วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิคย์ที่ 6 กันยายน 2015

พี่น้องที่รัก
                พ่อได้อ่านสารจากกลุ่มแบ่งปันการรำพึงพระคัมภีร์ ที่ส่งมาถึงพ่อ เห็นว่ามีข้อความที่น่าอ่าน และมีข้อคิดที่มีประโยชน์ต่อพี่น้อง พ่อขอคัดลอกนำมาให้พี่น้องอ่านอีกต่อหนึ่งครับ
            ลูกศิษย์กำลังศึกษาด้านเทววิทยากับอาจารย์ ถามอาจารย์ว่า "ผมจะพบพระเจ้าได้ที่ไหน? อย่างไร?” อาจารย์ก็บอกให้ลูกศิษย์นำน้ำนมมาให้หนึ่งถัง และนำไม้พายสำหรับกวนมาด้วย ลูกศิษย์ก็นำมาให้ อาจารย์เริ่มใช้ไม้พายกวนน้ำนมสด กวนไปสักครู่ก็ยกไม้พายขึ้นแล้วส่ายศีรษะพึมพำว่า ไม่เห็น ไม่มี...... ทำเช่นนี้อยู่นานหลายสิบครั้งจนกระทั่งลูกศิษย์ทนไม่ได้ถามอาจารย์ว่า อาจารย์ทำอะไรอยู่
            อาจารย์ตอบว่า “ฉันกำลังหาเนยจากน้ำนมนี้” ลูกศิษย์ก็รีบบอกอาจารย์ทันทีว่า “อาจารย์มันไม่มีเนยดอก เพื่อที่จะได้เนยจากน้ำนมถังนี้ ต้องกวนน้ำนมนี้เป็นชั่วโมงๆ และต้องกวนแรงๆ โดยตลอดอย่างไม่หยุดยั้งด้วย” ..... อาจารย์เมื่อได้ยินลูกศิษย์บอกเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองดูลูกศิษย์ และยิ้ม ๆ ตอบว่า “นั่นแหละคือคำตอบของคำถามของเจ้า เพื่อที่จะพบพระเจ้า เจ้าก็จำต้องกวนชีวิตของเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนอย่างรุนแรงเช่นกัน” ...???!!!
            .....ลูกปลาวาฬ ถามแม่ปลาวาฬว่า  “คุณแม่ คุณแม่ มหาสมุทรอยู่ที่ไหนครับ” .....
            แม่ปลาวาฬตอบว่า   “ก็ที่นี่เอง เจ้าอยู่ในมหาสมุทรอยู่แล้ว ?!”
            ลูกปลาวาฬทำหน้าประหลาดใจ ถามอีกว่า   “ผมไม่เห็นมหาสมุทรเลย ผมเห็นแต่น้ำทะเล” ....?!

            คำถามของลูกศิษย์กับอาจารย์ที่ว่า “พระเจ้าอยู่ที่ไหน?” และที่ลูกปลาวาฬถามแม่ปลาวาฬว่า “มหาสมุทรอยู่ที่ไหน?” คงเป็นคำถามของเรามนุษย์ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 เช่นกัน พวกเราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า
            - เห็นป่าแต่ไม่เห็นต้นไม้ (see the forest but not the trees)
            - เห็นต้นไม้แต่ไม่เห็นป่า (see the trees but not the forest)
           
            ลูกศิษย์เห็นน้ำนมถังนั้น (the forest) แต่ไม่เห็นเนย (the trees)
            ลูกปลาวาฬเห็นน้ำทะเล (the trees) แต่ไม่เห็นมหาสมุทร (the forest)

            ชีวิตประจำวันของเราที่ถูกอิทธิพลแห่งโลกาภิวัฒน์ครอบงำอย่างรุนแรง ในโลกปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน เราทำหน้าที่ของเราอย่างรีบเร่ง อย่างขันแข็ง ติดต่อคนนั้น รับโทรศัพท์คนนี้ รับส่งอีเมล์ รับส่งโซเชียลมีเดีย เปิดตอบไลน์ ไล่ดูเฟซบุ๊ค อย่างไม่หยุดหย่อน ตามหาคนโน้น วิ่งไล่ตามคนไหน (ก็ไม่รู้) จนกระทั่งเหนื่อยหอบ หัวใจจะวาย เพื่อให้งานที่เรารับผิดชอบผ่านไปได้ ให้สำเร็จลุล่วงไป... แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง ความสลับซับซ้อนของเหตุการณ์ ความยุ่งยากลำบากของชีวิต เรากลับไม่ได้ให้ความสนใจอย่างที่ควรแก่คนที่เราติดต่อ ที่เราพูดคุย ที่เราสัมผัสด้วย เรากลับไปมุ่งที่งาน...งาน... งานอย่างเดียว มุ่งให้งานเสร็จ ให้งานสำเร็จ
            เราเห็นแต่ป่า .... แต่ .... เราไม่เห็นต้นไม้.... เราเห็นน้ำนม แต่เราไม่เห็นเนย .... หมายถึงเราเห็นเฉพาะกิจการงาน แต่เราไม่เห็นพระเจ้าที่อยู่ในตัวบุคคล เพื่อนมนุษย์ ที่พบปะติดต่อด้วย

            บทความที่นำมานี้ยังเป็นเพียงครึ่งเดียวของประเด็นทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้เราเข้าใจ และตาสว่างมากขึ้นมากทีเดียว "เอฟฟาทา" “จงเปิดเถิด" ขอพระเจ้า เปิดตาของเราให้มองเห็นพระองค์ ขอพระองค์เปิดหูของเราให้ได้ยินเสียงของพระองค์ ขอพระองค์เปิดปากของเรา เพื่อจะกล่าวถึงกิจการอันมหัศจรรย์ของพระองค์ด้วยเถิด
พ่อสุพจน์
.........................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : น้ำ...ป่าวววว

แก้วดื่มน้ำใบนี้เป็นของ สสส.
ผมว่าเป็นแก้วชวนหิว
เรียบเรียบง่ายง่ายแต่สร้างสรรค์ดี

สกรีนกันคนละด้าน
แต่ถ้าวางซ้อนกันจนได้เหลี่ยมได้มุมที่ถูกต้อง
ก็จะเห็นและอ่านได้เป็นประโยคที่ว่า
"ควรดื่มน้ำเปล่า อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน"

ใครใครก็รู้ว่าดื่มน้ำดี การแพทย์หลายสูตรก็ยืนยัน
แต่ถึงกระนั้น เพื่อให้ได้ผลดีจริงจริง
ก็ยังต้องมีคำว่า อย่างน้อย”  คอยกำกับ

ชีวิตก็เช่นกัน...
หลายสิ่ง น้อยไปก็ไม่พอดี
หลายอย่าง มากไปก็เกินพอดี

ตั้งหลักของชีวิตดีดี
ก่อนที่ชีวิตจะมากไป-ก่อนที่ชีวิตจะน้อยเกิน
ไม่พอดี!!!

Shutter Lover

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น