พี่น้องที่รัก
ชีวิตมนุษย์เราเป็นการเดินทางยาวนาน สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางคือ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายนั้นๆ แน่นอนที่สุดสำหรับเราคริสตชน เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการเกิดมาของเราคือ การบรรลุถึงเมืองสวรรค์ให้ได้ สวรรค์จึงเป็นเป้าหมายที่เด่นชัดที่เราต้องนำพาชีวิตของเราไปให้ถึง แต่ในระหว่างการเดินทางนั้น เราอาจต้องพึ่งพากรอบการดำเนินชีวิตบางอย่าง ที่ช่วยให้ชีวิตของเราสามารถก้าวไปสู่ความสมบูรณ์แบบได้สูงยิ่งขึ้น พ่อได้อ่านข้อคิดดีๆ จึงอยากนำมาแบ่งปันกับพี่น้องบ้าง
3 อย่างที่ผ่านไปแล้วไม่คืนกลับมา : เวลา ชีวิต วัยเยาว์
3 อย่างที่ส่งผลทำลายชีวิตของเรา : โมโห โอหัง ใจแคบ
3 อย่างที่ทิ้งไม่ได้ : ความเชื่อ ความหวัง ความรัก
3 อย่างที่ประมาณค่าไม่ได้ : ความรัก ความดี มิตรภาพ
3 อย่างที่ไม่นิรันดร์ : ความสำเร็จ ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง
3 อย่างที่ช่วยเราให้สำเร็จ : ความรู้ สติปัญญา วินัย
3 อย่างที่ต้องถนอมรักษา : พ่อแม่ ครอบครัว เพื่อนพ้อง
3 อย่างที่ใช้ในการคบมิตร : สัจจะ จริงใจ น้ำใจ
3 อย่างที่ต้องรักษาไว้ให้ดี : โอกาส ชีวิต มิตรภาพ
เก็บเอาไปคิดกันนะครับ มีประโยชน์ทั้งนั้น
พ่อสุพจน์
.......................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
นักวาดภาพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งต้องการวาดภาพของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความสง่างาม
พระเนตรที่ส่องสว่างสดใสสะท้อนให้เห็นถึงความสุขในชีวิตนิรันดร
เขาเฝ้าพยายามหาคนที่จะมาเป็นแบบตามจินตนาการที่เขาตั้งไว้
ที่สุดเขาได้พบกับคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งซึ่งมีลักษณะตรงกับที่เขาต้องการ
เขาจึงให้คนเลี้ยงแกะนั้นนั่งเป็นแบบให้เขาวาด ปรากฏว่าภาพที่เขาวาดออกมานั้นขายได้ดีมากๆ
20 ปีผ่านไป
ประสบการณ์ได้สอนเขาว่า "ชีวิตมิได้มีแต่ส่วนที่ดีเท่านั้น
บ่อยครั้งมนุษย์ก็ปล่อยให้ซาตานครอบงำความคิดและความประพฤติของเขา" ศิลปินผู้นี้จึงคิดสร้างผลงานขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เขาต้องการวาดภาพของซาตาน เขาจึงออกไปควานหาคนที่จะมาเป็นแบบ
เขาพบกับนักโทษคนหนึ่งในคุก ชายคนนี้ได้ฆ่าคนตายและทำผิดมากมาย
และกำลังจะถูกประหารชีวิต ใบหน้าของเขาช่างดูน่ากลัวอย่างที่นักวาดภาพไม่เคยเห็นมาก่อน
มันแสดงให้เห็นภาพของซาตานได้อย่างชัดเจน
ครั้นเมื่อเขาวาดภาพเสร็จ
นักโทษคนนี้ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด เมื่อหวนระลึกถึงวันเวลาในอดีตของชีวิตตนเอง
ยังความประหลาดใจให้กับนักวาดภาพเป็นอันมาก
"คุณร้องไห้ทำไมครับ"
นักวาดภาพถาม นักโทษผู้เป็นแบบของใบหน้าซาตานว่า
"เมื่อ 20 ปีก่อน คุณได้วาดภาพๆ
หนึ่ง ภาพนั้นคือ ภาพพระพักตร์พระเจ้า
และคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งมานั่งเป็นแบบให้คุณวาดใช่ไหม? คุณคงจำคนๆ
นั้นไม่ได้จริงๆ เพราะเขาคนนั้น..ก็คือผมคนนี้..ในวันนี้เอง"
พี่น้องที่รัก…เรามีใบหน้าเหมือนพระเจ้าไหม ใบหน้าที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความใจดี อ่อนหวาน
รอยยิ้มของเราเหมือนพระเจ้าไหม เป็นรอยยิ้มที่บรรเทาใจ
และทำให้ผู้ที่เห็นสดชื่นหรือไม่…
หรือเรามีใบหน้าคล้ายกับมารปีศาจ
ซาตาน ที่มีลักษณะดุร้าย ใครก็ตามที่เห็นเราต้องหลบ ต้องหนี หรือ เบือนหน้าใส่เรา
ไม่อยากอยู่ใกล้เรา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม… ใบหน้าที่ดูหล่อเหลา หรือ ดูสวยงาม น่าชม ก็ยังไม่งดงาม
เท่ากับ หัวใจที่สวยสดงดงามของเรา !!
· เราจะมีใบหน้าเหมือนพระเจ้า ถ้าเราแสดงความรักต่อผู้อื่น
· แต่ถ้าชีวิตเรามีแต่ความไม่ดี เห็นแก่ตัว ชอบคดโกง ไม่ค่อยช่วยเหลือคนอื่นเลย
เราคงมีใบหน้าเหมือนมาร ปีศาจ ซาตานนั่นเอง
พระเจ้าทรงสร้างเรามาให้มีภาพลักษณ์เหมือนพระองค์
และเพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ ดังนั้น เราจึงต้องรักกันและกันด้วย…
“บัญญัติของเราก็คือ ให้ท่านทั้งหลายรักกัน
เหมือนดังที่เรารักท่าน”
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น