สามารถจับลูกหนี้ทำงานชดใช้จนกว่าจะใช้หนี้ครบพระเจ้าเองทรงเห็นเรามีหนี้มากมายมหาศาล
มากจนแม้ชีวิตก็ชดใช้ไม่ได้ แต่พระองค์ยกหนี้ของเราให้หมดแล้ว
พระองค์ชำระหนี้แทนเรา เพราะค่าจ้างของความบาปคือความตาย พระเจ้าได้มาตายชดใช้หนี้แทนเรา
มันเป็นการชดใช้หนี้ที่มากมายมหาศาลจริงๆของคนทั้งโลกขอบคุณพระเจ้าที่มนุษย์ทุกคนได้รับการยกหนี้
แต่หลายคนกำลังจมอยู่กับการไม่ให้อภัยและเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน
หลายองค์กรมีข้ออ้างมากมายซึ่งจะมีความเกลียดชังพี่น้องและไม่เข้าร่วมโดยอ้างเหตุผลอื่น
แต่ซ่อนไว้ซึ่งความเจ็บปวดนี่เป็นกลอุบายหนึ่งของซาตานที่ต้องการแยกพระกายพระคริสต์ออกจากพระเยซูและแตกแยกกันเอง
หรือแม้แต่ในระดับพระศาสนจักร มีการไม่ลงรอยกัน ความเห็นไม่ตรงกัน
มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน และเกิดความไม่พอใจกัน โกรธกัน และเลิกที่จะร่วมมือรับใช้ด้วยกัน
ไม่ว่าเราจะมีเหตุผลอะไรก็ตามไม่มีเหตุผลไหนสำคัญเท่ากับการที่พระเจ้าบอกเราว่าให้อภัย
บาปที่บางคนหรือเหตุการณ์บางอย่างที่คนทำให้เราเจ็บปวด
ไม่ได้มากไปกว่าบาปที่เราทำเสียเองด้วยซ้ำ พระเยซูโปรดชดใช้หนี้ให้เราหลายล้านบาท
แต่เราเองกลับไม่ยอมยกหนี้ให้เพื่อนบ้านพี่น้องที่เป็นหนี้เราไม่กี่ร้อยบาท
เพราะว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปผิดทั้งหมดทั้งสิ้นของเราแล้ว
เราไม่ควรจะผูกใจโกรธไม่ให้อภัยคนอื่น
เมื่อใดที่เราไม่ให้อภัยคนอื่นเรากำลังวางตัวอยู่นอกความรักของพระเจ้า
เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรักจงใช้ความรักและเป็นความรักของพระเจ้าที่อยู่ในเรา
เราไม่สามารถยกหนี้มากมายให้ใครได้เพราะมันเกินกำลังของเรา
แต่ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่มากมายนัก จงใช้ความรักของพระเจ้า (ลูกา 17:4)
แม้เขาจะผิดต่อท่านวันหนึ่งเจ็ดหน และจะกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดหนนั้น แล้วว่า
"ฉันกลับใจแล้ว" จงยกโทษให้เขาเถิด จงกล้าที่จะยกโทษให้กับคนที่กลับใจและกล่าวคำขอโทษ
แม้เขาจะไม่กล่าวคำขอโทษเราเองก็ต้องยกหนี้ยกโทษให้กับเขา
พระคัมภีร์ตอนนี้ให้กำลังใจเราไม่ให้ทำการร้ายตอบแทนการร้าย
หลายครั้งอารมณ์ของเรามักระเบิดออก ความโกรธนั้นไม่ได้บาป แต่ที่โกรธแล้วบาปเพราะเมื่อโกรธก็เป็นการเปิดช่องว่างให้ซาตานครอบครองและควบคุมให้ตอบแทนและโต้ตอบด้วยสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
เราอาจจะโต้เถียงกันด้วยอารมณ์และถ้อยคำที่ไม่สมควรไม่เพียงแค่นั้นพระคัมภีร์บอกอะไรที่สวนกระแสมากๆคือ
จงอวยพรแถมเข้าไปเป็นโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เพราะนี่ต่างหากคือน้ำพระทัยของพระเจ้า
คพ. พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น