พี่น้องที่รัก
สัปดาห์ที่แล้วพ่อได้กล่าวถึงการหาเหตุผลเพิ่มแรงจูงใจเพื่อจะมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์อย่างสม่ำเสมอ
เหตุผลประการแรกที่กล่าวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ “ใครเล่าจะอยากตกนรก?” สำหรับเหตุผลประการต่อไปที่อยากจะกล่าวถึงคือ
เมื่อได้อ่านเนื้อความของข้อเขียนในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว
ท่านกำลังกระตุ้นตัวเองว่า ฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง
จึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องลองมองหาข้อดีของการมาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นประจำทุกสัปดาห์ดูบ้าง
คำส่งท้ายที่พระสงฆ์กล่าวกับสัตบุรุษก่อนพิธีมิสซาจบก็คือ “พิธีบูชาขอบพระคุณจบแล้ว
จงไป....” ภาษาละตินใช้คำว่า
“Ite missa est!” ซึ่งเป็นการกล่าวเตือนสติเราว่าพิธีนมัสการพระเจ้าจบสิ้นแล้วบัดนี้
ให้เราได้หาหนทางเปลี่ยนแปลงชีวิตในภาคปฏิบัติให้เหมาะสมกับคำสอนของพระเจ้าเถิด
มีบางคนเคยกล่าวหาคริสตศาสนาว่าไม่ได้เน้นให้ศาสนิกชนออกไปเปลี่ยนแปลงโลกเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น
ดังนั้นคำกล่าวส่งท้ายของพระสงฆ์ในช่วงท้ายพิธีมิสซาจึงเป็นการตอกย้ำว่า
คำกล่าวหานั้นเป็นคำกล่าวหาที่โกหก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม
เรายังมั่นใจว่าคริสตชนตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันได้พยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ผ่านทางพระพรมากมายที่พระเจ้าโปรดประทานให้กับเราทุกคนที่มาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ทุกสัปดาห์
คำภาษาละตินที่ว่า “Ite missa est!” มีความหมายว่า “มิสซาจบแล้ว
ท่านถูกส่งไป” คำว่า “Missa” หรือ “มิสซา” มาจากคำว่า “Missio” เป็นรากศัพท์ของคำภาษาอังกฤษที่ว่า “Mission” หมายถึง
“ภารกิจ/พันธกิจ” รวมความแล้วหมายถึง
เราได้รับการส่งออกไปทำพันธกิจในโลก เพื่อให้พระพรของศีลมหาสนิทที่เราได้รับมาบังเกิดผลในสังคมโลก
ข้อคิดสำคัญตรงนี้คือ การรักพระเจ้า และ
การรักเพื่อนมนุษย์ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
และต้องไม่ตัดขาดออกจากกัน นักบุญยอห์นกล่าวสอนเราว่า “ถ้าใครกล่าวว่า
ฉันรักพระเจ้า แต่ เกลียดเพื่อนพี่น้อง เขาก็กล่าวโกหก เพราะใครก็ตาม
ที่ไม่รักเพื่อนพี่น้องที่เขามองเห็นได้ เขาจะรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็น
ได้อย่างไร” (1ยน. 4:20) ดังนั้นเมื่อเรารำลึกถึงความจริงประการนี้
เราจะเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่าง การนมัสการพระเจ้า “ด้วยจิตใจและความจริง”
(ยน.4:24) กับ การเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีงามยิ่งขึ้นนั่นเอง
โดยสรุป เหตุผลประการนี้คือ
เราได้รับการส่งไปเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ยังมีเหตุผลดี ๆ อีกหลายประการที่จูงใจเราให้มาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันอาทิตย์
ที่พ่ออยากจะกล่าวถึงอีกหลายประการนะครับ ไว้คราวต่อ ๆ ไปจะมาคุยกันต่อนะครับ
คพ.สุพจน์
.................................................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : เราก็คนเหมือนเหมือนกัน
แค่คิดว่าที่ผ่านมาชีวิตเรา
เคยพลาด เคยผิดมามากเท่าไหร่แล้ว
ไยเราจึงสมควรได้โอกาสจากพระ...ให้ได้หายใจต่อ
ความผิดของคนอื่นที่ปฏิบัติต่อเรา
ก็ดูจะธรรมดาไปเลยก็ดูจะเบาบางไปเลย
ก็ดูจะไม่หนักหนาอะไรเลย ก็ดูจะไม่เป็นอะไรเลย
แต่เสียดาย...ที่เรามักมองข้ามจุดนั้นไป
เพราะเมื่อเราลืมตาอ้าปากได้
เพราะเมื่อเรากลับขึ้นมาดีได้
เพราะเมื่อเราผ่านจุดนั้นมาได้...เรามักหลงลืมมันไป
และบ่อยบ่อย เป็นเราเองที่กลับใจคับแคบ
เหยียบหลัง เหยียบบ่า เหยียบหัว
คนที่เขาพลาด คนที่เขาผิดขึ้นมายืนประหนึ่งว่า “ข้าดีที่สุดในโลก”
เราไม่ได้รับโอกาส ไม่ได้รับอากาศวันนี้ คนอย่างเราจะเป็นเช่นไร?
ถ้าเราได้สำนึกบ้างว่า...เขาก็เป็นเหมือนเรา
เขาก็คล้ายกับเรา ในวันเก่าเก่าที่เราเคยล้มลง
บางที เราคงอภัยได้ง่ายขึ้น
บางที เราคงไม่เหยียบเขา_กดเขาจนจม
บางที เราคงเป็นเหมือนพระง่ายขึ้น
Shutter
Lover