วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2015

พี่น้องที่รัก
                วันนี้วันอาทิตย์อีกแล้ว! พี่น้องคงทราบความหมายดีใช่ไหม? วันนี้ต้องไปวัด!!!
                สำหรับบางคน การไปวัดวันอาทิตย์เป็นข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติ คนเหล่านี้คิดว่าความจริงวันอาทิตย์สมควรที่จะเป็นวันพักผ่อนสบาย ๆ ชิ วๆ ของเรา ดังนั้นเมื่อถูกบังคับให้ต้องไปวัด เลยรู้สึกไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ที่จะมา หรือ มาแบบเสียไม่ได้
                นักบุญพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่สอง สอนว่า วันอาทิตย์แต่ละอาทิตย์นั้น ถือเป็นการฉลองปัสกา ทุกสัปดาห์ เป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของพระเยซูคริสต์ที่มีเหนือบาปและความตาย  ซึ่งเป็นการบรรลุถึงความบริบูรณ์ในพระองค์ผู้ทรงเป็นสิ่งสร้างแรก และเป็นการเริ่มยุคของสิ่งสร้างใหม่ (2คร.5:17) วันอาทิตย์เป็นวันที่เราถวายนมัสการขอบพระคุณพระ เพื่อหวนระลึกถึงวันเริ่มแรกของโลกและยังมองไปข้างหน้าด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม ไปจนถึงวันสุดท้ายที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ และสรรพสิ่งจะได้รับการเนรมิตขึ้นใหม่
                ถ้าเรายังไม่รู้สึกว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่เราสมควรจะอุทิศเวลาเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเรากับพระเจ้าแล้วละก็ ลองมาหาเหตุผลที่ช่วยเตือนสติเราให้เห็นความสำคัญของการมาวัดวันอาทิตย์เพิ่มเติมขึ้นสักหน่อยเถิด
                เหตุผลประการแรก "ใครเล่าจะอยากตกนรก?”
                เหตุผลประการแรกนี้เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ช่วยผลักดันให้เรามีความสม่ำเสมอในการมาวัดวันอาทิตย์ เพราะโดยพื้นฐานที่สุด ทุกคนที่มีความเชื่อในองค์พระคริสตเจ้า ไม่ว่าเขาจะเป็นคนศรัทธามาก หรือ แม้แต่คนที่รู้ตัวเองว่าเป็นคนบาปหนาก็ตาม คงจะต้องหนาวเข้าถึงกระดูกเมื่อได้อ่านถ้อยคำของพระเยซูที่ว่า "จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูกว้างและทางที่นำไปสู่หายนะนั้น กว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก ...มิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่เขาว่า เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย ท่านผู้กระทำความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา" (มธ. 7:13-23)
                ลองพิจารณาดูสิครับ คงไม่มีใครอยากได้ยินคำว่า "เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย" เมื่อเราต้องพบกับพระเยซูหน้าต่อหน้าในฐานะเป็นผู้พิพากษาที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในวาระสุดท้ายของชีวิต เพียงแค่คิดแค่นี้ ก็อาจทำให้เรานอนไม่หลับทั้งคืนแล้ว แต่ค่อยยังชั่วหน่อยที่เราก็ทราบเช่นกันว่า พระองค์รักเรา และอยากให้เราทุกคนได้รับความรอดพ้น แต่กระนั้น พระเจ้าทรงประทานอิสรภาพให้กับเราทุกคนที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองในเรื่องนี้ คำสอนคริสตังมีคำอธิบายไว้ว่า "เราไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าได้ ถ้าเราไม่เลือกด้วยใจอิสระที่จะรักพระองค์  แต่เราก็ไม่สามารถรักพระเจ้าได้ถ้าเราทำบาปหนัก การตายในบาปหนัก โดยปราศจากการเป็นทุกข์เสียใจในบาปที่ได้กระทำ และน้อมรับพระเมตตารักของพระเจ้า หมายความว่าเขาจะถูกตัดขาดจากพระองค์ตลอดไป และนั่นเป็นผลของ การตัดสินใจเลือกด้วยใจอิสระของเราเอง ความหมายก็คือ เลือกที่จะตกนรก
                คงไม่มีใครหรอกที่อยากตายในบาปหนัก แต่อย่าลืมว่าการขาดวัดวันอาทิตย์โดยไม่มีเหตุผลอันควร เป็นบาปหนัก!!!
                กฏหมายของพระศาสนจักรมีระบุบไว้ในมาตรา 1247 ว่า  ในทุกวันอาทิตย์ คริสตชนมีหน้าที่ที่จะต้องไปร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ
                พี่น้องครับ เหตุผลประการแรกนี้ เป็นเหตุผลที่ซื่อๆง่ายๆ นั่นคือ การขาดวัดวันอาทิตย์โดยไม่มีเหตุอันควร เป็นบาปหนัก และถ้าเราปล่อยมลทินบาปนี้ไว้โดยไม่เป็นทุกข์เสียใจ และไปรับศีลอภัยบาป จะเป็นผลให้วิญญาณของเราต้องตกนรก ใครอยากตกนรกบ้าง???
                ประโยชน์ของการมาวัดวันอาทิตย์ นอกจากช่วยเราให้ไม่ตกในบาปหนักแล้ว ยังช่วยลบล้างมลทินบาปเบาต่างๆของเรา โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปรับศีลอภัยบาปอีกด้วย นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณให้เราสามารถรู้เท่าทันกลลวงของปีศาจได้อีกด้วย
                สัปดาห์หน้า เราจะมากล่าวถึงเหตุผลลำดับถัด ๆ ไปนะครับ
พ่อสุพจน์
................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : โนวบอดี้


บางที เราก็อยากเป็น ใครบางคน (somebody)
ของ ใครบางคน (someone)
หรือ บางที ก็อยากเป็น ใครบางคน
ของ ใครอีกหลายหลายคน (some people)

ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ
เป็นส่วนหนึ่งของความต้องการแบบมนุษย์
ที่เราอยากมีคุณค่า มีความสำคัญ
หรืออยากให้คนเห็นคุณค่า หรือความสำคัญของเรา

แต่เอาเข้าจริงจริง ชีวิตก็ไม่เป็นอย่างใจต้องการเสมอ
เพราะเมื่อต้องอยู่กับผู้คน ในสังคมจริงจริง
เพราะเมื่อต้องอยู่กับผู้คน ในชีวิตจริงจริง

หลายครั้งหลายหน เราก็รู้สึกและสัมผัสได้เองว่า
เราไม่ได้มีคุณค่าขนาดนั้น เราก็ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น
และบางทีเราไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจาก NOBODY สำหรับใครหลายคน

แต่ถึงจะพบจะเจอแบบนั้นบ่อยบ่อย แต่ถึงจะรู้สึกแบบนั้นบ่อยบ่อย
เอาเข้าจริงจริง การที่ไม่มีใครรู้ว่า เรามีคุณค่าหรือมีความสำคัญอย่างไร
ก็ไม่ใช่ เรื่องหนักหนาสาหัสอะไรในชีวิต

เว้นแต่ว่า มันมีผลมากจนทำให้แม้แต่เราเอง
ก็มองข้ามความมีคุณค่า และความสำคัญของตัวเองไปด้วย
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่หนักหนาอะไรอีกเช่นกัน

คุณอาจสงสัยว่า แล้วอะไรคือ ความหนักหนาสาหัสของเรื่องนี้

อันที่จริงมันไม่มีหรอก ที่ผมคิดและบอกอย่างนั้น คงเป็นเพราะว่า
สำหรับพระเจ้า คุณเป็น ใครบางคน ของพระองค์เสมอ


Shutter Lover

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น