พี่น้องที่รัก
เราก้าวมาถึงวันสมโภชพระจิตเจ้าแล้ว
การสมโภชนี้ทำให้เราได้มองเห็นความจริงประการสำคัญนั่นคือ
พระจิตเจ้าเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ
พระจิตเจ้านี้มีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับ พระบิดา และ พระบุตร และ
พระองค์ถูกส่งลงมายังโลก ในฐานะเป็น องค์พระผู้ช่วย พระผู้บรรเทา
ผู้ประทานความสว่าง และ การบันดาลให้เกิดการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ สืบต่องานการสร้างของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา
เมื่อพระจิตเจ้าลงมาประทับอยู่กับชาวเรา
ยังผลให้โลกได้รับการประจุพลังใหม่โดยทางองค์พระจิตเจ้านี้เอง
ในวันฉลองพระจิตเจ้า
พระเยซูทรงส่งพระจิตมายังโลกด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า
พลังเหนือธรรมชาติของพระเจ้าจึงโปรยปรายลงมายังโลกของเราจนเอ่อล้น
ความมีชีวิตชีวาจึงเกิดขึ้นในลักษณะพิเศษ นั่นคือ
คำสรรเสริญหลั่งไหลพรั่งพรูจากลิ้นที่เคยติดขัด พระพรพิเศษของพระจิตหลั่งไหลท่วมท้นหุบเขาที่พำนักของมวลมนุษย์
ประตูที่เคยปิดตายบัดนี้พังทลายลง และ หัวใจของมนุษย์ที่เคยหวั่นไหวหวาดกลัว
กลับสุขุมเยือกเย็นเข้มแข็ง
องค์พระจิตเจ้าที่ได้รับการขนานนามว่า
องค์พระผู้ช่วย ซึ่งเป็นความหมายที่เราพบได้จากหนังสือพระวรสารนักบุญยอห์น คำขนานนามนี้มาจากภาษากรีกที่มีความหมายถึงการบรรเทาใจ
(paraklesis) จึงเป็นที่มาของ "พระผู้ช่วย"
หรือ "ผู้บรรเทาความทุกข์ร้อน"
ความหมายที่สำคัญสองประการของ
"องค์พระผู้ช่วย" ที่ปรากฏในพระวรสารนั้น
ในใจความแรกหมายถึง ความสัมพันธ์ภายใน ระหว่าง พระเยซู พระจิตเจ้า และ พระบิดา
และในใจความที่สองที่หมายถึงบทบาทของการเป็นผู้เสนอแทนนั้นมีหน้าที่ค้นหาเพื่อเข้าถึงความจริง
ตรงนี้เองที่ทำให้เราเข้าถึงความเข้าใจที่ปรากฏชัดขึ้นขององค์พระตรีเอกภาพ
นั่นคือ องค์พระผู้ช่วย นั้นมาจากพระบิดา ซึ่งทำให้เห็นว่าพระบิดาเป็นประดุจศูนย์กลางของธารน้ำหลั่งไหลภายในพระตรีเอกภาพ
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง องค์พระผู้ช่วยกับพระเยซูนั้นแตกต่างออกไป
แม้ว่าพระบิดาเป็นแหล่งกำเนิดขององค์พระผู้ช่วย
แต่เป็นพระเยซูที่เป็นผู้ส่งองค์พระผู้ช่วยลงมา
แล้วนั้นองค์พระผู้ช่วยจึงลงมาประทับอยู่ในบรรดอัครสาวก เพื่อจะเป็นพยานถึงองค์พระเยซู
ยิ่งไปกว่านั้น องค์พระผู้ช่วยยังได้รับการขนานนามว่า พระจิตแห่งความจริง
ผู้ซึ่งจะนำพระสิริมงคลมาสู่พระเยซู และ
จะส่องสว่างบรรดาอัครสาวกให้เข้าใจถึงสิ่งที่ได้รับการเผยแสดงแจ่มชัดยิ่งขึ้น
ส่วนความสัมพันธ์ของพระเยซูกับพระบิดานั้นก็มีเอกลักษณ์พิเศษ
ประการแรกเพื่อพระองค์จะส่งพระจิตที่เนื่องมาจากพระบิดาได้นั้น
พระเยซูจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้งกับพระบิดา ยิ่งไปกว่านั้น
พระเยซูเคยกล่าวเอาไว้ว่า สิ่งใดที่เป็นของพระบิดาก็เป็นของพระองค์
นั่นหมายความว่า พระจิตแห่งความจริงที่มีกำเนิดมาจากพระบิดานั้นก็เป็นของพระเยซูด้วย ดังนั้นบทบาทของพระจิตในการแสวงหาความจริงนั้น
อยู่ที่หน้าที่สามประการสำคัญคือ การเป็นพยานยืนยันด้วยชีวิต
การถวายเกียรติแด่พระเจ้า และ การสืบทอดคำสอนด้วยการสั่งสอน
พี่น้องที่รักให้เราเปิดใจเราต้อนรับองค์พระจิตเจ้าเถิด
ขอพระพรของพระจิตเจ้า ที่เราได้รับมาทางศีลกำลัง
ได้มีบทบาทในชีวิตของเราแจ่มชัดยิ่งขึ้น
เพื่อเราจะดำเนินชีวิตอยู่เคียงข้างความจริงแห่งคำสอนของพระเจ้าเสมอไป
พ่อสุพจน์
...............................................................................................................
“พระพรพิเศษมีหลายประการ
แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว
มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน
แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว
…เราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน”
อาทิตย์นี่เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า
พระจิตเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าที่ประทับอยู่กับเรามนุษย์ และประทับอยู่กับเราในพระศาสนจักร พระองค์ทรงนำทางเรามนุษย์ทุกคนให้อยู่ในหนทางแห่งความดีและความรัก.
ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า
พระจิตเจ้าเป็นพระบุคคลที่ 3 ในพระตรีเอกภาพ ซึ่งเราเชื่อว่าพระองค์ทรงเสด็จลงมาอยู่กับมนุษย์
ทรงช่วยเหลือมนุษย์ด้วยการประทานพระพรพิเศษต่างๆ
ให้มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตในโลกนี้ได้อย่างดี มีกำลัง มีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับอุปสรรคกับปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการประจญล่อลวงต่างๆ
ที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความผิด บาป และความตายฝ่ายวิญญาณ
เหตุผลของการเสด็จมาประทับอยู่กับมนุษย์และทรงคอยดูแลช่วยเหลือเราทั้งหลายนั้น
ก็ด้วยเหตุผลแห่งความรักของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์
เราจะพบว่าพระเป็นเจ้าทรงกระทำทุกวิถีทางที่จะช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อบาปและความตายฝ่ายวิญญาณ
หลายคนสงสัยว่า ทำไมพระองค์ทรงต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก
ทำไมไม่ทรงบันดาลให้มนุษย์ไปสวรรค์เลยก็หมดเรื่อง... คำตอบ ก็คือ เพราะพระองค์ทรงรักและยังทรงให้มนุษย์สูงส่งกว่าสิ่งสร้างทั้งหลายด้วยการให้มีเสรีภาพ
มีอิสรภาพในการเลือกกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ตนเลือก
(ที่มา : หนังสือ
หลักธรรมคำสอนคาทอลิก)
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น