พี่น้องที่รัก
วันนี้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่งครับ
ในตลาดขายของเก่าแห่งหนึ่ง
เจ้าของร้านชายได้หยิบไวโอลินเก่าๆ ตัวหนึ่งขึ้นมาประกาศขาย
"ไวโอลินเก่าตัวนี้ราคา
1,000 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจ เดินตรงเข้ามาเลยครับ"
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
และหยิบไวโอลินทั้งเก่าทั้งโทรมตัวนั้นขึ้นมาดู เขาลองสีดู
ปรากฏว่าเสียงของมันน่าเกลียดและบาดหูมาก เขาจึงตัดสินใจวางมันลงไว้ที่เดิม
เมื่อผ่านเวลาไปได้ครึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านก็ได้ประกาศขึ้นอีกครั้งว่า
"ไวโอลินเก่าตัวนี้
ราคา 500 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจเดินตรงเข้ามาเลยครับ"
แต่ก็ยังไร้วี่แววคนสนใจ
จนเจ้าของร้านได้ประกาศเป็นรอบที่ 3 ว่า
"ไวโอลินเก่าตัวนี้ราคา
100 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจ เดินตรงเข้ามาเลยครับ"
ชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินมาหยุดหน้าร้าน
จากนั้นก็หยิบไวโอลินขึ้นมาดู
เขาใช้ผ้าที่อยู่ในมือของเขาบรรจงเช็ดลงไปที่ไวโอลินเครื่องนั้นด้วยความทนุถนอม ครู่ต่อมาไวโอลินตัวนั้นก็มีสีสันมันวาวขึ้นมา
มันดูดีขึ้นมาในทันที ชายชราทำการปรับสายของไวโอลินแต่ละเส้นด้วยความตั้งใจ
จากนั้นก็นำมันทาบขึ้นที่คางของตัวเอง แล้วบรรจงสีไวโอลินนั้น
เสียงไวโอลินกังวานก้องจนเจ้าของร้านประหลาดใจ
"คุณทำได้ยังไง?”
เขาเอ่ยถามชายชรา
"ทุกสิ่งในโลกใบนี้ล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเอง
อยู่ที่ว่าใครจะเห็นคุณค่าของมันก็เท่านั้นเอง" ชายชราตอบ
"คุณลุงช่วยสีไวโอลินนี้ให้ผมอีกครั้งได้ไหมครับ"
ชายชราพยักหน้า
จากนั้นก็สีไวโอลินให้ผู้คนที่เดินเลือกซื้อของเก่าในตลาดฟัง
“ผมให้ราคาหนึ่งพันบาทตามที่คุณประกาศตอนแรก"
ลูกค้าชายคนหนึ่งเสนอขึ้น
“ผมให้ราคาสองพันบาทมากกว่าที่คุณประกาศตอนแรก"
ลูกค้าคนที่สองเอ่ยขึ้น
“ฉันให้ราคาสามพันบาท
สามีของฉันต้องชอบมันแน่ๆ" ลูกค้าสตรีผู้หนึ่งเสนอราคา
จนสุดท้าย
ราคาไวโอลินตัวนี้ถูกขายในราคา 5,999 บาทจากราคาเดิมที่ 100
บาท
ชาวยิวมีทรรศนะเช่นนี้ว่า
คนทุกคนเปรียบเสมือนไวโอลิน อารมณ์ของคุณเสมือนสายไวโอลิน
หากคุณปรับอารมณ์ของคุณได้ดี ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนคุณค่าของคุณได้
ไวโอลินเก่าตัวหนึ่งเมื่อมันอยู่ในมือของนักเล่นที่มีชื่อเสียง
มันกลายเป็นไวโอลินที่ทรงคุณค่าและมีราคา กลับกัน หากมันอยู่ในร้านขายของเก่า มันก็ไม่ต่างอะไรจากไวโอลินเก่าๆ
ธรรมดาตัวหนึ่งที่หาราคาค่างวดอะไรไม่ได้
ม้าตัวหนึ่ง
เมื่อมันอยู่กับชาวไร่ คุณค่าของมันก็คือพาหนะที่ช่วยขนย้ายพืชผล
แต่หากมันอยู่กับแม่ทัพ มันก็จะกลายเป็นม้าศึกคู่ใจแม่ทัพ คุณค่าของมันก็คือม้านักรบ
"ของที่มีคุณค่า
ต้องอยู่กับคนที่เห็นคุณค่า เช่นนี้จึงก่อเกิดคุณค่าอันมหาศาล"
(เครดิต : นุสนธิ์บุคส์)
พระเจ้ามองเห็นคุณค่าในตัวของเราทุกคนเสมอ
ถ้าเราอยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระ คุณค่าของเราก็มากมายมหาศาลจริงๆครับ
พ่อสุพจน์
.................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
ยอห์นคือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงให้เป็นทุกข์ถึงบาป
กลับใจ และเปลี่ยนแปลงตนเอง
ยอห์นเป็นเสียงร้องของพระเจ้าในถิ่นทุรกันดารเตือนประชาชนและเรียกร้องให้กลับใจแบบถอนรากถอนโคน
(Metanoia) ด้วยการเปลี่ยนแปลงจิตใจและวิธีดำเนินชีวิตจากที่เคยกระทำในอดีต
ซึ่งการกลับใจนี้มิใช่การกระทำเพียงครั้งเดียว แต่ต้องกระทำทุกวันตลอดชีวิต ยอห์นมีความกล้าหาญในการประณามความชั่วอย่างเปิดเผยในทุกที่ทุกเวลาที่พบได้ตำหนิกษัตริย์เฮโรดที่เอานางเฮโรเดียด
ภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน (มธ 14:4)
และได้ว่ากล่าวชาวฟาริสีและสะดูสีแบบไม่ไว้หน้า อันเนื่องมาจากความหน้าซื่อใจคดของพวกเขาที่ปฏิบัติตามจารีตพิธีแต่ภายนอก
“เจ้าสัญชาติงูร้าย” (มธ 3:7)
สารที่ยอห์นประกาศคือ “จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”
(มธ 3:2)
ซึ่งเป็นถ้อยคำเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงใช้เมื่อเริ่มพันธกิจในการประกาศเทศน์สอนของพระองค์
(มธ
10:7)ยอห์นถูกส่งมาล่วงหน้าเพื่อเตรียมทางของพระเจ้าและชี้ไปที่พระเยซูเจ้าโดยตรง “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด”
(มธ3:3) ยอห์นได้ประกอบพิธีล้างด้วยน้ำเพื่อเป็นเครื่องหมายของการกลับใจ
และสำนึกในบทบาทของตนเองในการเตรียมทางสำหรับผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง “แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า” (มธ3:11) โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยปลุกเร้าจิตใจเราให้เตรียมฉลองการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในหนทางที่ถูกต้อง
ประการแรก
เราต้องกลับใจอยู่เสมอ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลาของการเตรียมตนเองด้วยการกลับใจใช้โทษบาป
เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราผ่านทางการภาวนา การรับศีลอภัยบาป
และแบ่งปันพระพรของพระเจ้ากับผู้อื่น
การบังเกิดมาของพระคริสตเจ้าจะไม่มีประโยชน์อะไร
หากพระองค์มิได้บังเกิดในจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้นำความรัก ความเมตากรุณา การให้อภัย
และการรับใช้ที่ถ่อมตนของพระองค์ไปสู่ทุกคน
ประการที่สอง
เราต้องน้อมรับการเรียกที่ท้าทายของยอห์นบัปติสต์
ที่เรียกให้เราดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม เป็นมโนธรรมของสังคม
ยอห์นใช้ชีวิตเข้มงวดด้วยการนุ่งห่มผ้าขนอูฐ รัดเอวด้วยสายหนัง กินตั๊กแตนกับน้ำผึ้งป่า
ประพฤติตนเคร่งครัดด้วยปฏิเสธตนเองและมัธยัสถ์ตัว
เพื่อนำประชาชนให้หันมาหาพระคริสตเจ้า
เราจะต้องประกาศการเสด็จมาของพระองค์ไม่ใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น
แต่ด้วยแบบอย่างความเชื่อและตัวอย่างชีวิตที่ดีงามของเราเช่นเดียวกับยอห์น
ประการที่สาม
เราจะต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้ที่ได้กลับใจแล้ว “จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด” (มธ 3:8) เราจะต้องไม่หันกลับไปเดินในหนทางแห่งบาปที่เคยกระทำ เช่น
ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยา ความโลภ หรือการทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งนี้
เพื่อพระคริสตเจ้าจะได้บังเกิดในจิตใจของเรา และชีวิตของเราจะได้เป็นเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระองค์อย่างแท้จริง
พระศาสนจักรได้เชื้อเชิญเรา
ให้“กลับใจ”
เปลี่ยนแปลงตนเอง
และปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตในทางตรงข้ามกับที่เคยกระทำในอดีต
ไปสู่การดำเนินชีวิตในหนทางแห่งความสว่างตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า ความยินดีแห่งการบังเกิดของพระคริสตเจ้า
จะต้องแสดงออกให้เห็นความกล้าหาญ
และการยืนหยัดมั่นคงในความถูกต้องชอบธรรมในความรักต่อกันด้วยจริงใจ
อดทนต่อความบกพร่องของกันและกัน
และให้อภัยด้วยใจกว้างในการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
คพ.พงษ์เกษม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น