พี่น้องที่รัก
พี่น้องครับพิธีฉลองวัดประจำปี
ค.ศ. 2014 จะมาถึงในวันอาทิตย์ที่ 24
สิงหาคมนี้
ดังนั้นเราเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวสำหรับการจัดเตรียมงานฉลองวัดประจำปีของเราครับ
ในปีนี้พ่อได้เรียนเชิญพระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวานิช
มาเป็นประธานในพิธีฉลองวัดของเรา และตามที่เราเคยปฏิบัติกันมา
ก่อนการฉลองวัดเราจะเชิญพระสงฆ์มาเทศน์เตรียมจิตใจพี่น้องสัตบุรุษล่วงหน้าก่อน 3
สัปดาห์นั้น ในปีนี้พ่อได้เชิญ คุณพ่ออนุรัตน์ ณ สงขลา
มาเทศน์ในวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม และ คุณพ่อประเสริฐ ตรรกเวศม์
มาเทศน์ในวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม และ คุณพ่อสานิจ
สถะวีรวงส์ มาเทศน์ในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม
เพียงแต่ปีนี้คุณพ่อทั้งสามจะมาเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณและเทศน์ในพิธีมิสซารอบ
10.00 นาฬิกาเท่านั้นครับ
สำหรับการฉลองภายในของวัดเซนต์หลุยส์ของเรา
จะมีในวันที่ 23 สิงหาคม เวลา 17.30 น. ประธานในพิธีคือ คุณพ่อสุรชัย
ชุ่มศรีพันธุ์ หลังพิธีมีการแห่พระรูปนักบุญหลุยส์
พ่อสุพจน์
ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
เทวดากับดอกกุหลาบ
มีชาวนาผู้จนยากคนหนึ่ง
ตั้งใจว่าจะไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวันตลอดชีวิตของเขา
เช้าวันหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินข้ามทุ่งนาที่เต็มไปด้วยหิมะที่ขาวโพลนไปทุกแห่งหน
เพื่อมุ่งไปยังวัด เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังเขา
เขาจึงเหลียวกลับไปมอง
เขาเห็นเทวดารักษาตัวถือตะกร้าที่มีดอกกุหลาบวางอยู่เต็มตะกร้า ส่งกลิ่นหอมอบอวล "เห็นไหม" เทวดากล่าว "ดอกกุหลาบเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆฝีก้าวของท่านที่เดินมุ่งหน้าไปยังวัดเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ
ดอกกุหลาบแต่ละดอกนี้แสดงถึงรางวัลแห่งสิริมงคลที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับท่านในสวรรค์
แต่อย่างไรก็ดีพระพรที่ท่านได้รับจากการไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณนั้นมากมายมากกว่ายิ่งนัก"
ทำอย่างไรถึงจะทำให้ธุรกิจของเราเจริญก้าวหน้าเกิดผลงอกงาม
เพื่อนนักธุรกิจสองคนอาศัยอยู่ในเขตเมืองเดียวกันในประเทศฝรั่งเศส
ทั้งสองทำธุรกิจชนิดเดียวกัน ในขณะที่คนหนึ่งประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
ส่วนอีกคนธุรกิจฝืดเคืองแทบจะชักหน้าไม่ถึงหลัง
แม้ว่าเขาจะทำงานหนักกว่าและตื่นเช้ากว่าเพื่อนของเขา
หลังจากมาพบปะสนทนากันในเรื่องราวต่างๆแล้ว
เพื่อนคนที่ธุรกิจฝืดเคืองตัดสินใจปรึกษาขอคำแนะนำจากเพื่อนอีกคนที่ทำธุรกิจเจริญรุ่งเรืองกว่าเพื่อหวังจะขอเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ
"เพื่อนรักเอ๋ย" นักธุรกิจที่มั่งคั่งกล่าว "ฉันไม่มีเคล็ดลับอะไร
ฉันทำงานเท่าๆกันกับที่ท่านทำ แต่ถ้าจะมีอะไรที่แตกต่างกันไปบ้าง ก็มีเพียงแต่ว่า
ฉันไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกวัน ส่วนเธอไม่ได้ไป
ฉะนั้นเธอจงทำตามคำแนะนำของฉันเถิด ไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุกๆเช้า และ
ฉันมั่นใจว่าพระเจ้าจะอำนวยพระพรกิจการงานของท่าน"
แล้วเพื่อนนักธุรกิจที่จนกว่าก็ทำตามคำแนะนำที่ได้รับ
และไม่นานหลังจากนั้น ปัญหาอุปสรรคที่เขาเผชิญอยู่ก็จบลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และ
ธุรกิจของเขาก็เจริญเติบโตมั่งคั่งเกินกว่าความคาดหมายของเขาเสียอีก
.................................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่
16 เทศกาลธรรมดา
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน
ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ
แล้วข้าวละมานมาจากที่ใดเล่า’ นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’
นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย
จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า
จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’”
พี่น้องครับ… พระวาจาของพระเจ้าอาทิตย์นี้ พูดถึงความแตกต่างของ “ข้าวละมาน” กับ “ข้าวสาลี” ข้าวละมานเป็นข้าวพันธุ์ไม่ดี
ส่วนข้าวสาลีเป็นข้าวพันธุ์ดี
ข้าวละมาน น่าจะหมายถึง สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายที่ปะปนกันอยู่ในสังคมของเรา
หากถ้าจะนึกถึงชีวิตของเราแต่ละคน ก็น่าจะหมายถึง ความบกพร่อง ความไม่ดีต่างๆ ส่วนข้าวสาลี น่าจะหมายถึง สิ่งที่ดีๆ
ทั้งหลายที่เราได้กระทำให้บังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ซึ่งจากพระวาจาตอนนี้น่าจะเป็นข้อคิดให้กับเราว่า…
· ในชีวิตของเราและในสังคมของเรามีทั้งสิ่งดี
และ สิ่งไม่ดีปะปนกัน
· พระเจ้าทรงอดทน และรอคอย
ให้คนที่ไม่ดีมีเวลาเปลี่ยนแปลงตนเอง และมีเวลากลับใจเสมอ
· ศัตรูของเรา คือ ปีศาจ
มันพยายามจะทำให้ความชั่ว ชนะความดี พยายามทำให้เราซึ่งเป็นลูกของพระทำในสิ่งที่ไม่ดี
และพยายามทำให้เราหลงทางอยู่เสมอ
ดังนั้น
ขอให้เราเสริมสร้างความดีให้เกิดขึ้น ขจัดความไม่ดีต่างๆ ด้วยความดี
นั่นคือแสดงออกมาด้วยความรักให้ปรากฏแก่ทุกคน
และพยายามไม่ตัดสินกันและกันด้วยความคิด หรือ อคติของเรา
แต่ขอให้เราได้มองคนอื่นด้วยใจกว้าง ไม่ตัดสินคนอื่นด้วยเบาความ
แต่ขอให้เราให้โอกาสแก่ผู้ที่ทำผิดได้ปรับปรุงแก้ไข
บนพื้นฐานแห่งความรักและการให้อภัย และที่สุดขอเพียงเราเจริญชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
ทำสิ่งดีดีให้เกิดขึ้น โดยการนำความรักไปสู่ผู้อื่นในสังคม
ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุข สังคมก็จะน่าอยู่เสมอไป
คพ.วิทยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น